ตอนที่ 5 (2/2)

1301 Words
ตั้งแต่คืนนั้น คืนที่เสียเงินหนึ่งพันบาทไปโดยไม่ได้อะไรเลยนอกจากเสียอารมณ์ ฉันก็ไม่ได้คุยกับพีทอีกเลย นี่ก็เกือบอาทิตย์ได้แล้วมั้ง และอีกอย่างช่วงนี้ฉันหยุดเที่ยวด้วย พอไม่ได้ออกไปเที่ยวหลายวันมันก็เริ่มจะคุ้นชินกับการนอนหลับโดยไม่มีแอลกอฮอล์เป็นตัวช่วยแล้วล่ะ ความจริงฉันไม่ได้ชอบดื่มขนาดนั้นหรอก ไม่ดื่มก็ไม่เป็นไร แต่ที่เลือกออกไปเที่ยวแทบทุกคืนเพราะอยู่ห้องคนเดียวแล้วมันเหงาน่ะ ได้ออกไปเที่ยวมันสนุกตื่นตาตื่นใจดี บวกกับเครื่องดื่มราคาแพงที่ฉันสั่งกินเป็นประจำทุกคืนก็เป็นตัวช่วยให้ฉันนอนหลับได้ง่ายขึ้น มันเลยกลายเป็นความคุ้นชินอย่างหนึ่งที่ว่า ถ้าอยากนอนหลับสบายก็ต้องออกไปดื่ม แต่คืนนี้ฉันว่าฉันคงต้องออกไปเที่ยวแล้วล่ะ เพราะยัยสองเพื่อนสาวของฉันแทบจะแดดิ้นและเหี่ยวตายกันอยู่แล้ว พอฉันไม่ไปพวกนางก็ไม่ไป สองคนนั้นไม่ได้หวังให้ฉันเลี้ยงหรอก แต่ฉันเต็มใจที่จะเป็นคนจ่ายเองมากกว่า เพราะการจ่ายเงินก็คือความสุขอย่างหนึ่งของฉันเหมือนกัน ไม่รู้ตรรกะบ้าอะไร เอาเป็นว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นความสุขในชีวิตของฉันในแต่ละวันก็แล้วกัน ฉันเดินทางมาถึงคลับเป็นคนสุดท้าย พอมาถึงก็อย่างเช่นเคยมักจะเจอชายหนุ่มที่ขับรถมาจอดอยู่เทียบข้างกันเป็นประจำ และสวยเซ็กซี่ขยี้ใจอย่างฉันมีหรือผู้ชายจะไม่เข้ามาทักก่อน พอทักทายกันเสร็จจนแน่ใจว่าเขามาคนเดียวก็ชวนเข้าไปนั่งดื่มด้วยกัน “มานู้นแล้วจ้า ควงผู้มาอีกแล้วนะยะ” เสียงของซินดี้เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นฉันควงผู้ชายหน้าใหม่เข้าไปที่โต๊ะ การควงที่ว่าในทุกๆ ครั้ง ไม่ใช่ว่าฉันควงแขนเขาเข้ามาหรอก ก็แค่เดินตามกันเข้ามาแค่นั้นเอง ก็อย่างที่รู้ว่าฉันไม่ได้ง่าย และที่สำคัญไม่ค่อยชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวก่อน ถ้าฉันไม่ยินยอม “ไงแก หายไปหลายวันไม่แผ่วเลยนะจ๊ะ” บีลีฟเอ่ยแซวขึ้นมาอีกคน “ก็พอๆ กับพวกแกนั่นแหละ” ยกยิ้มเอ่ยตอบสองคนนั้นไป และหย่อนตัวนั่งลงยังที่โซฟาตัวที่ว่างพร้อมกับผู้ชายที่เดินเข้ามาด้วยกัน บีลีฟจัดการเทเหล้าใส่แก้วให้ฉันกับเขาคนละแก้ว เขาที่ก็ยังไม่รู้ว่าชื่ออะไร เราสองคนรับแก้วมาแล้วยกดื่มพร้อมกันทั้งสี่คน บทสนทนาบนโต๊ะของเราก็คุยกันเรื่องทั่วไป และสัมภาษณ์กับหนุ่มคนใหม่ที่เพิ่งจะรู้จักกัน “ชื่ออะไรเหรอคะ” ครั้งนี้บีลีฟเป็นฝ่ายถาม ปกติจะเป็นนางซินดี้ คนนี้คงจะไม่ค่อยถูกใจ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ปล่อยให้บีลีฟชิงตัดหน้า “ไทม์ครับ” “ไทม์ ที่แปลว่าเวลาที่มีกันและกันใช่มั้ยคะ” พูดแล้วเหมือนจะเขิน มุกอะไรของแกเนี่ยบีลีฟ ฝืดโครต ๆ “อร๊าย ถูกใจยัยชะนีซะละ” ซินดี้หันไปแซวบีลีฟ คืนนี้นางออกนอกหน้ามากกับหนุ่มหล่อที่ชื่อว่าไทม์ ตอนนี้ไทม์เลยกลายเป็นคนคุยของบีลีฟไปเสียละ ฉันนี่ควงมาให้เพื่อนเต๊าะจริงๆ แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉัน แค่เห็นพวกนั้นคุยกันก็ไม่รู้สึกเงียบเหงาแล้ว “ชนจ้าาาาา” แก้วทั้งสี่ใบของแต่ละคนก็ถูกยื่นออกมาชนกันจนเกิดเสียงดัง แล้วก็ยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเหล้าหมดไปแล้วสองขวด