ตุบ!
ไม้หล่นลงพื้น กรกาญจ์ยืนกัดฟันด้วยความหงุดหงิด กี่ครั้งแล้วที่ต้องโยนไม้ขึ้นลงแบบนี้
“กุ้ง! แบบนี้ชาติไหนจะโยนได้กัน มะรืนนี้เราก็ต้องเดินแล้วนะ!”ชัยวัฒน์ดุ
“นายมาโยนเองไหมล่ะ”ย้อนเพื่อนตาเขียว
ชัยวัฒน์หุบปากแล้วหันมาสุมหัวดูนิตยสารเล่มใหม่กับเพื่อน กรกาญจ์เห็นความผิดปกติจึงเข้าไปร่วมวงด้วย ใบหน้าของหญิงสาวซึมลงยามมองหน้าปกนิตยสารที่มีพี่สาวตนเองขึ้นปกในชุดว่ายน้ำ หันหน้าหนีออกจากวงแล้วนั่งลงบนสแตนด์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เฮ้ย! นี่ไงนางแบบชื่อพราย สวยเช้งแถมหุ่นเป๊ะมาก ถ้าได้ไปนอนกอดสักคืนคงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะโว้ย!”
เสียงพูดอย่างคึกคะนองของบรรดาเพื่อนๆ ยังคงดังก้องอยู่ในหู กรกาญจ์รู้ดีว่าพี่สาวไม่ต้องการทำงานในวงการบันเทิง เธอจึงต้องการเรียนให้จบโดยเร็วเพื่อที่จะได้ช่วยพี่สาวหาเงินอีกแรง เมื่ออดรนทนไม่ไหวกับคำพูดในเชิงลามกร่างบางกระโดดลงจากสแตนด์เดินตรงเข้าหากลุ่มเพื่อ
“หยุดดูเลย เอามานี่!”กรกาญจ์ตรงไปกระชากหนังสือ
“เอามาเลยกุ้ง อย่านะของรักของหวงพวกฉัน!”
“ไม่ให้! ออกไปเลยพวกแกฉันต้องการฝึกอย่างสงบๆ”
“ไปก็ได้ เอาหนังสือมาก่อน!!”
กรกาญจ์เม้มปากสุดท้ายจำต้องคืนหนังสือ ต่อให้ยึดไว้พวกมันก็หาเล่มใหม่มาได้อยู่ดี ห้ามไปคงไม่มีประโยชน์ พี่กั้งของเธอตอนนี้กลายเป็นนางแบบซุปเปอร์สตาร์ไปแล้ว กลับมาทำหน้าที่ดรัมเมเยอร์แม้ไม่เต็มใจก็ตาม จนพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าทดแทนด้วยแสงสปอร์ตไลท์ของสนามกีฬามหาวิทยาลัยแทน
พื้นที่สนามหญ้านักศึกษาแต่ละคณะต่างมาจับจ้องเพื่อฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ กองเชียร์ และจัดรูปขบวนสำหรับเดินพาเหรด ทางมหาวิทยาลัยอนุญาตให้อยู่ดึกได้เพื่อตระเตรียมงาน กรกาญจ์ยกท่อนแขนดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสามทุ่มยี่สิบนาที หันไปหาเพื่อนกำลังทำอุปกรณ์ตกแต่งสแตนด์กันอยู่
“เฮ้ย! พวกแกฉันกลับก่อนนะ!”กรกาญจ์บอก
“อ้าว! รีบกลับไปไหนกุ้ง ช่วยงานกันก่อนสิ”ชัยวัฒน์แย้ง
“คงไม่ได้แล้วล่ะ แถวบ้านฉันมันเปลี่ยว เดินคนเดียวเดี๋ยวโดนฉุด”รีบอธิบายให้เพื่อนฟัง หน้าปากซอยบ้านมีพวกวัยรุ่นเยอะเสียด้วย เธอไม่ชอบสายตาพวกมันเวลามองมา
“ใครจะฉุดแกอะกุ้ง ถึกขนาดนี้!”เพื่อนในกลุ่มพากันหัวเราะ
“พวกแกหุบปากเลย เดี๋ยวกุ้งมันก็ไม่ยอมเป็นดรัมให้หรอก!”ปันนาหันไปตวาด ทุกคนเลยพากันเงียบ แล้วเดินมาหากรกาญจ์ “กลับไปก่อนเถอะกุ้ง”
“อืม ขอบใจนะปัน”
สะพายกระเป๋าหอบหนังสือแล้วสาวเท้าออกนอกรั้วมหาวิทยาลัย ยืนรอรถเมล์สักพักก็มาจอดเทียบ ถึงหน้าป้ายรถเมล์เดินเข้าซอยอย่างระมัดระวัง สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมา โชคดียังมีร้านค้าเปิดขายอยู่ไม่อย่างนั้นเธอเองคงกลัวจนไม่รู้จะทำยังไงดี
กังสดาลอ้าปากหาวขณะเดินลงชั้นล่าง มองนาฬิกาที่ผนังบอกเวลาสี่ทุ่ม กวาดสายตามองหาน้องสาวแต่ยังไม่พบเจ้าตัว ลงมาด้านล่างนั่งลงเห็นนิตยสารคุ้นตาที่ตนถ่ายแบบไว้หยิบขึ้นมาหน้านิ่วคิ้วขมวด ชำเลืองมองมารดาเห็นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คาดการณ์ไม่ผิดแม่ต้องเป็นคนซื้อมาแน่
“แม่คะ ซื้อมาทำไมคะนี่!”ถามสีหน้าตื่นตระหนก เคยห้ามไม่ให้แม่เก็บนิตยสารทำนองนี้แล้ว
“ก็แม่อยากเก็บไว้นี่ลูก”
“หนูไม่อยากให้แม่เห็นเลยค่ะ ที่หนูยอมถ่ายเพราะเงินดีเท่านั้นเอง”ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ภาพถ่ายชุดว่ายน้ำบิกินีแบบนี้ ไม่อยากให้แม่เห็นเลย เธออาย
“แม่ไม่ได้มองลูกแม่เหมือนคนอื่น แม่มองว่าลูกแม่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยเท่านั้นเอง”
คำพูดมารดาทำให้ใจชื่น เข้าใจว่าแม่ต้องการปลอบแต่ใจ บางครั้งเธอเองรู้สึกอายเหมือนกันที่ต้องรับงานแบบนี้ ทุกครั้งออกอีเว้นท์มักจะถูกผู้ชายมองด้วยสายตาโลมเลีย ภาพพจน์เธอคงทำให้ผู้คนมองในด้านลบไปแล้ว สะบัดไล่ความคิดออก เมื่อไหร่น้องสาวเรียนจบ มีเงินเก็บจำนวนหนึ่งจะลาขาดจากโลกมายาเสีย
“กุ้งยังไม่กลับอีกเหรอคะแม่”ถามมารดาด้วยควาสงสัย
“น้องมีซ้อมดรัมเมเยอร์จ้ะ”
“อะไรนะแม่ ยัยกุ้งเป็นดรัมเหรอเนี่ย!”แทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ปกติน้องสาวเธอออกจะห้าวแถมยังไม่ชอบอะไรสวยๆ งามๆ สักเท่าไหร่ แต่หน้าตาสองคนละม้ายคล้ายกันมากทีเดียว
“ใช่แล้วจ้ะ”
เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน พร้อมกับเสียงฝีเท้าทำให้สองแม่ลูกที่กำลังพูดคุยกันอยู่รู้ว่าใครมาทันที ร่างบางในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาภายในบ้าน ทันทีที่เห็นพี่สาวเธอระบายยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“พี่กั้ง ทำไมวันนี้อยู่บ้านได้ล่ะคะนี่”กรกาญจ์เอ่ยทักพี่สาวทันที
“พอดีวันนี้พี่ไม่มีงานก็เลยได้พัก เป็นไงบ้างจ๊ะดรัมเมเยอร์”กังสดาลแซวน้องสาว
“โหยพี่กั้ง! ไม่ต้องมาแซวกุ้งเลย”
“ทำไมล่ะ หรือเราไม่อยากเป็นหืม...”เลิ่กคิ้วมองน้องสาวอมยิ้ม
“ก็ไม่อยากเป็นนะสิพี่ ยัยปันดันขาเจ็บกุ้งเลยต้องเป็นแทน”
“ความจริงกุ้งก็น่าจะเป็นนะ น้องสาวพี่สวยออกได้เป็นดาวมหาลัยตั้งแต่ปีแรกเลยนี่เรา”ยังไม่วายแซวน้องสาวไม่หยุด
“ไม่ต้องมาแกล้งชมน้องเลยนะคะ พี่กั้งนั้นแหละดังจะตาย เพื่อนกุ้งมันเป็นแฟนคลับพี่กั้งทั้งนั้นเลย แต่พี่กั้งชอบปลอมตัวเอาแว่นตาหนาๆ มาใส่ทำไมก็ไม่รู้เสียราศีหมด”กรกาญจ์ต่อว่าพี่สาวพลางส่ายหน้า
ดารณีอมยิ้มกับการหยอกล้อของพี่น้อง แม้ว่าบิดาสองคนจะหนีหายไปนานแล้ว แต่ทว่าเธอกลับภูมิใจที่เลี้ยงลูกสองคนเป็นคนดี ไม่เคยทำผิดต่อใคร ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง
“กุ้งกินข้าวก่อนนะลูก แล้วค่อยคุยกันต่อ..”
“ค่ะแม่”
ฝาชีครอบอาหารถูกเปิดออก วันนี้ดารณีทำอาหารง่ายๆ เป็นแกงจืดเตาหู้หมูสับใส่สาหร่าย กับผัดพริกแกงปลาหมึก และซี่โครงหมูทอดของโปรดลูกสาวสองคน ระหว่างมื้ออาหารพูดคุยเรื่องทั่วไปจนอิ่ม