ตินสูรณ์ตวัดร่างบางดันชิดติดกำแพงใช้ท่อนขาแทรกเรียวขา แล้วตรึงมือบางสองข้างไว้บนกำแพง พนักงานและบอดี้การ์ดต่างพากันหลีกหนีเมื่อสถานการณ์เริ่มล่อแหลมไปในทางอื่น มากกว่าอันตรายที่จะเกิดกับเจ้านาย ชายหนุ่มกวาดสายตามองใบหน้ายามไร้แว่นตา คิ้วเข้มขมวดมันแปลกมากเสียจนเขาเผลอไผล
“หน้าเธอ... ดูคุ้นๆ นะ”
กังสดาลได้จังหวะดิ้นสุดแรงจนข้อมือหลุด ผลักเขาแล้วยกเท้าแตะตรงกลางระหว่างขา ชายหนุ่มกัดฟันทรุดฮวบลงกับพื้นใบหน้าแดงก่ำจนเริ่มเขียว กรามขบกันแน่นเรี่ยวแรงหายอย่างสิ้นเชิง
“จำไว้อย่ามาเล่นกับคนอย่างฉัน!”กังสดาลข่มขู่แล้ววิ่งหนีหาย
ราวิทย์ออกมาดูเหตุการณ์รีบพยุงเจ้านาย แต่ไม่อาจลุกขึ้นมาได้ บอดี้การ์ดหนุ่มมองเจ้านายนอนตะแคงสีหน้าเจ็บปวดอยู่กับพื้น สงสัยเขาคงต้องเรียกรถพยาบาลเสียแล้ว
กรกาญจ์เดินวนด้วยความเป็นห่วงพี่สาว ดารณีนั่งน้ำตาคลอเป็นห่วงบุตรสาวคนโต ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นเช่นไรบ้างอยากแจ้งตำรวจแต่ไม่กล้า หากว่ามันจับตัวบุตรสาวอยู่แล้วถ้าตำรวจเข้าตรวจค้นมันอาจจะทำร้ายลูกก็เป็นได้ ตอนนี้คงจำต้องเฝ้ารอและภาวนาให้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย
เสียงรถจอดเทียบหน้าบ้านสองแม่ลูกลุกยืนวิ่งมาหยุดยืนพร้อมกัน เห็นกังสดาลกำลังเปิดประตูลงมา ร่างบางก้าวยาวเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว สีหน้ายังคงตื่นตระหนกไม่หายกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่
“พี่กั้ง!”กรกาญจ์เรียกพี่สาววิ่งเข้าไปก่อนพลางสะอื้น
“พี่ไม่เป็นไรหรอกกุ้ง ไอ้หมอนั้นป่านนี้สงสัยจะหน้าเขียวไปแล้วล่ะ!”ยิ้มสะใจ
ดารณีโอบกอดบุตรสาวสองคนไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง ชีวิตเธอเหลือเพียงแค่สามแม่ลูกเท่านั้น ยากจะทำใจได้หากต้องเสียใครไป คนเป็นแม่ยอมตายเพื่อลูก เมื่อทุกอย่างคลี่คลายกังสดาลเล่าเรื่องราวที่ตนประสบพบเจอให้ฟัง กรกาญจ์ยิ้มร่าปรบมือชื่นชมกับวีรกรรมของพี่สาว ผิดกับคนเป็นแม่แสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมา ใจเธอกลัวว่าชายคนนั้นจะแค้นลูกสาวตนเองแล้วกลับมาเอาคืนหรือเปล่า
ปันนาชะเง้อมองหาเพื่อนในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะเมื่อคืนเกิดเรื่องมากมายจนเธอกับเพื่อนไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างตอนนั้นพอพี่สาวของเพื่อนมาถึง เรื่องราวก็วุ่นวายผู้คนพากันแตกหือออกนอกร้านรวมถึงกลุ่มเพื่อนด้วย หนีกลับกันหมดเพราะความหวาดกลัว
ทันทีที่เห็นเพื่อนกำลังเดินหอบหนังสือเข้ามา ปันนารีบเดินเข้าหาโอบกอดไว้แน่นจนเพื่อนตระหนก เรื่องเมื่อคืนทำให้เธอไม่สบายใจ น้ำตาพาลไหลออกมาไม่หยุด ผิดเองที่ชักชวนกรกาญจ์ไปด้วยทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตจนเพื่อนเกือบเอาตัวไม่รอด โชคดีที่พี่สาวมากรกาญจ์มาช่วยไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ยังไม่รู้
“ขอโทษนะกุ้ง เราผิดเอง เราไม่น่าชวนกุ้งไปเลย”ปันนาสะอื้นไม่หยุด
“ไม่เป็นไรอย่าร้องได้ไหมยัยปัน ฉันจะร้องตามแล้วนะ”สุดท้ายแล้วสองสาวเลยพากันร้องไห้ในซุ้มคณะ
