ก๊อกๆ ก๊อกๆ
"ขออนุญาตครับบอส"
แกร๊ก!
รพีพัฒน์เลขาชายคนสนิทของเจ้านายคนใหม่ที่เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีตำแหน่งรองลงมาจากคุณพ่อของตนเอง เนื่องจากต้องรับช่วงต่อธุรกิจของคุณพ่อ และอยู่ในช่วงศึกษาดูงานอยู่พอดีทำให้เขาต้องเรียนรู้มันอย่างเต็มที่ควบคู่ไปกับการสืบหาที่อยู่ของใครบางคนที่อยู่ในอีกฟากโลกหนึ่ง
"อืม"
วาคีนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านรายละเอียดในแฟ้มเอกสารที่รพีพัฒน์เป็นฝ่ายเรียบเรียง และสรุปมาให้ เขาเงยหน้าขึ้นเอ่ยอนุญาตให้เลขาหนุ่มคนสนิทเข้ามาใกล้เขาได้ รพีพัฒน์มีอายุมากกว่าเขาเพียงแค่หนึ่งปี ก่อนหน้านี้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขาของคุณพ่อของเขา พอเขาเรียนจบก็เข้าช่วยคุณพ่อดูงาน และได้รพีพัฒน์เป็นเลขาส่วนตัว ก่อนหน้านี้มีเลขาผู้หญิงสมัครมามากมายแต่เขาไม่เอา ไม่รับ ไม่สนใจ
"พอจะรู้พิกัดของคุณใบเฟิร์นแล้วครับ"
มุมปากหนากดยิ้มลงไปเล็กน้อย สี่ปีแล้วสินะที่เขากับเธอต้องแยกจากกัน เขาใช้เวลาทั้งหมดพัฒนาตัวเองเพื่อให้มีศักยภาพมากพอที่จะตามหาเธอ ควบคู่ไปกับรักษามาตรฐานของบริษัทที่คุณพ่อไว้วางใจให้เขาดูแล และเขาก็ทำมันได้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาวาคีนดำเนินธุรกิจตามรอยของคุณพ่อของเขาจนก้าวขึ้นมาจากอันดับที่เก้า ตอนนี้กลายเป็นเสือตัวที่ห้าของวงการอสังหาริมทรัพย์ไปเรียบร้อยแล้ว
เป้าหมายในการทำงานของเขาก็คือ เขาต้องไต่ระดับให้ไปอยู่หนึ่งในสามให้ได้ ไม่ว่าจะในตำแหน่งเสือตัวที่หนึ่ง ที่สอง หรือสามก็ได้ เพราะว่าคุณพ่อของเขาจะยกตำแหน่งประธานบริหารของธุรกิจทั้งหมดให้เขาก็ต่อเมื่อเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามเสือที่ว่ามานี้เท่านั้น รพีพัฒน์ชะงักเล็กน้อยที่เห็นบอสของเขายิ้มเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ทำงานด้วยกันมา เพราะปกติแล้วนอกจากผู้หญิงที่บอสของเขาจะไม่เข้าใกล้แล้ว บอสของเขายังกลายเป็นคนที่ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ยิ้ม ไม่พูดล้อเล่น และชีวิตมีแค่ความจริงจังเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเต็มใจที่จะทำงาน และเติบโตไปพร้อมกับบอสคนนี้ เรียกได้ว่ากว่าจะรู้ใจ รู้ไส้รู้พุงกันขนาดนี้ ก็ผ่านช่วงเวลาที่ไม่เข้าใจกันมามากพอสมควร
"ดี ดีจริง"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจของวาคีนไม่ได้ทำให้รพีพัฒน์แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เขาได้มารับตำแหน่งเลขาของวาคีน สิ่งที่เขารับรู้มาตลอดว่าสำคัญที่สุดกับบอสก็คือผู้หญิงที่ชื่อใบเฟิร์น ไม่ว่าจะเป็นที่คอนโดของบอสที่มีแต่รูปเธอเต็มไปหมด เขายังสั่งให้คนขนบางรูปเอามาไว้ที่ห้องทำงานอีกด้วย
"คุณใบเฟิร์นเพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้วครับ หลังจากเรียนจบเธอก็ได้ทำงานที่โรงพยาบาลสัตว์ที่รัฐเวียนนา เอ่อ เหมือนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอจะติดต่อกับเพื่อนคนไทยอยู่บ้างด้วยครับ"
"เวียนนางั้นเหรอ คุณพัฒน์ช่วยดูหน่อยเรามีโปรเจกต์ไปที่เวียนนาบ้างมั้ย"
ทันทีที่รพีพัฒน์บอกผมมาว่าใบเฟิร์นอยู่เวียนนาอย่างแน่นอนแล้ว ผมก็รู้สึกดีใจจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก ผมรู้สึกว่าผมกำลังมีความหวังเพราะหลังจากที่เราแยกทางจากกันใบเฟิร์นก็บล็อกช่องทางการติดต่อกับผมทุกทางเลยครับ แม้จะเจ็บปวดใจทุกครั้งที่เข้าไปดูในบัญชีโซเชียลของเธอ และรับรู้ว่าผมคือคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อน ผมกดเข้าไปที่บัญชีโซเชียลของเธอเหมือนเดิมครับแต่ผมก็ต้องตกใจจนมือไม้สั่นเมื่อเธอปลดบล็อกผมแล้ว ผมได้เข้าไปดูการใช้ชีวิตต่างๆ ของเธอในตลอดเวลาที่ผ่านมา และเริ่มให้เลขาของผมหาที่อยู่ของเธอ ผมรู้แค่ว่าเธอไปที่ออสเตรียครับแต่ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าอยู่ส่วนไหนของออสเตรีย
