ตอนที่ 1 แฟนปลอมๆ (1/2)

1522 Words
ฉันกำลังมีความคิดอะไรบางอย่างผุดเข้ามาในหัวสมอง และอีกอย่างดูเหมือนชายตรงหน้าดูจะอ่อนประสบการณ์เรื่องผู้หญิงเสียด้วยเลยอยากแกล้งเขาเล่น ลองชวนมาเป็นแฟนกันดู คบกันหลอก ๆ เพื่อตบตาว่าที่คู่หมั้นที่ฉันไม่ได้เลือก ถ้าเขายอมเล่นด้วยนะ ความคิดของฉัน ณ ตอนนี้คือ ถ้าฉันมีแฟน ไม่แน่ว่าพ่ออาจจะเปลี่ยนความคิดยกเลิกงานหมั้นก็ได้ เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะเกี่ยวดองกัน “ว่าไง สนใจมั้ย” “คุณขอผู้ชายเป็นแฟนแบบนี้บ่อยสินะ” “ฉันจ้างให้นายมาเป็นแฟน ไม่ได้ขอคบนายเป็นแฟนสักหน่อย เข้าใจใหม่ด้วยนะ” คนอย่างพิชญ์สินีไม่เคยขอคบใครจ้า หลงตัวเองไปหรือเปล่า “ทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอกด้วยล่ะ หน้าแบบนี้เหมือนร้อนเงินมากหรือไง” เขาชี้นิ้วเข้าที่ใบหน้าหล่อๆ ของตนเอง เห็นติ๋มๆ แบบนี้ก็หัวดื้อใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย “ฉันออกจะสวยและรวยมาก นายจะไม่พิจารณาหน่อยเหรอ และอีกอย่าง ฉันมีเงินจ้าง อยากได้ค่าตัวเท่าไรว่ามา แลกกับการแกล้งเป็นแฟนปลอมๆ ของฉัน” ฉันลุกขึ้นไปนั่งยกขาไขว้ห้างบนโต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับโน้มตัวไปด้านหน้า แล้วยื่นมือไปเชยปลายคางของอีกคนให้ละสายตาจากหนังสือแล้วมองหน้าของฉันแทน “แค่แฟนปลอมๆ น่ะ ช่วยฉันหน่อยนะ เมื่อกี้นายก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังจะทำอะไรฉัน ไหน ๆ ก็ช่วยมาแล้วหนนึง ไม่ลองมาช่วยแถมยังได้เงินใช้ด้วยล่ะ นะ นะ” ส่งยิ้มหวานจนตาหยีให้ พร้อมกับยื่นมือไปจิ้มที่แก้มของเขาเล่น ลงทุนขนาดนี้แล้วอย่าปฏิเสธเลย ฉันมองคนไม่ผิดหรอก นายมันเด็กเนิร์ดชัดๆ ถึงให้มาอยู่ด้วยกันทั้งคืน คนอย่างนายก็คงไม่ทำอะไรฉันหรอก หรือไม่ก็อาจจะทำไม่เป็นเลยก็ได้ “คิดดูก่อน” พูดจบก็หันไปดูหนังสือต่อ แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยอมตกลง “จะคิดอีกนานมั้ย ฉันจะได้รอ” “ไม่รู้ แล้วลงไปหาเพื่อนได้รึยัง ถ้าไม่อยากให้ไปส่งก็ลงไปเอง” เลื่อนสายตาจากหนังสือขึ้นมามองหน้าฉันด้วยใบหน้าราบเรียบหรือแอบรำคาญกันแน่นะ แต่ช่างเถอะ เขาทำงานอยู่ที่นี่ยังไงก็ต้องได้พบกันอีก เพราะฉันมาที่นี่แทบทุกคืน “ไม่ต้องไล่หรอก ฉันไปเองได้ อ้อ ไว้พรุ่งนี้ฉันจะขึ้นมาเอาคำตอบนะ” โน้มใบหน้าไปจุ๊บฝากรอยลิปสติกสีแดงไว้ที่แก้มนุ่ม และมันก็นุ่มมากอย่างกับแก้มเด็กแหนะ ได้แกล้งคนเล่นแล้วสบายใจ “ไปละ บาย” ชูมือขึ้นโบกมือลาเจ้าของห้องทำงานอย่างคนอารมณ์ดี ฉันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินลงบันไดไป คืนนี้ถือว่าคุ้มที่โดนพี่ปริญลากไปแล้วได้เจอกับนายเนิร์ดน่าแกล้งขนาดนี้ ถือว่าโชคดีมากแล้วนะที่เขาเข้ามาอยู่ในความสนใจของฉันได้ พอไปถึงโต๊ะก็เหลือแค่นางซินดี้กับบีลีฟอยู่กันแค่สองคน ผู้ชายคนนั้นคงจะกลับไปแล้วล่ะ หรือไม่ก็คงไปหาเหยื่อรายใหม่ “แกหายไปไหนมาตั้งนาน ผู้ที่แกควงมาขอตัวกลับไปแล้ว” บีลีฟรีบเอ่ยถามมาทันทีด้วยท่าทางร้อนรน ไม่รู้ตัวเลยว่าหายออกไปนานเท่าไร แต่พอมองดูนาฬิกาเรือนหรูที่สวมใส่ที่ข้อมือข้างซ้ายก็เกือบจะเป็นชั่วโมงได้ สองคนนี้คงจะเป็นห่วงแย่เลย “ไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ แต่ดันเจอคนที่ไม่อยากเจอ” “ใคร อย่าบอกนะว่า…” “อืม พี่ปริญ” “ว้าย ทำไมโลกมันกลมจังยะ” นางซินดี้ถึงกับแหกปากร้อง “โลกแคบต่างหากย่ะ หมดสนุกละคืนนี้ เรากลับกันเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ฉันยังมีนัดเจอกับใครบางคน” นึกถึงนายแว่นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ คนอะไรน่าแกล้งชะมัด “นัดเจอใครอะ ใครกันนะที่ทำให้คนอย่างแกสนใจได้” บีลีฟหันมาถามฉันด้วยความอยากรู้ “ไม่บอกหรอก” “นี่แกมีความลับกับพวกฉันเหรอ” “เปล่า เอาน่า เดี๋ยวรอเจ้าตัวตอบรับฉันก่อนแล้วจะแนะนำให้รู้จัก” สองคนนี้ทำหน้างงจ้องมองกัน ฉันไม่บอกหรอกปล่อยให้ต่อมเผือกของทั้งสองคนทำงานเล่นๆ หลังจากกลับมาถึงคอนโด ฉันก็คิดทบทวนถึงเรื่องที่อยากหาแฟนปลอมๆ สักคนมาเป็นไม้กันหมา แล้วอีกอย่างฉันชอบมาเที่ยวคลับนี้เป็นประจำ ถ้าได้นายนั่นมาช่วย ไม่แน่ว่าพี่ปริญอาจจะยอมถอยก็ได้ เช้าวันต่อมาฉันรีบตื่นขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นหลายรอบ เพราะรอบก่อนๆ ถูกกดปิดไปจนมันเหลือรอบสุดท้ายแล้วล่ะ ถ้ายังไม่ลุกออกจากที่นอนอีก คงต้องไปเรียนสายแน่ ๆ วันนี้ฉันต้องรีบไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า เห็นอยู่ปีสี่แล้วแต่พวกเราก็ยังคงเรียนหนัก และใช่ ถึงฉันจะได้ฉายาว่า ยัยคาสโนวี ที่ชอบกินเที่ยวควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า แต่เรื่องเรียนฉันก็ยังคงทำได้ดีไม่ต่างกัน “พลอยใส” เอ่ยเรียกคนที่มาถึงมหาวิทยาลัยก่อนใครเพื่อนในทุกๆ ครั้งที่มีเรียน เธอจะนั่งรออยู่ที่โต๊ะเดิมในโรงอาหารของคณะเป็นประจำ วันนี้พวกเรามีเรียนตอนเก้าโมง ตื่นมาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวมาก “ว่าไงเฟย์ ดื่มหนักอีกล่ะสิท่า กลิ่นเหล้านี่หึ่งเชียว” มาถึงยัยแม่ชีคนนี้ก็บ่นฉันเลย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็รักกันมาก