กระต่ายกับสิงโต (1)

1185 Words
มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย... ฉันยืนใจสั่นอยู่หน้าห้องเรียนของคิเรย์อย่างไม่มีทางเลือก หวนนึกถึงเรื่องเมื่อวานทีไรภายในใจก็หนักอึ้งไปหมด เก็นริวจับตัวแม่ของเมฆเอาไว้เป็นตัวประกัน และจะไม่ปล่อยจนกว่าฉันจะทำให้คิเรย์เจ็บปวดหรือไม่ก็จนกว่าเมฆจะหาเงินมาใช้หนี้ได้ มันไม่ใช่ธุระอะไรของฉันเลย ถึงแม้ว่าการเมินเฉยต่อปัญหาของคนอื่นมันอาจจะดูโหดร้ายไปบ้างแต่มันก็เป็นสิทธิ์ของฉันไม่ใช่เหรอ แต่ด้วยสายตาและท่าทางของเก็นริวเมื่อคืนหมอนั่นไม่ได้ให้โอกาสฉันได้เลือกเลย ที่สำคัญไปกว่านั้น... ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกสาวในสมรสของผู้นำตระกูลธาราพิลักษณ์แต่ว่าเมฆก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายฉันคนหนึ่ง เพราะฉันเองก็มีเลือดธาราพิลักษณ์อยู่ในตัวเหมือนกันแม้ว่าฉันจะไม่อยากเกี่ยวข้องด้วยก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน.... หลังจากที่ตกลงกันได้ ไม่สิ! หลังจากที่เก็นริวบังคับให้ฉันตกปากรับคำเสร็จมันก็ปล่อยฉันกับเมฆออกมา เราทั้งคู่นั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยกันเงียบๆ ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรกันเลย จนกระทั่งถึงบ้าน เมฆก็ยังคงรักษาระยะห่างระหว่างเราเอาไว้ แม้ว่าฉันมีคำถามมากมายที่อยากจะถามแต่เพราะท่าทีห่างเหินของเขาก็ทำให้ฉันต้องหุบปากเงียบ เมฆเปิดประตูเล็กเข้าบ้านไปก่อน ฉันกำลังจะก้าวไปเงียบๆ และจังหวะที่หันกลับมาล็อกประตู รถยนต์คันหนึ่งก็วิ่งปราดเข้ามาจอดหน้าบ้าน ฉันเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างบางของบลายธ์ที่ก้าวออกมาจากรถ “ขอบคุณนะที่มาส่ง” ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออก ไม่นานร่างสูงก็ก้าวออกมายืนมองบลายธ์ที่กำลังจะเดินเข้าบ้านด้วยแววตาเสียดาย นั่นมัน! ... ฉันยืนมองอย่างตะลึง “นี่... อุตส่าห์พามาส่งถึงที่จะไม่เชิญเข้าบ้านหน่อยเหรอ” “นายรบเร้าจะพาฉันกลับบ้านเองไม่ใช่เหรอ” “หึ! ใจร้ายจังเลยนะ” “ไม่อยากให้ตัวอันตรายอย่างนายมาว่าหรอก” บลายธ์เดินสะบัดหน้ามาที่ประตูเล็ก ฉันรีบหลบเข้าไปยืนชิดกับกำแพงอีกด้านหนึ่งทันที เพราะความมืดทำให้ยัยนั่นไม่ทันสังเกตว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ คล้อยหลังบลายธ์ไปฉันชะโงกหน้าออกไปดูที่นอกรั้วอย่างมึนงง คิเรย์ยังมองตรงเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกายครู่หนึ่งก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากแล้วก้าวขึ้นรถขับออกไปอย่างเงียบกริบ วินาทีนั้นฉันงงไปหมด ทำไมบลายธ์ถึงมากับคิเรย์ได้ สองคนนั้นรู้จักกันด้วยเหรอ ไม่สิ... ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้จักกันมาก่อนโดยที่ฉันไม่รู้ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่งานเลี้ยงระหว่างที่ฉันไม่อยู่แน่ๆ ตั้งแต่นั้นมาภายในใจของฉันก็หยุดคิดเรื่องนั้นไม่ได้เลย “อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมไอที่ดังขึ้นข้างหลังทำฉันสะดุ้งวาบ หันกลับไปมองก่อนยิ้มเจื่อนๆ เมื่อสบสายตาเข้ากับอาจารย์ที่กำลังจะเดินเข้าไปสอน “ขอโทษค่ะ” แล้วฉันก็รีบจรลีจากมาทันทีโดยมีสายตาคมๆ ของอาจารย์คนเดิมมองตามจิกไปจนลับสายตา คิเรย์ไม่ได้อยู่ในห้องเรียน แล้วแบบนี้ฉันจะมีวิธีไหนทำให้หมอนั่นกระอักเลือดได้บ้างเนี่ย ยิ่งคิดก็ยิ่งตัน ลองโทรไปปรึกษาเรื่องนี้กับเมฆดูดีไหมหว่า แต่ท่าทางเมฆจะไม่อยากให้ฉันเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องของเขาสักเท่าไหร่เนี่ยสิ ...นั่นมันก็ดีหรอก ใช่ว่าฉันอยากจะยุ่งด้วยซะเมื่อไหร่ล่ะ แต่ถ้าขืนไม่ทำอะไรเลยมีหวังโดนเก็นริวเชือดแน่ หมอนั่นท่าทางเอาจริงซะด้วยสิ ระหว่างเดินกลัดกลุ้มไปตามระเบียงห้องเรียนฉันก็เหล่มองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปพลาง เพิ่งจะเก้าโมงเองแฮะ หรือว่าคิเรย์จะชอบเข้าเรียนคาบแรกสาย... คิดไปก็ปวดหัวไป ฉันต้องทำยังไงให้คิเรย์เจ็บปวดได้ ฉันนอนคิดหาวิธีกลั่นแกล้งหมอนั่นต่างๆ นานา แต่การแกล้งแบบหน่อมแน้มคงทำอะไรหมอนั่นไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วอะไรล่ะ ตอนนั้นเก็นริวหมายความว่ายังไงกันแน่นะ ทำยังไงถึงจะทำให้คิเรย์กระอักเลือดได้ จ้างคนมาซ้อม! ? ไม่สิ! มันดูผิวเผินเกินไป อย่างคิเรย์คงไม่มีทางยอมให้ตัวเองเป็นกระสอบทรายของใครได้ง่ายๆ ผลัวะ!! “โอ๊ย!” เมื่อกี้นี้มัน... ฉันก้าวถอยหลังกลับมาดู หันไปมองทางเสียงเมื่อครู่นี้อย่างสงสัย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นคิเรย์พิงอยู่กับราวบันได เขายกมือขึ้นปาดมุมปากที่ยังคงกัดไม้จิ้มฟันอยู่ด้วยท่าทางหัวเสีย หมอนั่นโดนต่อย... อีกแล้ว! ? แถมคนที่ต่อยยังเป็นเลเอสเพื่อนในแก๊งเดียวกันเหมือนเมื่อตอนนั้น “เลเอส! หน้ากูจะช้ำก็เพราะอารมณ์มึงเนี่ยแหละ” คิเรย์เหลือบมองหน้าเลเอสด้วยสายตาหงุดหงิด “หึ!” อีกคนแสยะยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน คนพวกนี้น่ากลัว... “มันเป็นสิ่งที่มึงต้องชดใช้ อย่าบ่น!” “คิดว่ากูยอมให้ต่อยฟรีมากี่วันแล้วห๊ะ!” “แล้วไง มันเทียบไม่ได้กับที่มึงทำให้แฟนกูตกใจเลยสักนิด!” “เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว เจ้าคิดเจ้าแค้นไปถึงไหน ก็ขอโทษไปแล้วไง แล้วยัยนั่นก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องกูด้วยซ้ำ” “นั่นก็เพราะว่าซีซี่เกรงใจกูยังไงล่ะ” เลเอสตวาดกลับเสียงฉุน คิเรย์ทำเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินย่ำเท้าขึ้นบันไดมาด้วยท่าทางหงุดหงิด พรึบ! หมอนั่นตวัดสายตาขึ้นมาและสบสายตาเข้ากับฉันโดยบังเอิญ ร่างกายฉันแข็งทื่ออย่างไม่มีเหตุผล รีบตวัดสายตาหลบคิเรย์ด้วยอาการหวาดหวั่น แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วรีบสาวเท้าเดินออกมาให้เร็วที่สุด “ยัยนั่นเป็นใครกัน?” เสียงเลเอสดังไล่หลังมา “ไม่รู้” คิเรย์กระชากเสียงตอบอย่างรำคาญ หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเพราะระยะทางที่ห่างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงห้องเรียนตัวเองฉันถึงกับระบายลมหายใจออกมายาวยืด! รู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมานอกอกเลยแฮะ แค่มองตาหมอนั่นก็รู้สึกขนลุกขนพองจะแย่อยู่แล้ว ไม่ตลกเลยสักนิด ถ้าเทียบกันแล้วฉันเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่ไม่มีทางจะสร้างบาดแผลให้กับราชสีห์อย่างคิเรย์ได้เลย ...หรือบางทีกระต่ายอาจจะทำร้ายสิงโตจากภายในได้!? แล้วฉันต้องทำยังไงดีล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD