ก่อนตอนนี้ผมสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ ผมห่วงหลานผมมาก”
“ฉันเป็นหมอ ยังไงก็ต้องดูแลแกอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก” หญิงสาวเอ่ยแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอรู้สึกสงสารหนูน้อยที่สุดในเวลานี้ อาก็มาเป็นแบบนี้ หลานก็ไม่มีที่พึ่งเธอได้แต่นึกเวทนา... เขานั่งหมดอาลัยตายอยาก ตุลยารีบโทรศัพท์หาธีรพันธ์ให้มาหาเธอในตอนเย็น และเขาก็มาตามนัดและเมื่อหญิงสาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังและพาเขาไปดูเด็กหญิงตัวน้อยที่เวลานี้เธอได้ให้นอนพักผ่อนตามเนื้อตัวมีแต่รอยช้ำสีม่วง ธีรพันธ์รู้สึกตกใจที่เห็น เขาขอคำแนะนำจากหญิงสาวตุลยาบอกว่าให้หาพี่เลี้ยงใหม่แม้ว่ามันจะยากและเธอจะช่วยดูแลเด็กน้อยในระหว่างนี้เอง ทำให้ธีรพันธ์เบาใจแต่ก็หนักใจเรื่องบริษัทที่ตอนนี้มีหลายคนได้ทราบข่าวของปฏิภาณต่างก็หวังผลจากบริษัทดีแต่เขาพยายามถ่วงเอาไว้เสียก่อน
“ฉันอยากจะแนะนำคุณนะคะคุณปฏิภาณ ถ้าคุณเอาแต่โกรธมันไม่เกิดประโยชน์หรอก ฉันอยากให้คุณทำจิตใจให้สงบ พรุ่งนี้ลุงฉันจะมาแต่เช้า”
“มันเกี่ยวอะไรกับผมกับคุณลุงคุณ”
“ก็ไม่เกี่ยว แต่ท่านเคยบวชเรียนมาอาจจะแนะนำอะไรคุณได้บ้าง ถ้าคุณจะยอมฟังท่าน”
“ก็ได้” เขารับปากเสียงท้อแท้ คุณหมอสาวสวยตั้งใจว่าจะพยายามหาทางช่วยเขาให้มากที่สุดแสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่องลงมา เสียงนกร้องขณะออกหากิน พระสงฆ์สามรูปเดินมาหยุดตรงหน้า ตุลยาถอดรองเท้าไว้ข้างตัวและประนมมือไหว้เขาทำตามเช่นกัน เขามองหญิงสาวตักข้าวใส่ลงไปในบาตรพระก่อนจะหยิบถุงกับข้าวตามส่งไปแล้วประนมมือไว้เมื่อตักบาตรเสร็จเธอก็ดาเขาไปนั่งใต้ต้นไม้เธอกรวดน้ำท่องบทอุทิศส่วนกุศลให้เขา วิญญาณของเขาประนมมือรับ เสียงรถยนต์แล่นมาจอดหน้าบ้านชายสูงวัยหน้าตาอิ่มเอิบในชุดขาวเดินลงมา
“ลุงบดี มาแต่เช้าจังนะคะ" หญิงสาวเอ่ยทักพร้อมกับทำความเคารพ
“แต่ก็ยังสายกว่าหลาน ตักบาตรเสร็จแล้วหรือลูก” ลุงบดีดึงร่างบางมากอดเพราะรักเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง เธอหันไปหยิบถาดเปล่าเดินเข้าบ้าน
“ค่ะ พระท่านเพิ่งไปเมื่อครู่ เข้าบ้านก่อนไหมคะลุง”
“ดีสิ” ปฏิภาณเดินตามทั้งคู่เข้าบ้านอย่างเหงาๆ ลุงบดีทรุดตัวลงนั่งระเบียงบ้าน หลังจากทักทายกับบิดาของเธอแล้ว หญิงสาวขอตัวไปยกอาหารเช้าออกมาเลี้ยง ปฏิภาณนั่งเหม่อมองไปในสวนห่างจากชายสูงวัยเพียงที่คืบ
“ทำไมพ่อหนุ่มถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้เขาเบิกตากว้าง เขาไม่ได้หูฝาดใช่ไหม ผู้ชายคนนี้กำลังพูดกับเขา
“ละ ลุงเห็นผม ลุงเห็นผมใช่ไหม” เขากระเถิบจนชิดด้วยท่าทางดีใจสุดขีด นอกจากหญิงสาวแล้วก็มีชายคนนี้มองเห็นเขาชีวิตในร่างวิญญาณช่างเงียบเหงาเหลือเกินได้แต่เฝ้ามองทุกอย่างในโลกหมุนเวียนเปลี่ยนไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้
“ใช่ ว่าไงพ่อหนุ่ม ยังไม่ตอบว่าทำไมมาอยู่ตรงนี้”
“รถผมเกิดอุบัติเหตุ วิญญาณเลยออกจากร่าง”
“คุณคงใจร้อนรีบลงมาโดยที่ยังไม่ถึงเวลามากกว่า” ลุงบดีดักคอ เขาเคยนั่งวิปัสสนากรรมฐานจนพลังแก่กล้า เคยเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของจิตวิญญาณมาบ้าง เขาคือหนึ่งในวิญญาณที่ไม่ทำตามกฏ
“ลุงรู้ ถ้างั้นลุงต้องรู้ใช่ไหมว่าจะทำให้ผมกลับเข้าร่างได้ยังไง บอกผมหน่อย ผมเบื่อจะแย่แล้ว ช่วยผมด้วย”
“ใจเย็น ๆ สิ พ่อหนุ่ม ผมไม่ได้รู้ทุกเรื่องหรอก ผม
“แค่เดาเอา”
“แต่ลุงก็มองเห็นผม ที่ลุงพูดก็ถูกทุกอย่างก่อนที่ผมจะมานี้ก็มีคนบอกว่ายังไม่ถึงเวลาของผม แต่ตอนนั้นผมใจร้อนอยากลงมาหาหลาน”
“คุณต้องทำจิตให้สงบกว่านี้ขึ้น คุณยังใช้พลังงานไปมากๆ ไม่ถึงเจ็ดวันวิญญาณของคุณจะสลายไปหมด”
“ผมไม่กลัว วันนี้คุณหมอทำบุญกรวดน้ำให้ผมแล้วผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ”
“คุณนี้ซื้อจริงๆ เลยนะพ่อหนุ่ม” ลุงบดีหัวเราะแต่ก็แนะนำให้เขาทำจิตใจให้สงบและบริสุทธิ์ ไม่ใช่เอาแต่โมโหให้เขานั่งสมาธิและท่องคาถามตามที่บอกปฏิภาณไม่มีทางเลือกอีกอย่างเขาอยากจะกลับเข้าร่างให้ได้จึงทำตามที่ลุงบดีแนะนำทุกอย่างแม้ว่าจะยากสักหน่อยสำหรับเขา
“ลุงบดีคะ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ เชิญข้างในเลย”ลุงบดีคลี่ยิ้ม กำลังจะสอนต่อแต่หญิงสาวเดินออกมาเรียกเสียก่อน
“ไปเถอะบดีวันนี้แม่น้อยกับยายตุ๊กช่วยกันทำอาหารให้เราสองคนกินกัน” หญิงสาวเดินนำหน้าชายสองคน ลุงบดีหันมาบ่นพึมพำ
“จะตามเข้ามาหรือรอที่นี่ล่ะ ผมคงต้องไปกินข้าวกับน้องชายและหลานสาวไว้กินเสร็จผมจะค่อยมาสอนต่อ”หญิงสาวเบิกตากว้างมองลุงบดี ถ้าเธอเข้าใจไม่ผิดลุงของเธอกำลังพูดกับปฏิภาณ
“พี่พูดกับใครพี่บดี” ตรัยถามพี่ชาย
“อ๋อ เปล่าหรอก เราเข้าไปกันเถอะ”
“ผมรอที่นี่ดีกว่า เชิญพวกคุณตามสบาย” ลุงบดียิ้มให้หลานสาวเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มทั้งคู่จึงไม่ได้สนใจเขาอีก หลังจากกินข้าวเสร็จและได้อยู่ตามลำพังกับลุงบดีหญิงสาวก็ถามขึ้น
“ลุงเห็นหรือคะ”
“เขามาอยู่กับหลานที่นี่กี่วันแล้ว”
“ก็หลายวันแล้วค่ะ รถของคุณปฏิภาณประสบอุบัติเหตุร่างของเขาตอนนี้นอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียู ส่วนวิญญาณก็อย่างที่ลุงเห็นแหละค่ะ ตุ๊กก็ไม่รู้จะช่วยยังไง”
“คนธรรมดาอย่างเราๆ คงช่วยไม่ได้หรอก”
“ถ้างั้นใครล่ะคะลุงที่จะช่วยได้ ตุ๊กสงสารเขาเขามีหลานสาวตัวเล็ก ๆ อีกคนค่ะ เป็นคนไข้ของตุ๊กเอง นั่นพ่อแม่ก็เสียชีวิตมีแต่อาคนเดียวเท่านั้น”
“ลุงว่าจะพาพ่อหนุ่มคนนี้ไปหาหลวงพ่อที่วัด”
“ถ้างั้นก็ดีสิคะ” ลุงบดีพยักหน้า
“ลุงว่าท่านอาจแนะนำพ่อหนุ่มใจร้อนคนนี้ได้ดีกว่าพวกเรา บอกตามตรงขึ้นเราสองคนสอนไปพ่อหนุ่มก็คงฟังไม่เข้าหูหรอก ใจเร็วเป็นรถด่วนแบบนั้น” หญิงสาวอมยิ้ม ดีที่เขานั่งเล่นอยู่นอกระเบียง มิเช่นนั้นมีหวังโมโหแน่
“ถ้าลุงช่วยได้ก็ช่วยเขาเถอะค่ะ จะไปกันวันไหนคะ”
“วันนี้เลยเป็นไงลุงเองก็อยู่ว่างๆ พ่อหนูก็อยากไปวัดอยู่แล้ว ตุ๊กจะไปด้วยกันไหม”
“ไม่ดีกว่าค่ะวันนี้ตุ๊กต้องไปโรงพยาบาลจะไปดูหลานสาวของเขาสักหน่อย ป่านนี้คงอยากกลับบ้านใจจะขาดแล้วแต่ไม่รู้ว่าหาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้หรือยัง” หญิงสาวได้แต่ภาวนาและขอให้ได้คนที่มีจิตใจรักเด็กจริงๆ เถอะ