หรือจะเรียกว่าเพื่อนรักต่างขั้วกันเลยก็ว่าได้ เหมือนขาวกับดำน่ะ เธอเป็นเพื่อนที่ฉันคบมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เราเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมาก และตั้งแต่ฉันย้ายออกมาอยู่คอนโดก็ได้พลอยใสนี่แหละที่คอยมานอนเป็นเพื่อนในช่วงแรก แต่หลังๆ ฉันติดเที่ยวเธอเลยไม่ค่อยมาค้างแล้วล่ะ “หิวข้าวจัง แกกินอะไรรึยัง” “ยังเลย ว่าจะรอพวกแกก่อน” “ปะ ไปหาข้าวกินกันเถอะ ขืนรอยัยสองคนนั้นคงได้ไส้กิ่วพอดี” ฉันกับพลอยใสลุกออกจากโต๊ะไปสั่งข้าวมานั่งกินรอซินดี้กับบีลีฟ ระหว่างที่นั่งกินก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปตามประสา รวมถึงเรื่องที่ฉันเพิ่งจะคิดได้เมื่อคืนด้วย “แกจะเอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอ แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนดี” พลอยใสถามฉันมา ฉันก็ไม่มั่นใจหรอกว่าเขาเป็นคนดี แค่มองด้วยสายตา และการกระทำที่เขาช่วยฉันไว้เมื่อคืน คิดว่าเขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้วตอนนี้ “คิดว่านะ แต่นายแว่นนั้นยังไม่ตอบรับฉันเลย” เล่นตัวเก่ง แต่ก็น่ารักดี “แกยิ้มอะไรอะ” “เปล่า (เสียงสูง) ” นี่ฉันเผลอยิ้มไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย “แกมีพิรุธ” “ไม่มีอะไรน่ะ แกก็อย่าจับผิดฉันสิ แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากจริงจังกับใคร” รู้ว่าพลอยใสตั้งใจคะยั้นคะยอถามถึงนายเนิร์ดนั่น จะว่าไปเขาชื่ออะไรนะ เมื่อคืนก็ลืมถามไปเลย “จ้า แม่คาสโนวี” พลอยใสถึงกับลอบถอนหายใจ พอพูดถึงไม่อยากจริงจังกับใคร มันก็ทำให้ฉันคิดถึงคนที่ฝากรอยแผลใจเอาไว้ให้จนไม่อยากจะเสียเวลาชีวิตไปกับผู้ชายคนไหนอีก เขามีชื่อว่า แบงค์ ชื่อเดียวกันกับผู้ชายที่ฉันควงไปดื่มด้วยเมื่อคืน ตอนนั้นฉันยังเป็นน้องเฟรชชีอยู่เลย เขาเป็นรุ่นพี่ปีสอง เราคบกันได้ปีกว่า ฉันก็จับได้ว่าเขาแอบนอกใจ นั่นก็คือสาเหตุที่เราเลิกกัน และเขาก็ไม่ได้เอ่ยรั้งฉันเอาไว้เลย เจ็บดีไหมล่ะ บอกรักกันทุกวัน แต่นอนกับผู้หญิงอีกคน ฉันเป็นคนที่มีความคิดเด็ดขาด ถ้าทำผิดในเรื่องที่รับไม่ได้ก็คือจะตัดขาดทันที ไม่มีการให้อภัยและให้โอกาส และดีที่ฉันไม่ได้เสียตัวให้เขาไป หรือนี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขานอกใจ และตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ให้สัญญากับตัวเองเลยว่า จะไม่จริงจังกับผู้ชายคนไหนอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD