ช่วงเช้าของวันหยุดราชการ ขุนช้างที่ปกติจะนอนเอื่อยๆอยู่เรือนวันนี้ก็ถูกพลายแก้วลากตัวมาดูโครงเรือนของตัวเองที่กำลังสร้างใกล้จะเสร็จ พร้อมกับปรึกษาหารือเรื่องของใช้ภายในที่ตอนนี้เจ้าตัวก็ยังไม่ได้จัดเตรียมไว้สักอย่าง
อันที่จริงเรือนหลังนี้ควรจะเสร็จได้นานแล้ว แต่ด้วยความว่าตอนที่เขาจะไปถามปรึกษาเรื่องเรือนกับเฮีงฮง พลายแก้วก็มักจะทำตัวเป็นคนมีธุระซะเสมอไป
ทีแรกเขาเองก็ตามน้ำอีกคนไปอย่างไม่เข้าใจ แต่พอสังเกตได้ว่าปกติพลายมักจะมองหาพี่ฟ่งก่อนค่อยลากเขาออก เขาก็พอจะรู้ได้แล้วว่าพลายแก้วคนนี้น่าจะไม่ชอบขี้หน้าพี่ฟ่งเป็นแน่
ซึ่งข้อสันนิตฐานของเขาไม่ได้ผิดพลาดไปแม้แต่นิด เพราะในวันนี้ที่เรือนของพลายแก้วกำลังก่อสร้าง พี่ฟ่งที่มาช่วยงานก็ถูกพลายแก้วมองตาขวางอย่างไม่เป็นมิตรตั้งแต่พบหน้า
ส่วนพี่ฟ่งที่ถูกมองแทบตัวทะลุกลับไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร ทั้งยังมองพลายแก้วกลับแบบกวนๆอีกต่างหาก
"พี่ฟ่งข้าเอาน้ำมาให้"
หลังจากเห็นพ่อหนุ่มจีนนั่งพักด้วยสภาพอิดโรย ขุนช้างก็เดินเอาน้ำไปให้พี่แกตามประสาเจ้าบ้านที่ดีและคนรู้จัก ส่วนคนที่ได้รับน้ำใจเจ้าบ้านไปก็ตอบขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มบางมาให้
ในขณะที่คนสองคนคุยเล่นกันอย่างไม่คิดอะไร มุมหนึ่งของเรือนก็มีเงาดำทำหน้าตาไม่สบอารมณ์มองมาที่ทั้งคู่อยู่ไม่ห่าง
เป็นพลายแก้วที่มองเพื่อนตัวเองคุยกับคนรู้จัก ส่วนที่เขาไม่พอใจคงเพราะสหายตัวดีของเขามักจะถูกใครก็ไม่รู้จับมือถือแขนโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตลอด
เดิมทีเจ้าตัวก็ดูใสซื่อตามคนไม่ค่อยทันอยู่แล้วจึงไม่รู้ว่าบางทีคนรอบข้างก็มักจะใช้สายตาที่ต่างออกไปมองมาอยู่ อาจจะด้วยความว่าขุนช้างเป็นผู้ชายเจ้าตัวถึงไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าจะเป็นผู้ชายแล้วจะงามขนาดนี้กับคนบางคนเขาคงไม่ถือหรอก
"ข้าไม่เห็นจะรู้ว่าโดยปกติแล้วลูกชายเจ้าของพวกคนก่อสร้างจักต้องมาลงมือทำงานด้วยตนเอง ทั้งๆที่ก็มีงานมีการอยู่แล้ว"
เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลย่างเท้าเข้าไปในวงสนทนาพร้อมด้วยน้ำเสียงติดจะเรียบนิ่งปนแซะเบาๆ ผู้ที่ถูกถามถึงได้ตอบกลับ
"เพราะคนที่ว่าจ้างข้าเป็นช้าง ข้าจึงมาช่วยเป็นกรณีพิเศษ"
ฟ่งว่าอย่างไม่คิดอะไร แต่ทางคนที่ก่อนหน้ามีความไม่พอใจอยู่แล้วก็ยิ่งทวีคูณความไม่พอใจเข้าไปอีก
เจ้านี่น่ะดูยังไงก็เหมือนคนจะมาเกี้ยวเพื่อนข้า ในฐานะเพื่อนที่ดี เจ้าหนุ่มหน้าจีนคนนี้ข้าไม่ให้ผ่าน
"จริงสิไอ่ช้าง ข้าว่าเอ็งอย่าอยู่ที่นี่นานเลย เดี๋ยวจักโดนลูกหลงอุบัติเหต"
ไม่ว่าเปล่าพลายแก้วก็รีบเกี่ยวไหล่ขุนช้างมาโอบ พร้อมกับสาวเท้าลากอีกคนออกจากบริเวณก่อนหน้าโดยเร็ว ส่วนขุนช้างที่สู้แรงควายๆของพลายแก้วไม่เคยจะได้อยู่แล้วก็แทบจะถูกอีกคนอุ้มตัวลอยขัดขืนไม่เคยได้
"ไอ่แก้วๆ! หากเอ็งจักหิ้วข้าเช่นนี้ เอ็งไม่ยัดข้าลงกระเป๋าไปด้วยเลยล่ะ!"
"ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ?"
เมื่อพ้นพื้นที่ซึ่งมีสิ่งมีชีวิตนามว่าฟ่ง พลายแก้วก็ปล่อยอีกคนที่ถูกหิ้วมาเป็นอิสระ ส่วนแมวกระเป๋าที่ถูกหิ้วไปมาตอนนี้ก็แยกเชี้ยวขู่ฟ่อๆอย่างไม่พอใจ ทว่าสำหรับเจ้าหมาใหญ่ แมวขาวตรงหน้าไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด
"ทำไม่ได้เด็ดขาด!"
ขุนช้างไม่เข้าใจว่าในหัวของพลายแก้วคิดอะไรอยู่ แล้วทำไมถึงชอบทำอะไรอุกอาจอยู่เรื่อย ทั้งหอบทั้งหิ้วเขาไปนู่นมานี่อยู่บ่อยครั้ง ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ใช่คนตัวเล็กตัวน้อยเลยสักนิด
"พ่อช้างอยู่ที่นี่จริงๆด้วย"
เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นมาทางหน้าเรือนที่กำลังปลูกสร้างอยู่ของพลายแก้ว ทั้งสองร่างที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่จึงได้หันตามเสียงทักของหญิงสาว จนไปสบเข้ากับใบหน้างดงามของพิมพิลาไลย
วันนี้เธอก็ยังคงเป็นหญิงงามที่สวยสะดุดตาเช่นเคย พิมพิลาไลยชื่อนชอบการใส่เสื้อผ้าสีเหลืองและสีชมพู ซึ่งให้ความรู้สึกสดใสและอ่อนหวานตามนิสัยของเจ้าตัว
"แม่พิมมิได้พบกันเสียนาน มีกระไรหรือ"
หลังจากหญิงงามเดินเข้ามาคุยด้วยตรงหน้า ขุนช้างก็ละความสนใจจากพลายแก้วมาหาผู้มาใหม่แทน
พลายแก้วตอนนี้เหมือนหนีเสือปะจระเข้ ไม่ว่าทางไหนๆก็มีแต่พวกมารผจญทั้งนั้น
"ข้ากะว่าจะชวนพ่อช้างไปดูผ้าแพรหน้าหนาวใหม่ที่ตลาดจ่ะ"
เนื่องจากตอนนี้กำลังใกล้ช่วงหน้าหนาว หลายๆร้านค้าเสื้อผ้าจึงออกเสื้อตามฤดูกาลมาขาย ซึ่งในตอนนี้พิมพิลาไลยเองก็ยังไม่ได้ซื้อชุดใหม่ตุนไว้สักชุด เธอจึงจะมาชวนขุนช้างไปเลือกเสื้อด้วยกัน
แม้ขุนช้างจะเป็นชาย แต่ชายผู้นี้ก็มีรสนิยมในการเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประทินโฉมดีเลิศ อีกทั้งเจ้าตัวเองก็ดูแลตัวเองดียิ่งกว่าอะไร กับเรื่องของสวยๆงามๆไม่เข้าไม่ออกขุนช้างอยู่แล้ว
"ขอโทษด้วยหนาคนงาม แต่ข้ากับไอ่ช้างมีนัดกันแล้วคงจักไปกับเจ้ามิได้"
"อ่า..นั่นสิ"
อย่างที่พลายแก้วว่า วันนี้เขามีนัดหาซื้อของใช้ของตกแต่งเข้าบ้านกับพลายแก้ว จึงอาจจะไปกับพิมพิลาไลยไม่ได้
"เช่นนั้นข้าขอไปด้วยสิ"
พิมพิลาไลยว่าด้วยรอยยิ้มบางพลางมองไปที่ขุนช้างอย่างมีความหวัง คนที่ถูกถามจึงได้ตอบทันควัน
"ได้สิ ไปด้วยกันหลายๆคนก็ดีหนา จะได้ช่วยกันเลือกของ เนอะไอ่แก้ว"
ขุนช้างแน่นอนว่าไม่ปฏิเสธคำขอของสหายอยู่แล้ว ถ้าหากว่าคนงามอยากร่วมทางไปด้วยเขาก็ไม่คิดจะขัด
เจ้าของดวงตาสีนิลว่าพลางยิ้มบางก่อนจะหันไปหาอีกคนพร้อมกับพูดเชิงถามความเห็น
แล้วกับพลายแก้วที่ถูกดวงตาคู่สวยจ้องมองจะตอบอะไรได้ นอกจะพยักหน้าตกลง
"หึ ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอันใด"
ลาหลังชายผิวขาว พิมพิลาไลยก็แอบขยับตัวเข้าหาพลายแก้วพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
ผู้หญิงน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตาดีมาก มีหรอที่เจ้าคนตัวสูงมองเพื่อนเธอด้วยสายตาแบบมีความนัยเธอจะดูไม่ออก
แต่ถ้าถามว่าพลายแก้วสนใจที่ทิมพิลาไลยรู้ไหม? แน่นอนว่าไม่สนแม้เพียงนิด ตราบใดที่คนที่รู้ไม่ใช่ขุนช้าง จะใครเขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น
ในวันขึ้นบ้านใหม่ของพลายแก้ว พ่อพระเอกสุดหล่อก็จัดการพาเหล่าคนรู้จักมาฉลองงานขึ้นบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล
ทั้งชวนพระมาสวดมนต์ให้พรผูกสายสิญจน์ หรือแม้กระทั่งจ้างวงดนตรีไทยมาบรรเลงให้ความบันเทิงแด่แขกที่มา
"ข้าไหว้จ่ะ น้าทองประศรี"
ขุนช้างที่เป็นหนึ่งในแขกรับเชิญไหว้รับมารดาของเจ้าของเรือนอย่างนอบน้อม ทองประศรีที่เห็นเจ้าของดวงตาสีนิลมีใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังมีผิวพรรณดี ร่างกายสมส่วนก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าคนตรงหน้าคือใคร เพราะในความทรงจำของเธอ เธอไม่เคยมีคนรู้จักที่ดูหล่อเหลาและงดงามไปพร้อมกันเช่นนี้มาก่อน
"เอ็งจำไม่ได้รึทองประศรี นี่พ่อช้าง บุตรชายของข้าเอง"
นางเทพทองที่ตามหลังขุนช้างมาเมื่อเห็นว่าสหายเก่าดูตกอกตกใจกับลูกชายตนก็เอ่ยขึ้นมาอย่างภูมิใจ ถึงอดีตลูกชายของนางจะเคยน่าเกลียดและอ้วนเป็นหลักกิโล แต่ในปัจจุบันนั้นทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว
"ตายจริงพ่อช้าง เปลี่ยนไปเยอะเลยหนา น้าจำแทบไม่ได้"
ทองประศรีเองก็เอ่ยแซวตามประสา จากนั้นพวกผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบกับสหายเก่ามาเนิ่นนานจึงเปิดบทสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของกันและกัน
ส่วนขุนช้างอย่างเขาก็มองหาเพื่อนหน้าหล่อของตัวเองเพื่อที่จะให้ของขวัญและแสดงความยินดีกับการขึ้นบ้านใหม่เช่นกัน
"ไอ่ช้างๆ ข้าอยู่นี่"
ร่างสูงที่ตอนแรกคุยกับพวกคนรู้จักอยู่เมื่อเห็นว่าหนุ่มผิวขาวเหมือนจะมองหาตัวเองก็ลาหลังคนอื่นๆมาหาขุนช้างแทน
ส่วนขุนช้างที่เห็นเจ้าบ้านแล้วก็รีบย่างเท้าเข้าหาอีกคน โดยที่ในมือยังกำของขวัญที่จะให้คนตรงหน้าไว้แน่น
"เรือนเจ้างามยิ่งนัก สมกับที่เจ้าเป็นคนออกแบบ"
ขุนช้างชมเชยอีกคนไปตามมารยาท แต่จะว่าไปเรือนนี้เองก็เป็นเรือนไทยที่สวยใช่เล่น โดยเฉพาะโดยรอบที่เปิดโปร่งโล่งเย็นสบาย ส่วนทางด้านหลังเรือนก็มีบ่อเลี้ยงปลาสวยงามไว้ให้ดูชม
"เรือนข้างาม เอ็งก็มาอยู่กับข้าสิ"
เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลว่าพลางยิ้มบาง ขุนช้างจึงได้หัวเราะน้อยๆให้กับมุกตลกของอีกฝ่าย เรือนของเขาก็อยู่ใกล้ๆนี้เอง เหตุใดจึงต้องมาอยู่กับพลายแก้วด้วยเล่า
"จริงสิ ข้ามีของขวัญขึ้นเรือนใหม่ให้เอ็งด้วย"
ขุนช้างที่ถือถุงผ้าห่อบางอย่างอยู่นานสองนานก็รู้สึกเริ่มปวดมือ อยากส่งต่อมันให้เจ้าของใหม่ใจจะขาด
ทางพลายแก้วที่กำลังจะได้รับของขวัญแม้ภายนอกจะดูไม่ได้สนใจอะไร แต่ภายในก็คาดหวังและตั้งตารอสิ่งนั้นเป็นอย่างมาก
ห่อผ้าที่ขุนช้างเอามาไม่ได้ใหญ่มากมาย ชั้นนอกสุดเป็นผ้าสีขาวปักลายดอกไม้มัดไว้ เจ้าผ้านี้เองก็สามารถนำไปเป็นผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือต่อได้ ส่วนชั้นที่สองเป็นกล่องสีดำด้านขนาด7นิ้วไว้ใส่ของ
ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นอยู่ด้านใน มันคือรูปปั้นทำจากหยกเขียว รูปหมาขี่ม้าใส่ชุดไทย ทั้งเจ้าหมาในรูปปั้นยังถือดาบและมีเด็กตัวเล็กๆหัวจุกขี่หลังม้าอีก
พลายแก้วหยิบหยกสีเขียวแวววาวขึ้นมามองอย่างพินิจ มองไปก็งงไปเพราะหยกชิ้นนี้ดูมีเอกลักษณ์เกินกว่าจะอยู่ตามท้องตลาด
แน่นอนว่าหยกชิ้นนี้ขุนช้างสั่งช่างแกะสลักมือดีทำขึ้นมาให้ขุนแผนโดยเฉพาะ เรื่องราวที่เขาสั่งปั้นเองก็เป็นเรื่องราวของขุนแผนด้วย
ของวิเศษทั้ง3อย่างของขุนแผนในอนาคต มีทั้งกุมารทอง ดาบฟ้าฟื้น และม้าสีหมอก แต่เขาคิดว่ามันจะดูเจาะจงไปหากจะให้แกะเป็นรูปคนขี่ม้า ตรงที่ควรจะเป็นขุนแผน จึงกลายเป็นหมาแทน
จู่ๆพลายแก้วก็กลายเป็นหมาอีกแล้ว..
"ขอบใจเอ็งมากหนา หยกชิ้นนี้งามยิ่งนัก เอ็งช่างมีรสนิยมดียิ่ง สามารถเลือกออกมาได้ยอดเยี่ยมเป็นที่สุด ข้าชอบมากถูกใจมาก "
เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลยังคงประดับยิ้มบนใบหน้า ขุนช้างจึงได้โบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
ทว่าในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังจะไปเลี้ยงฉลองกันต่อนั้นเอง ด้านล่างของเรือนก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาเสียก่อน
"พลายแก้วบุตรชายของขุนไกรพลพ่าย! สมเด็จพระพันวษามีรับสั่งให้เอ็งไปรับศึกที่เชียงทอง! โดยมีขุนช้างเป็นอีกหนึ่งผู้ติดตาม ไปร่วมรบตามคำสั่งขององค์เหนือหัว!"
เสียงพูดคุยดังก้องไปทั่วทันทีที่ทหารจากวังหลวงอ่านหมายจบ
เนื่องด้วยพลายแก้วยังไม่ทันขึ้นบ้านใหม่ได้ถึงวัน แต่ก็ดันต้องมาจากบ้านจากเรือนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
ส่วนขุนช้างตอนนี้ก็ได้แต่นิ่งค้างเป็นหิน เพราะเอฟเฟคผีเสื้อขยับปีกในครั้งนี้ มันเป็นอะไรที่รุนแรงเกินกว่าเขาจะคาดถึง
ว้าว พล็อตแปลกนี่นา ว๊าวววววว!!
ปล.ใครนึกภาพหมาขี่ม้าถือดาบมีกุมารซ้อนหลังไม่ออกก็ให้นึกภาพขุนแผนซ้อนทับกับภาพหมานะคะ