เตชิษฏ์ก้าวเข้ามาในซุ้มคณะจ้องมองสองสาวกอดกันร้องไห้ด้วยความงุนงง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ อยากรู้แต่ไม่มีความกล้าในการถามไถ่ ปาณิศาเดินผ่านจังหวะเห็นหนุ่มที่ตนหมายปองหัวใจเลยพองโตสาวเท้าเข้ามาใกล้ระบายยิ้มอย่างยินดี
“เตกำลังทำอะไรเหรอ?”ปานิศาไม่ถามเปล่าถือวิสาสะเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่น
คนถูกเกาะรีบแกะมือออก ก้าวออกห่างอย่างระแวดระวัง ปาณิศามักตีสนิทกับเขาจนเกินควร ไม่อยากให้นักศึกษาหรือเพื่อนในคณะคนอื่นคิดเกินเลยจะกลายเป็นขี้ปากว่าเขากับปาณิศาคบหากัน อีกอย่าง... ไม่อยากให้ผู้หญิงที่เขาชอบเข้าใจผิดในเรื่องนี้ด้วย
“ปา เตไปเรียนก่อนนะ”ชายหนุ่มตัดบทแล้วเดินเลี่ยงหายไป
ปาณิศาเม้มริมฝีปากไม่พอใจหันกายคิดก้าวออกมาจากบริเวณนั้น พลันสายตาเห็นนักศึกษาสองคนกำลังกอดกันร้องไห้ เธอไม่ได้สนใจอะไรหรอกเพียงแต่หนึ่งในนั้นดันมีดาวมหาลัยอย่างกรกาญจ์ด้วยนี่สิ คิ้วขมวดความสงสัยเริ่มทักทาย เมื่อครู่เตชิษฏ์ยืนทำอะไรตรงนี้กันแน่
ดารณีสาวเท้าอยู่นอกรั้วบ้านหลังกลับจากตลาดเพื่อซื้อกับข้าวไว้ให้บุตรสาวสองคน มองเห็นหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังนั่งกุมท้องสีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอยู่เยื้องหน้าบ้าน แม้ผู้คนจะผ่านไปมาแต่ไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือเลยสักคน เธอรีบเข้าประคองด้วยความกังวล
“คุณ! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวฉันจะเรียกรถพยาบาลให้นะคะ”ดารณีบอกแล้วรีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลให้กับหนุ่มใหญ่แปลกหน้าทันที
เพียงไม่นานรถพยาบาลก็แล่นเข้ามารับหนุ่มใหญ่ ดารณีต้องตามเขาไปเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครเธอจำต้องไปเซ็นเอกสาร สิ่งที่เธอทำเป็นเพราะเธอเห็นแก่เพื่อนมนุษย์เท่านั้น
“เขาเป็นอะไรเหรอคะคุณหมอ?”
“ไส้ติ่งอักเสบครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วละครับ”หมอตอบคำถาม
หมอที่ทำการผ่าตัดให้กับชายแปลกหน้าเดินออกมา ดารณีเหลือบมองไปกลับเห็นหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคาย คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็น สันดวงตาเรียวและคม ผิวขาวภายในชุดสูทแบรนด์เนมราคาแพง เธอนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมแต่หนุ่มคนนั้นกลับเดินมาหาเธอ
“คุณพาพ่อผมมาส่งใช่ไหมครับ?”เขาถาม
ดารณีชะงักด้วยมองด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้จักเขามาก่อน แล้วพ่อของเขาคือใครกันล่ะ หรือว่าจะเป็นผู้ชายคนนั้น
“ผู้ชายที่หมอวินิจฉัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบน่ะครับ”เขาไขความสงสัย
“อ๋อ ใช่ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”เขาบอก
ดารณีลอบพิจารณาใบหน้า และท่าทาง ชายคนนี้ดูสุภาพ หน้าตาดี การงานคงจะมั่นคงไม่น้อย เธอขยับกายลุกยืนในเมื่อบุตรชายของเขามาก็คงหมดหน้าที่ของเธอแล้ว
“ป้าขอตัวกลับก่อนนะพ่อหนุ่ม ป้ามีเรื่องต้องไปทำ”ดารณีบอก