อักษราภัคกำลังตกอยู่ในความคิดของตนเอง จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงเรียกของโซยา
เมื่อการเอ่ยเรียกในครั้งแรกไม่ได้ผล คราวนี้โซยาจึงสะกิดลงไปบนบ่าเล็ก ขณะเอ่ยเรียกซ้ำอีกครั้ง
“คุณอักษราภัค เข้าไปพบคุณมาคิลได้แล้วค่ะ”
อักษราภัคสะดุ้งเฮือก กะพริบตาถี่ๆ หันไปมองโซยาอย่างงุนงง ขณะเอ่ยถามกลับคืนบ้าง “คะ?...คุณพูดว่าอะไรนะคะ”
“ฉันบอกคุณว่า คุณมาคิลให้คุณเข้าไปพบได้แล้วค่ะ”
อักษราภัคพยักหน้ารับ แต่แทนที่จะก้าวเดินตามโซยาเข้าไปภายในคฤหาสน์ หญิงสาวกลับยืนนิ่งเฉยอยู่ที่เดิม อาการลังเลเล่นจู่โจมเข้าสู่หัวใจ ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพร้อมแล้วหรือ?...พร้อมสำหรับการเข้าไปเผชิญกับความเจ็บปวดที่รอเธออยู่ข้างหน้าหรือยัง
โซยาก้าวเดินไปหลายก้าวแล้ว พอรู้สึกว่าพยาบาลสาวไม่ได้เดินตามตนเองมา ก็หันมามองทางด้านหลัง พอเห็นอักษราภัคยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ก็เอ่ยเรียกติดน้ำเสียงรำคาญ
“คุณพยาบาล คุณจะเข้าไปพบคุณมาคิลไหม เจ้านายรอคุณอยู่นานแล้ว อย่าให้เจ้านายต้องหงุดหงิด และอย่าให้คุณหนูลีน่าต้องโมโห ไม่ยังงั้นคุณจะเดือดร้อนได้ เข้าใจไหม”
“แค่ถูกบังคับให้เดินทางมาที่นี่ ฉันก็เดือดร้อนมากพออยู่แล้ว”
อักษราภัคพึมพำเบาๆ อยู่คนเดียว ฝืนยิ้มให้กับโซยา สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้กับตนเอง ก่อนจะลากเท้าอันหนักอึ้งเดินตามโซยาไปช้าๆ พร้อมกับสั่งตัวเองว่า ไม่ว่าจะพบเจอกับสิ่งใด จะเห็นภาพบาดตา ทำให้เลือดอาบหัวใจมากเพียงใด เธอต้องเข้มแข็ง จะไม่ปล่อยให้มาคิลทำร้ายหัวใจของเธอได้อีกครั้ง
‘เธอต้องทำได้ อักษรา เธอต้องทำได้ เธอต้องเข้มแข็งให้ถึงที่สุด’
หญิงสาวพร่ำบอกตัวเองอยู่ในใจ ใบหน้างามที่ซีดเผือดอยู่แล้ว ยิ่งขาวซีดไร้สีเลือด เมื่อก้าวเดินตามโซยาไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงห้องนั่งเล่น
และยิ่งเดินเข้าใกล้ห้องนั่งเล่น จนกระทั่งได้ยินเสียงห้าวทุ้มของมาคิล อักษราภัคก็รู้สึกราวกับกำลังเดินเข้าสู่หลักประหารก็ไม่ปาน อากาศรอบๆ ตัวเริ่มลดน้อยถอยลง ทำเอาหญิงสาวหายใจติดขัดไปหมด
โซยาเดินนำหน้าเข้าไปในห้องนั่งเล่น จากนั้นก็พยักพเยิดให้อักษราภัคเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าผู้เป็นเจ้านาย พร้อมกับเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่ม ให้รับรู้ถึงการมาถึงของพยาบาลสาว
“เจ้านายค่ะ นางพยาบาลมาแล้วค่ะ”
อักษราภัคลากเท้าเล็กอันหนักอึ้ง แทบก้าวเดินไม่ออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามาคิล หญิงสาวรู้สึกถึงอาการสะดุดลมหายใจ เมื่อเห็นมาคิลนั่งอยู่กับเด็กน้อยน่ารักวัยสดใส
ทว่า...ยังมองเห็นใบหน้าของบุรุษแห่งทะเลทรายที่ตนเองเฝ้าคะนึงหาในทุกวินาทีไม่ชัดนัก เพราะอีกฝ่ายยังคงก้มหาอยู่
แต่พอได้ยินคำรายงานของหญิงรับใช้ กอปรกับรับรู้การเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อักษราภัคก็ถึงกับผงะ หน้าซีดไม่ต่างจากไก่ต้ม เมื่อดวงตากลมโตต้องปะทะกับใบหน้าคมเข้มบูดบึ้ง ถมึงทึง ดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะฆ่าคนได้ ขณะเจ้าตัวผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับสบถลั่นห้อง
“นรก! บ้าฉิบ! ทำไมต้องเป็นเธอด้วย”
เสียงสบถดังลั่นแสดงถึงอาการโกรธจัดของมาคิล ทำลายความเงียบในห้องนั่งเล่น ทุกคนในห้องต่างก็สะดุ้งตกใจไปตามๆ กัน อัซลีน่าตกใจหน้าซีด เงยหน้ามองผู้เป็นลุง มือเล็กเอื้อมไปจับต้นแขนสีแทน พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณลุงเป็นอะไรคะ ทำไมต้องตะโกนเสียงดังด้วยค่ะ”
มาคิลกัดฟันกรอด รู้สึกตัวว่าตนเองเผยอาการโกรธกริ้วจวนเจียนคลั่งให้หลานสาวเห็น จึงออกคำสั่งกับโซยา โดยไม่ได้หันหน้าไปมองหญิงรับใช้ ดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวยังคงจับจ้องมองเขม็งอยู่ที่อักษราภัคผู้เดียว
“โซยา พาลีน่าออกไปก่อน”
“ค่ะ...ค่ะ เจ้านาย”
“ทำไมต้องให้ลีน่าออกไปด้วยคะ ใช่ผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า ที่คุณลุงบอกว่าเธอเป็นคนไทย และจะมาเป็นพยาบาลดูแลลีน่าด้วย”
อัซลีน่าไม่ยอมทำตามคำสั่งของผู้เป็นลุง เด็กน้อยปัดมือของโซยาออก ขณะหญิงรับใช้กำลังจะอุ้มเธอให้ไปนั่งบนรถวิลแชร์
เมื่ออัซลีน่าไม่เชื่อฟังคำสั่ง มาคิลจึงเค้นเสียงสั่งดังห้วนมากกว่าเดิม “ลีน่า! ทำตามที่ลุงสั่ง ออกไปกับโซยาเดี๋ยวนี้”
“คุณหนูลีน่า ออกไปกับโซยาก่อน เชื่อโซยานะคะคนเก่ง”
โซยารับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก หญิงสาวออกแรงอุ้มร่างเล็กของอัซลีน่าให้นั่งบนรถวิลแชร์ ขณะเดียวกันก็พยายามปลอบประโลมถไปด้วย พออุ้มร่างเล็กให้นั่งได้เรียบร้อยแล้ว ก็รีบเข็นออกจากห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว มาคิลก็เล่นงานฟาดฟันให้อักษราภัคเจ็บปวดโดยไม่มีอาการลังเลแม้แต่นิดเดียว
“ผมจำได้ว่าตอนติดต่อกับทางโรงพยาบาล ผมสั่งให้ส่งนักกายภาพบำบัดเก่งที่สุดให้มารักษาอัซลีน่า ไม่ได้สั่งให้ส่ง ‘ผู้หญิงลวงโลก’ ที่สุดมาให้ผม ทำไม? ทางโรงพยาบาลฟังคำสั่งของผมไม่เข้าใจหรือยังไงกัน”
อักษราภัคถึงกับสะอึก หน้าชาซะยิ่งกว่าถูกตบด้วยฝ่ามือใหญ่ ครั้งหนึ่งผู้ชายคนนี้เคยบอกว่ารักเธอหมดหัวใจ แต่วินาทีนี้คงไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในหัวใจของมาคิลแล้ว คำทักทายแม้แต่คำเดียว มาคิลยังไม่มีให้กับเธอ ชายหนุ่มพร้อมสำหรับการลงมือห้ำหั่นให้หัวใจดวงน้อยเลือดซึมในทันทีที่พบหน้ากัน
แม้จะเจ็บร้าวรานกับถ้อยคำตอกย้ำของมาคิลมากเพียงใด อักษราภัคก็ยังคงเชิดหน้าขึ้นไม่ต่างจากนางพญา แม้หัวใจดวงน้อยกำลังอ่อนแอเลือดอาบไปทั่วทั้งดวง ทว่าหญิงสาวจะไม่เผยความเจ็บปวดเหล่านี้ให้มาคิลได้เห็น ได้เยาะหยันซ้ำเติมเด็ดขาด
“ทางโรงพยาบาลได้ไตร่ตรองดีแล้วค่ะ ถึงได้ส่งฉันมาที่นี่”
หากแม้นพูดความจริงได้ อักษราภัคอยากตะโกนบอกกับมาคิลเหลือเกินว่า คนที่ส่งเธอมาคือบิดาของเธอต่างหากเล่า
แน่นอนบิดาของเธอสนิทกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับการส่งเธอให้มาแทนที่นางพยาบาลคนอื่นๆ ที่มีความสามารถมากกว่าเธอ ท่านส่งเธอมายังคฤหาสน์อัล ฟามิล หาใช่เพราะต้องการให้มารักษาหลานสาวของเจ้าของคฤหาสน์ไม่! แต่ส่งมาเพื่อเพชรสีฟ้าต่างหาก
“บ้าชะมัด! ทั้งโรงพยาบาลมีนักกายภาพบำบัดคนเดียวหรือยังไงกัน”
มาคิลสบถถามเสียงดังลั่น หงุดหงิด อารมณ์เสีย อีกทั้งคลั่งแค้นไปกับคำพูดของอักษราภัค ไม่นึกว่าหญิงสาวที่เขาพยายามลืมตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา จู่ๆ ก็โผล่หน้ามาทำให้เขาต้องเจ็บปวดอีกครั้ง