เธอปลดบล็อกผมทุกบัญชีโซเชียลนั่นหมายความว่าเธอคงจะหายโกรธผมบ้างแล้วผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ แต่ผมไม่กล้าเข้าไปทักทายเธอหรอกครับในทุกๆ วันผมเห็นว่าเธอมีความสุขดี ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ และบางคลิปที่เธอโพสต์เป็นคลิปสั้นๆ กับเพื่อนสาวชาวต่างชาติของเธอ เพียงแค่นั้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมีความหวังจนผลักดันตัวเองให้ได้เป็นเสือตัวที่ห้าในวงการธุรกิจนี้
"เหมือนว่าเรายังไม่มีโปรเจกต์ที่จะไปเวียนนาเลยครับบอส"
คำตอบของรพีพัฒน์ทำผมห่อเหี่ยวใจอยู่เหมือนกันทั้งๆ ที่เราเดินหน้าขยายธุรกิจของเราไปหลายประเทศแล้ว แต่ทำไมผมถึงคิดไม่ได้ว่าควรจะขยายไปที่ออสเตรียด้วย เอาละงั้นต่อไปนี้ผมจะต้องขยายธุรกิจไปที่ออสเตรียบ้างแล้วละครับ
"คุณพัฒน์ ช่วยดูที่ทางที่เวียนนาที่เราน่าจะทำธุรกิจได้ ผมขอเป็นย่านธุรกิจที่จะสามารถสร้างโรงแรม คอนโด เพื่อซื้อขายได้ หรือไม่ก็เราจะสร้างเป็นบ้านขนาดเล็กในย่านนั้น แพงเท่าไหร่ผมก็จ่าย"
"อ่อ เช็กให้ผมที ว่าโรงพยาบาลสัตว์ที่ใบเฟิร์นทำงานอยู่ ใครเป็นเจ้าของและราคาเท่าไหร่"
"ครับบอส" รพีพัฒน์โค้งตัวลงเพื่อรับคำสั่งจากผม แล้วเดินออกจากห้องทำงานของผมไป ส่วนผมเองก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเข้าไปดูในไอจีของเธอ เธอเพิ่งโพสต์รูปน้องแมวน่ารักตัวเล็กที่เธอรักษาหายพร้อมกับอวยพรเจ้าแมวนั่น ปกติใบเฟิร์นโพสต์อะไรเธอจะไม่ค่อยแท็กสถานที่หรอกครับ และครั้งนี้ก็เช่นกัน มันเลยทำให้ผมตามหาตัวเธอค่อนข้างยาก ผมบอกแล้วไงครับผมจะต้องกลับมาเจอกับเธออีกแน่ๆ
พรวดดดดด!
"ฮายยยยยยบอยยยย~"
ผมทำสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อคนที่ผลักประตูเข้ามาไม่ใช่ใครเลยครับ ก็สามทรราชเพื่อนของผมตั้งแต่สมัยเรียนไงละพวกคุณยังจำมันได้อยู่ไหมครับ ผมจะแนะนำให้รู้จักเลยแล้วกัน ไอ้ชัต ไอ้บอล และอีกคนเพื่อนสนิทที่สุดของผมไอ้วาล์วพวกมันทำงานที่บริษัทของผมเนี่ยแหละครับ แต่ละคนตำแหน่งสูงๆ ทั้งนั้น เนื่องจากผมเป็นรองประธานบริษัท พวกมันทั้งสามก็เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี ก็เรียกง่ายๆ คือ ผู้อำนวยการฝ่ายไอทีนั่นแหละ มันสามตัวทำงานอยู่ในบริษัทในเครือของผมที่แบ่งออกเป็นแต่ละบริษัทไปครับ
"สวัสดีครับบอสสส วันนี้เลิกงานแล้วไปดื่มกันมั้ยครับ"
"ชวนแต่กูแดกเหล้าตั้งแต่เด็กยันโต กูได้เป็นตับแข็งตายก่อนได้เป็นเสือตัวที่สามแน่" ผมบ่นมันครับไอ้บอลไอ้ทรราชหมายเลขหนึ่ง หลายคนคงอยากให้ผมเลิกคบกับพวกมันใช่ไหมครับ ผมก็อยากเลิกคบนะครับติดที่เราพวกเราดันสนิทกันมากเกินไปและบทเรียนที่ผมได้รับยังคงตราตรึงอยู่ในใจของทรราชทั้งสาม
"โห่ ไรอะ มึงแม่งทำแต่งาน ปลดปล่อยมั่งดิวะ"
"ปลดปล่อยให้ฉิบหายเหมือนที่กูเคยทำน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก กูต้องเก็บแต้มความดีความชอบเอาไว้ไปตามง้อเมีย" พวกมันได้ยินคำนี้แล้วก็ทำตาโตแทบจะถลนออกมาด้านนอกเลยครับ เพราะถึงผมจะนิ่งกับคนอื่น แต่ในฐานะเพื่อนพวกมันผมก็นิ่งมากไม่ได้หรอกครับ พวกมันบอกผมเสมอว่าผมค่อนข้างเปลี่ยนไป
"ง้อเมีย!"
"มึงหาตัวเจอแล้วเหรอ" ไอ้ชัตพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"เออ อยู่เวียนนา"