และก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีใครอยากกลับ ฉันเลยยกมือเรียกพนักงานให้เอาเหล้ามาเพิ่มอีกหนึ่งขวด ให้สามคนนั้นนั่งดื่มรอไปพลางๆ ก่อน ส่วนตัวฉันก็ขอตัวขึ้นไปหานายแฟนปลอมๆ หน่อยแล้วกัน ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยมาหลายวัน นายนั่นจะคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่านะ พอขึ้นไปถึงหน้าห้องทำงาน ฉันก็เคาะประตูส่งสัญญาณให้เจ้าของห้องสองสามครั้งแล้วก็เปิดเข้าไป และเขาก็ยังคงเป็นเขาไม่เคยเปลี่ยน ขณะที่คนอื่นออกมาดื่มและโยกเรือนกายไปตามจังหวะของดนตรี แต่กับเขา เขาอ่านหนังสือ ฉันล่ะยอมใจจริงๆ “คิดถึงฉันมั้ยที่รัก” เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วยกสองมือขึ้นเท้าคางเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้มแพรวพราว ส่วนอีกคนแค่ลดหนังสือลงมามองหน้ากันแค่ครู่เดียว ครู่เดียวที่แปลว่าไม่เกินสามวินาที ก่อนจะดูหนังสือของเขาต่อ “ว่าง เมา หรือว่าโดนวางยามาอีกล่ะ” ชิ แต่ละคำที่ออกจากปากของนายนี่นะ จะพูดดีๆ สักคำก็ไม่ได้ “คิดถึง” กระพริบตาถี่ ๆ มองคนตรงหน้า “ถ้าเมาก็กลับไปนอน ถ้ากลับไม่ไหวเดี๋ยวให้พี่เก้าไปส่ง” “พี่เก้า ใคร นายเห็นฉันเป็นตัวอะไรถึงได้โยนให้คนนั้นที ให้คนนี้ทีฮะ” ฉันลดมือที่เท้าคางลง อุตส่าห์ขึ้นมาหา แล้วดูแต่ละประโยคที่เขาพูดกับฉันสิ “พี่เก้าบอดี้การ์ดน่ะ ไว้ใจได้” “แต่ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากนาย” ประโยคนี้ทำเอาเขาถึงกับวางหนังสือลงบนโต๊ะทำงาน แล้วหันมาจ้องหน้าฉันด้วยใบหน้านิ่งเรียบ มันนิ่งจนฉันเดาไม่ถูกว่าที่เขามองมันแปลว่าอะไร “นะ…นายจ้องฉันทำไม มีอะไรก็พูดมาสิ” “...” เขายังคงนิ่ง และจ้องตาแทบไม่กระพริบ เขาจ้องเข้ามาในดวงตากลมโตที่มันกำลังกระพริบตาปริบๆ ไปด้วยความสับสน “พีท” เอ่ยเรียกเสียงเบา “...” และเขาก็ยังคงไม่ตอบแต่ลุกออกจากโต๊ะแล้วตรงเข้ามาหาฉันแทน “นะ…นายจะทำอะไรอะ” เริ่มอยู่ไม่ติด ฉันลุกขึ้นยืนอยู่กับที่และถามเขาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พีทเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วใช้สองแขนยกตัวของฉันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงาน ใจฉันเต้นเป็นระส่ำ เสียงดังตึกตักราวกับจะหลุดออกมาจากอก ฉันเลื่อนสายตามองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เขาก็ยังไม่พูดอะไรเหมือนกำลังพินิจพิจารณาอะไรบางอย่าง ซึ่งฉันก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ฉันแทบจะตายเพราะหัวใจเต้นแรงอยู่แล้ว มือสองข้างของพีทวางทาบลงบนโต๊ะทำงาน กักขังคนตัวเล็กที่อยู่ในชุดมินิเดรสสีแดงสดใสเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน แล้วเขาก็โน้มใบหน้าที่หล่อเหลา เขาหล่อมาก ยิ่งมองใกล้ๆ ความหล่อก็ทะลุแว่นออกมาจนหัวใจฉันยิ่งเต้นแรงมากขึ้นกว่าเก่า แต่ไม่ใช่สิ จะมามัวหลงความหล่ออะไรกันล่ะ “พีท นายขยับออกไปหน่อย อย่าแกล้งฉันสิ” ฉันยกมือขึ้นดันแผงอกที่มันแน่นไปด้วยมัดกล้าม ขนาดจับจากภายนอกมันก็รับรู้ได้ว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ดูแลร่างกายได้เป็นอย่างดี “ไหนว่าไว้ใจไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD