บทนำ

2362 Words
“คนสวยดื่มอีกสิครับ” เสียงกระซิบข้างหูของหนุ่มหล่อข้างกายที่ฉันควงมานั่งดื่มด้วย คืนนี้ตั้งใจจะออกมาเที่ยวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์กับแก๊งชะนีของฉัน “ค่ะ” ยื่นมือไปรับแก้วบรั่นดีราคาแพงที่ฉันเป็นคนควักเงินจ่ายเองทุกบาททุกสตางค์ขึ้นมาดื่ม “ยัยเฟย์ ผู้แกหล่อเวอร์อะ ว่าแต่สุดหล่อชื่ออะไรเหรอคะ” นางซินดี้เพื่อนสาวสองที่เห็นชายหนุ่มข้างกายของฉันแล้วทำตาลุกวาวอย่างกับอดยากปากแห้ง ดูท่าทางระริกระรี้ของนางสิ สงสัยช่วงนี้ผู้คงจะไม่ตกถึงท้อง ฉันมีชื่อว่า เฟย์ ลูกสาวคนเดียวของตระกูลพิมุกกวีศิลป์ ทายาทบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ และเรื่องความรวยของฉันคงไม่ต้องพูดถึง ปีนี้ฉันมีอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองกรุง เรียนปีสุดท้ายแล้ว ไม่อยากเรียนจบเลย ที่บอกอย่างนั้น เพราะถ้าเรียนจบคุณพ่อจะให้ฉันหมั้นหมายกับทายาทของบริษัทแห่งหนึ่ง เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีทางธุรกิจและที่สำคัญเขาคือลูกชายของเพื่อนคุณพ่อของฉันเอง ตลกดีไหมล่ะชีวิตคุณหนูอย่างฉัน ชีวิตที่ถูกปูทางเอาไว้ทุกอย่าง แม้กระทั่งคนรักก็ยังเลือกเองไม่ได้ และชายหนุ่มที่ฉันควงมานั่งดื่มด้วย ที่นางซินดี้ถามชื่อ บอกตามตรงว่าฉันก็ไม่รู้จักเขาหรอก ฉันเจอเขาที่หน้าคลับ ดูหน้าตาก็หล่อเหลาพอใช้ได้ และเห็นเดินมาคนเดียวเลยชวนมานั่งดื่มด้วยเพื่อหาเพื่อนคุยคลายเหงา ฉันมักจะออกมาเที่ยวแบบนี้เป็นประจำทุกคืน คงจะเว้นแค่วันที่ฉันไม่มีอารมณ์ และฉันก็มีฉายาที่เพื่อนๆ เรียกกันว่า ยัยคาสโนวี ที่เรียกกันแบบนั้นก็เพราะว่าแต่ละคืนฉันมักจะควงชายหนุ่มไม่ซ้ำหน้ามานั่งดื่มด้วย และที่สำคัญ ‘ฉันไม่เคยจำใครได้เลย’ จะบอกว่าพอสร่างเมาแล้วลืมก็ได้นะไม่ว่ากัน เพราะผู้ชายพวกนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องจำ แค่ควงมานั่งดื่มเพื่อสร้างสีสันภายในกลุ่มเฉยๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่ายัยคาสโนวีคนนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครต่อใครคิดนะจ๊ะ ฉันเลี้ยงเหล้าผู้ชายได้ แต่อย่ามาคิดหาเศษหาเลยกับร่างกายของฉันเด็ดขาด ฉันไม่ใช่พวกหิวกระหายที่จะขาดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ “ผมชื่อ แบงค์ ครับ” คนที่ควงเข้ามานั่งดื่มด้วยตอบนางซินดี้ที่รอฟังอยู่ แล้วหันมาโปรยเสน่ห์ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาต่อ “ยัยเฟย์ ชื่อเหมือนแฟนเก่าแกเลยอะ” “หยุดพูดถึงผู้ชายคนนั้น ยัยบี” บี คือเพื่อนสนิทของฉันอีกคนที่คืนนี้ออกมานั่งดื่มด้วยกัน ความจริงแก๊งเรายังมีอีกคนนะ เธอชื่อว่า พลอยใส แต่รายนั้นเป็นเด็กเรียน ไม่ค่อยชอบเที่ยว แต่ถ้าชวนไปกินพวกเบเกอรีนางสู้ไม่ถอยเลยล่ะ ขอแค่ไม่เที่ยวกลางคืนเป็นพอ แปลกไหมล่ะที่มาคบกับพวกเราได้ “อร๊าย โปรดเรียกฉันว่าบีลีฟคร๊า ดูปากชัดๆ นะคะ บี...ลีฟ…” “ย่ะ” หันไปมองบนเพื่อน แต่ละนางในกลุ่มของฉันนี่ช่างมีบุคลิกหลากหลายจริงๆ แต่ทุกคนก็คอยซัพพอร์ตกันเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นคงจะคบกันไม่ได้หรอก จริงไหม “คนสวยชื่อเฟย์เหรอครับ ชื่อเพราะมากเลยครับ” “เหรอคะ” ฉันฟังคำนี้จากปากผู้ชายมานักต่อนักละ ไอ้ที่ชมว่าสวยบ้าง ชื่อเพราะบ้าง มันก็แค่ลมที่พ่นออกมาจากปากเพื่อหวังอย่างอื่นในตัวฉันมากกว่า “เครียดเหรอครับ คืนนี้ให้ผมช่วยเอามั้ย” “...” ยิ้มให้อย่างรู้ทัน ฉันไม่ตอบแต่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มแทน หวังว่าคงจะรู้ตัวนะว่าฉันไม่ได้สนใจ “อร๊าย ยัยบีลีฟ ผู้ตรงนั้นหล่ออะแก ไปแก ไปล่าเหยื่อกัน เห็นแล้วหิว อร๊าย” “เออๆ ก็ดีเหมือนกัน อยู่ตรงนี้ก็เหงา ไม่มีคู่เหมือนใครบางคน” “หยุดแซะฉันเลยบีลีฟ ไปล่าเหยื่อของพวกแกนู้นไป” ตอบกลับไปก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มต่อ เห็นนางซินดี้กับบีลีฟออกไปเต้นก็อดยิ้มให้กับสองคนนั้นไม่ได้ ซินดี้ ความจริงชื่อมันแมนมาก นางชื่อว่า ดี้ แต่นางมาเติมคำเองเป็น ซินดี้ แม้ว่าจะเป็นสาวสอง แต่นางสวยมากเลยล่ะ หุ่นดี ผิวขาว และที่สำคัญนางแปลงเพศแล้ว เธอเป็นคนที่อารมณ์ดีที่สุดในกลุ่ม ขาดเธอไปสักคนกลุ่มเราคงจะเงียบเหงามากเลย เพราะนางจะคุยเก่ง และชอบชวนคุยตลอด โดยเฉพาะเรื่องกินเรื่องเที่ยว และเรื่องผู้ชาย ส่วนบี อ้อ บีลีฟ เธอชอบให้เรียกแบบนั้น หุ่นเธอจะออกอวบๆ หน่อย แต่ด้วยทรวดทรงองค์เอวแล้วนั้น หุ่นเธอออกจะเซ็กซี่มากกว่า จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด บีลีฟ เป็นคนร่าเริงแจ่มใส ชอบสนุกสนานเฮฮา และคุยเก่งพอๆ กับซินดี้เลย ส่วนฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก คงมีแค่ก้อนกลางอกเท่านั้นที่ไม่ได้เล็กตามตัว ฉันและพลอยใส หุ่นจะพอๆ กันเลย น้ำหนักเพียง 45 กิโลกรัม ส่วนสูง 158 เซนติเมตร เรียกได้ว่าหุ่นดี ไซซ์เล็กน่ารักก็แล้วกัน แต่ฉันกับพลอยใส นิสัยจะแตกต่างกันนิดหน่อย พลอยใสจะเป็นคนพูดน้อย เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานน่ะ ส่วนฉันก็จะพูดมากกว่าพลอยใสนิดนึง จะออกแนวผู้หญิงลุยๆ ติดขี้เล่นและชอบแกล้ง ได้แกล้งคนแล้วสนุกดี “ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” บอกกับคนที่นั่งดื่มด้วย “ครับ” ค่อยได้หายใจหายคอหน่อย ก็แบงค์เล่นจ้องจะจับฉันกินเสียขนาดนั้น คอยเทเหล้าให้ฉันแทบไม่ขาด กะจะมอมฉันเต็มที่ล่ะสิท่า แต่เสียใจด้วยนะ เหล้าแค่นี้คงทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันมันเป็นพวกคอทอคำ ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกมาดื่มได้แทบทุกคืนหรอก หมับ!!! ออกจากห้องน้ำมาฉันก็ถูกใครก็ไม่รู้ดึงแขนแล้วลากให้เดินตามไป ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่มองจากด้านหลังมันช่างคุ้นตาจริงๆ “ปล่อยนะ” ฉันใช้น้ำเสียงออกคำสั่งพร้อมกับออกแรงดึงแขนกลับ ชายคนนั้นพาฉันไปทางประตูทางออกด้านหลัง ซึ่งแถวนี้ไม่ค่อยมีคน ร่างของฉันถูกดันติดกับผนังที่เย็นเฉียบ มือข้างหนึ่งของเขาวางทาบกับผนังเพื่อค้ำยัน ส่วนอีกข้างจับปลายคางของฉันให้เชิดขึ้นมองหน้าของตน “พี่ปริญ” “ครับ พี่เอง” พี่ปริญ คือว่าที่คู่หมั้นของฉันเอง คนที่พ่อจะให้หมั้นหลังจากเรียนจบนั่นแหละ คืนนี้ทำไมโลกแคบจัง ถึงได้เหวี่ยงคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุดมาได้ พี่ปริญคือผู้ชายคนที่สองที่ฉันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด คนแรกก็คือแบงค์ ไอ้แฟนเก่าสารเลวของฉันนั่นเอง “ปล่อยได้รึยังคะ” “คืนนี้น้องเฟย์สวยมากเลยนะครับ” “เหรอคะ” “ไปนั่งดื่มกับพี่มั้ย หรือคืนนี้อยากจะกลับพร้อมกัน” พี่ปริญพูดพร้อมกับยื่นมือมาเกี่ยวปอยผมแล้วม้วนเล่นจนฉันรู้สึกรำคาญ “เฟย์มากับเพื่อนค่ะ หลีกทางให้ด้วย” ฉันเบี่ยงสายตาและหันหลบคนตรงหน้า “อย่าดื้อกับพี่สิครับ อีกไม่นานเฟย์ก็จะเป็นของพี่แล้วนะ” พูดพร้อมกับสายตาแทะโลม ที่สำรวจเรือนร่างของฉันตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้า “อย่าทึกทักพูดเองเออเองสิคะ พี่มันก็แค่ว่าที่คู่หมั้น อย่าลืมว่าตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ค่ะ” “ปากดีแบบนี้ ลองรสจูบของพี่หน่อยเป็นไง เผื่อน้องเฟย์จะติดใจอยากจะกลับไปสานต่อ” พี่ปริญส่งใบหน้าเข้ามาใกล้ และพยายามจะจูบให้ได้ ฉันเอียงคอหลบและทำได้แค่ยกสองมือดันแผงอกของเขาและออกแรงผลักให้ออกห่าง เพราะมันขยับตัวแทบไม่ได้ พี่ปริญแก่กว่าฉันตั้ง 5 ปี เขาเป็นผู้ชายที่ชอบดื่มและนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่พ่อก็ยังยืนยันจะให้ฉันหมั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องเอาอนาคตมาฝากไว้กับผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตาและฐานะคนนี้ด้วย “หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่ปริญ เฟย์บอกให้หยุด” “หยุด!!! ปล่อยเธอซะ” เสียงที่พูดแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้พี่ปริญหยุดการกระทำ และให้หันไปจ้องหน้าเอาเรื่องด้วยท่าทางหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ “มึงเป็นใครวะ ถึงได้มาสั่งกู” ผู้ชายคนนั้นดูอายุอานามน่าจะพอๆ กันกับฉัน เขามากับผู้ชายที่สวมชุดดำคล้ายบอดี้การ์ดอีกสองคน และที่สำคัญเขาสวมแว่นตาด้วยเหมือนเด็กเนิร์ดเลย แต่พอดูทะลุแว่นเข้าไปใบหน้าของเขาเหมือนมีมนต์สะกดให้คนจดจ้อง และฉันก็ดันเผลอมองจนลืมว่าไปเลยว่าเพิ่งเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอยู่ตอนนี้ ผมชื่อ พีท น้องชายของเจ้าของคลับแห่งนี้ คืนนี้ผมมาดูแลคลับแทนเฮียพุฒิ พี่ชายของผมเอง ผู้ชายสองคนที่เดินตามหลังผมมาคือบอดี้การ์ดที่เฮียให้ตามเฝ้าผมทำงาน ผมไม่ค่อยชอบงานแบบนี้สักเท่าไร แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะมันเป็นธุรกิจของครอบครัว เฮียต้องบินไปสิงคโปร์ เห็นว่าคลับของเราที่เปิดที่นั่นมีปัญหาที่ต้องจัดการ ช่วงนี้เลยต้องฝากคลับในไทยให้ผมดูแลชั่วคราวไปก่อน และตอนที่กำลังตรวจดูความเรียบร้อย ก็มาเจอกับสองคนนี้ที่ดูท่าทางเหมือนจะรู้จักกัน แต่ผมได้ยินเสียงผู้หญิงปฏิเสธกระทำของผู้ชายตรงหน้าเลยเข้ามาห้าม เพราะทนมองไม่ได้ที่เห็นเธอถูกรังแก “ให้ลากออกไปเลยมั้ยครับ” พี่เก้าบอดี้การ์ดถามผมมา “ไม่เป็นไรครับ” “กรุณาปล่อยเธอด้วยครับ” ผมหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้นที่เขาก็มองมาที่ผมด้วยสายตาเอาเรื่อง “มึงเป็นใครวะ” “คุณรู้จักผู้ชายคนนี้เหรอ” ผมหันไปถามเธอที่เอาแต่จ้องหน้าผมด้วยท่าทางแปลกใจ “ปะ…เปล่า” “เธอเป็นคู่หมั้นกู มึงยุ่งอะไรด้วยวะ” “ไม่ เรายังไม่ได้หมั้นกัน” “ไปกับผม” ผมดึงแขนของเธอออกมาทันทีที่บอกประโยคนั้นออกมา ผมไม่รู้หรอกว่าทั้งคู่จะรู้จักหรือเกี่ยวข้องกันยังไง แต่นี่มันคลับของผม ผมไม่อยากให้มีเหตุการณ์บังคับขืนใจกันเกิดขึ้นที่นี่ ส่วนไอ้คนที่บอกว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ ตอนนี้โดนพี่เก้ากับพี่คิวกันท่าเอาไว้ให้แล้ว “นะ…นายจะพาฉันไปไหน” เธอเอ่ยถามแต่ก็ยังไม่มีท่าทีที่จะขัดขืนแต่อย่างใด แล้วก็ยอมเดินตามผมออกมาโดยไม่ได้ถามอะไรต่อ ฉันเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่เขาคือคนที่ช่วยฉันไว้จากว่าที่คู่หมั้นที่ฉันไม่ได้เลือก ในใจฉันรู้สึกขอบคุณเขามากที่มาได้ถูกจังหวะ ไม่อย่างนั้นริมฝีปากของฉันคงถูกฉกชิงไปโดยชายที่ฉันไม่เต็มใจ เขาพาฉันมาบนชั้นสองของคลับ และห้องนี้คงจะเป็นห้องทำงานของเขาสินะ ดูจากภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีโต๊ะอยู่ตรงกลาง ด้านข้างมีโซฟาสำหรับรับแขก และมีจอที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถูกติดเอาไว้เพื่อดูความเรียบร้อยอยู่ทั่วบริเวณของคลับ และตอนนี้บอดี้การ์ดสองคนนั้นก็ไม่ได้ตามเราขึ้นมา “ขอบคุณมากนะ” “มีเพื่อนมาด้วยรึเปล่า” เขาถามฉันแต่ก็ไม่ได้มองหน้ากันด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะทำงาน ฟังไม่ผิดหรอก ‘เขาอ่านหนังสือ’ และนี่ก็เป็นคลับที่มีแต่เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม เขามีสมาธิอ่านได้อย่างไร “อื้ม มากับเพื่อน นายเป็นลูกจ้างของที่นี่เหรอ” ถึงจะแอบงงที่เห็นเขาอ่านหนังสือในสถานที่แบบนี้ แต่ก็ยังอยากทำความรู้จักคนที่ช่วยฉันไว้อยู่ดี ฉันไม่รู้ว่าเขามีหน้าที่อะไร แต่น่าจะมีตำแหน่งอยู่พอสมควร ดูจากบอดี้การ์ดสองคนนั้นที่รอฟังคำสั่งจากเขาเมื่อครู่ “ใช่” “ทำหน้าที่อะไรเหรอ เด็กเสิร์ฟ ผู้จัดการ หรือบอดี้การ์ดแบบสองคนเมื่อกี้” “แค่มาช่วยดูบัญชี” “อ๋อ” คงจะเรียนเก่งมากเลยสินะ แถมยังเป็นคนที่มีสมาธิสูงด้วย “หายกลัวแล้วใช่มั้ย เพื่อนนั่งโต๊ะไหน เดี๋ยวลงไปส่ง” เขาละสายตาจากหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมาถาม “นายสนใจอยากทำงานให้ฉันมั้ย” ไม่ได้สนใจตอบคำถามเขาก่อนหน้า ตอนนี้ฉันกำลังมีความคิดอะไรบางอย่างผุดขึ้นมากะทันหัน และมันก็อยากลองถามความสนใจของเขาดู “งานอะไร” “เป็นแฟนฉันไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD