ตอนที่ 1 รอยรักที่เธอฝากไว้
แสงแฟลตรวมถึงเสียงกดชัตเตอร์รัวถี่ เพียงเพราะการปรากฏตัวของนางแบบสาวสวยที่กำลังโด่งดัง อย่างพราย เภตรา ธารากรณ์ ใบหน้าสวยคม ผิวขาวเนียนอมชมพู ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบสอง ดวงตาเย้ายวน จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางแต่อวบอิ่ม แววตาดูน่าค้นหามีมนต์เสน่ห์จนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พากันเคลิบเคลิ้ม
แต่ความจริงเธอมีชื่อจริงว่ากังสดาล ธารากรณ์ แต่จำต้องเปลี่ยนชื่อตามความต้องการของต้นสังกัด หลังจบงานอีเว้นท์นางแบบสาวกลับเข้าห้องแต่งกาย ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่สีม่วง มองดูตัวเองหน้ากระจก หลายครั้งเธออยากลาออกจากวงการเสีย แต่เพราะภาระทางบ้าน น้องสาวกำลังเรียนมหาวิทยาลัยต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย แม่เองก็ป่วยบ่อยค่ายาค่อนข้างแพง ความฝันที่เคยมีจึงกลายเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่อาจไขว่คว้ามันได้แม้จะเป็นเพียงฝันเล็กๆ เท่านั้น
อยากเปิดร้านเบเกอรี่... เธอคิดหลายครั้ง
แต่เงินคือปัจจัยสำคัญทำให้ตนไม่มีโอกาสทำให้มันเป็นจริงได้
“น้องพราย พรุ่งนี้น้องพรายมีคิวถ่ายแบบอย่าลืมเชียวนะคะ”เสียงพี่นิ่มผู้จัดการปลุกให้เธอตื่นจากความฝัน
“ค่ะพี่นิ่ม”หญิงสาวรับคำ
มองใบหน้าตนเองผ่านกระจกมันแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงจากสปอนด์เซอร์ ที่เธอโฆษณาสินค้าให้ สร้อยเพชรราคาหลายล้านตรงคอเธอถอดมันออกเก็บใส่กล่องกำมะหยี่สีแดงตามเดิม ใช้น้ำยาลบทุกอย่างบนใบหน้าออก หยิบเสื้อผ้าจากถุงแล้วเดินหลบเข้าห้องแต่งตัว จัดการเปลี่ยนชุดเดรสรัดรูปสีแดงแล้วแทนที่ด้วยเสื้อยืดคอกลมสีขาวกางเกงยีนส์สีซีดขาสั้น แว่นกรอบดำขนาดใหญ่ปกปิดใบหน้ารวบผมเกล้าไว้อย่างลวกๆ ส่งเสื้อผ้าให้กับพนักงานแล้วสาวเท้าออกมา
ใกล้ถึงลานจอดรถกังสดาลชะงักเท้าเมื่อเห็นนักข่าวยืนรอ อาจเพราะข่าวเกี่ยวกับพระเอกละครที่เธอเล่นด้วยเป็นเรื่องแรก ถูกมือดีสร้างเรื่องความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวขึ้นมา เลยถูกนักข่าวให้ความสนใจเป็นพิเศษ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่วันนี้เธอไม่มีอารมณ์มาตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำอีกหรอก เหนื่อยเสียจนไม่อยากทำอะไร เลี่ยงมาอีกทางโบกแท็กซี่จนถึงบ้าน
บ้านไม้สองชั้นทาสีเขียวอ่อนติดแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าน้ำมีศาลาสี่เหลี่ยมสีขาวแขวนไม้ดอก รอบๆ รั้วบ้านปลูกดาวเรืองสีเหลืองบ่อยครั้งที่เจ้าของมักนำไปถวายพระ รถแท็กซี่จอดเทียบหน้าบ้านกังสดาลเปิดประตูรั้วไม้ระแนงสีขาวเข้าด้านในเดินผ่านสนามหญ้าหน้าบ้านมาจนถึงประตู ดารณีหันมองบุตรสาวแววตาอ่อนโยนเมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยอ่อน
“เหนื่อยเหรอลูกวันนี้”ดารณีเอ่ยถามบุตรสาว
“นิดหน่อยค่ะ กั้งขอไปนอนพักแป๊บนึงนะคะแม่ เดี๋ยวลงมาทานข้าว”หอมแก้มมารดาแล้วก้าวยาวขึ้นห้องชั้นสอง จนถึงหน้าประตูห้อง ฉุกคิดบางเรื่องขึ้นมาเลยชะเง้อลงมาจากบันไดขั้นบน
“แม่ค่ะ แล้วกุ้งล่ะคะกลับมาจากมหาลัยหรือยังคะ?”
“อ๋อ น้องบอกว่าจะกลับค่ำหน่อยน่ะลูก”
“ทำไมกลับดึกจังคะ สมัยนี้ยิ่งไว้ใจใครไม่ได้อยู่ แม่โทรถามน้องดูไหมว่าจะให้หนูไปรับหรือเปล่า!”
เธอไม่อยากให้บุตรสาวคนโตรับภาระมากนัก เท่านี้ก็สงสารลูกแทบแย่ เห็นทำงานเหนื่อยแทบทุกวัน
“กั้งไปนอนเถอะลูก อีกพักน้องก็กลับมาแล้วไม่ต้องเป็นห่วง”
“งั้น ก็ได้ค่ะ”หันหลังกลับเปิดประตูเข้าห้องตนเอง
นางแบบสาวทิ้งตัวลงบนฟูกหนาหลับตาลงทันที เพราะความเหนื่อยทำให้เธอผ่อนคลายผล่อยหลับอย่างรวดเร็ว
คนเป็นแม่ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะอุบัติเหตุทำให้บุตรสาวยอมตกลงเซ็นสัญญากับโมเดลลิ่ง เพื่อนำเงินมารักษาให้กับเธอ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ากั้งไม่ชอบทำงานด้านนี้สักเท่าไหร่ แต่แมวมองคนนั้นกลับเห็นความสวยผ่านแว่นตากรอบดำอันใหญ่นั้น อีกไม่นานเธอจะให้ลูกได้ทำตามความฝัน รอให้บุตรสาวคนเล็กเรียนจบ เมื่อนั้นจะให้กั้งออกจากโลกมายาแล้วทำในสิ่งที่ตนเองรักเสียที
กรกาญจ์นั่งหน้างอ เมื่อเพื่อนตัวดีหาเรื่องให้เธอ ตอนนี้ยังยกมือไหว้ทั้งอ้อนวอน ร้องขอ แสร้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จออกมาหมดเปลือก แต่เธอรู้จักนิสัยเพื่อนดี น่าโมโหชะมัดทำไมต้องเป็นตนเองที่ซวยกับเรื่องวุ่นๆ ที่เพื่อนมันก่อไว้ด้วย มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
“ไม่มีวันซะล่ะ ฉันไม่ทำ”กรกาญจ์ปฏิเสธเสียงกร้าวอีกครั้ง เมื่อถูกเพื่อนรบเร้า
“เฮ้ย! กุ้งถ้าแกไม่ทำก็ไม่มีใครทำแล้วนะ แกดูหน้าเพื่อนแกดิเหลือแต่ขี้เหร่แล้ว หากเอาคนอื่นไปเสียชื่อสีเราหมดนะกุ้ง!”
กรกาญจ์เม้มริมฝีปากแน่น ยืนมองหน้าเพื่อนที่ดันไปเที่ยวแล้วเมาตกท่อจนกระดูกข้อเท้าร้าวต้องเข้าเฝือก กำลังอ้อนวอนร้องขอให้เธอช่วยเหลือ
“ยัยปันนะยัยปันหาเรื่องให้ฉันจนได้ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปฉัน!”กรกาญจ์หน้างอ
“ขอโทษนะกุ้ง...”ปันนายกมือขึ้น เพื่อขอโทษเพื่อนสาว
“เอ่อก็ได้วะ ไหนๆ ก็จะจบแล้ว แล้วไอ้ดรัมเมเยอร์นี่มันทำกันยังไงบ้างล่ะ”
“เฮ้ย! ปันไปสอนกุ้งเลย อยากหาเรื่องให้คนอื่นเขาเดือดร้อน”ชัยวัฒน์สมทบอีกคน
ปันนาเบ้หน้า ใช้ไม้เท้ายันตัวเองพร้อมกับลากเพื่อนสาวออกไปฝึกที่สนามหญ้าแทน
“จับตรงด้ามเลยกุ้ง แล้วโยนสะบัดให้มันหมุน”ปันนาแนะนำ
คนถูกสอนทำตาม จับปลายสุดโยนขึ้น