9
นลินรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดปากหนาอย่างรวดเร็ว รอยสีแดงค่อยๆ แต่งแต้มจากปลายจมูกโด่งและลามไปถึงพวงแก้มนุ่ม ใบหูเล็กและลำคอระหง ใบหน้านวลรีบหลบหลีกอย่างว่องไวและถือโอกาสที่ชายหนุ่มพลั้งเผลอหลบฉากออกมา พร้อมเสียงหัวเราะนุ่มนวลและแผ่วพลิ้ว
“แหม...เจอกันครั้งแรกก็จะลวนลามกันเสียแล้ว” หญิงสาวต่อว่ายิ้มๆ “ดูซิ ยังมาทำหน้าเป็นอยู่ได้ ชื่ออะไรก็ไม่ยอมบอกให้รู้จักด้วย”
“อ้าว...นึกว่าเธอรู้จักฉันนะนี่ ถึงได้รู้ว่าผู้ชายอย่างฉันถ้ายอมง่ายๆ ก็คบกันได้ไม่นาน แต่ถ้าเล่นตัวสักหน่อยก็อยู่กันยืด”
“แหม...คุณนี่ปากเสียจริงๆ ปากอย่างนี้น่าจะให้จุมพิตฝ่าเท้าสักทีสองทีจะได้รู้จักพูดให้เกียรติผู้หญิงเขาเสียบ้าง” น้ำเสียงคนพูดดูเหมือนจะทีเล่นทีจริง ใบหน้าขาวนวลบึ้งตึงแต่ดวงตากลมโตกลับแพรวพราวระยับ จมูกโด่งเป็นสันยู่ย่น แถมยังสะบัดค้อนส่งให้อีกวงโต
“ถึงจะเป็นนักร้อง แต่หลินก็ขายแต่เสียงเพลง ไม่คิดจะขายตัวอย่างที่คุณหรือคนอื่นๆ เขาคิดกันหรอกนะคะ” ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำเล็กน้อย ปลายนิ้วเล็กๆ รีบยกขึ้นซับอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆ ช้อนดวงตาโศกขึ้นมองเทพกานต์อย่างตัดพ้อต่อว่า แล้วก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“หลิน...หลินเองก็ไม่ได้อยากที่จะทำอาชีพเป็นคนกลางคืนแบบนี้เลยนะคะ แต่เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อกับแม่ก็มีลูกหลายคน ไม่มีปัญญาที่จะส่งให้เรียนสูงๆ เพื่อจะได้หางานดีๆ ทำ” นลินรีบหันหน้าเข้าผนังห้อง พร้อมทำเสียงสะอื้นจนตัวสั่นคลอน แต่บนใบหน้าและในแววตากลับไม่มีร่องรอยโศกเศร้าแม้แต่น้อย
“หลินต้องต่อสู้ ปากกัดตีนถีบ เกือบถูกผู้ชายหลอกไปปล้ำไปขายเสียก็หลายครั้ง มันทำให้กลัวที่จะต้องเข้าใกล้ แล้วคุณยังจะมาทำแบบนี้อีก หลิน...หลิน...โฮๆ ” นลินปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม ส่งเสียงแผดร้องให้ดังยิ่งขึ้นไปอีกและไม่ลืมที่จะเอียงหน้าปรายสายตาไปมอง หลังจากเทพกานต์ได้ฟังคำที่เธอโกหกไปแล้วจะเชื่อและรู้สึกสงสารบ้างหรือเปล่า
ปลายนิ้วใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคาง เรื่องที่ได้ฟังเหมือนกับละครทีวีและนิยายเล่มสิบบาทที่เคยได้ยินพวกคนรับใช้ในบ้านเคยพูดแว่วเข้าหูมาบ้าง
“แน่ใจหรือว่าที่เธอพูดมาเป็นความจริงหลิน”
“ทำไมหรือคะ คุณไม่เชื่อในสิ่งที่เล่าใช่ไหมคะ?” ร่างโปร่งบางหันมา ปลายมือเล็กยกขึ้นซับน้ำตาบนใบหน้า
“หลินรู้อยู่แล้วละคะ เรื่องที่เล่าไปคุณคงไม่เชื่อ แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ช่างเถอะ ยังไงเส้นทางชีวิตของเราก็คงจะเจอกันเพียงแค่คืนนี้ เพราะผู้ชายอย่างคุณก็ทำเหมือนหมาหยอกไก่ ถ้าได้ก็เอาไม่ได้ก็ไม่สนใจ หรือไม่ถ้าได้แล้วก็แล้วกันไป จะสนใจไปทำไมผู้หญิงง่ายๆ สมใจก็ต้องทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ใช่ไหมคะ?”
นลินเอ่ยถามอย่างคนที่เข้าใจนิสัยผู้ชาย อะไรได้ยากก็จะยิ่งพยายามเอามาครอบครองให้ได้ เพราะถือว่าเป็นศักดิ์ศรี และเมื่อได้ครอบครองแล้วคนที่รู้จักคุณค่าก็จะรักษาไว้อย่างดี นำมาประดับชีวิตตลอดไป แต่ใครที่ไม่รู้คุณค่าก็เหมือนวานรได้แก้ว ที่คอยแต่จะทิ้งขว้าง จนเมื่อสูญเสียไปนั่นแหละถึงได้รู้ค่า แต่สำหรับอะไรที่ได้มาง่ายก็จะทิ้งง่ายๆ เพราะว่ามันไร้ค่าไร้ราคา
ร่างโปร่งบางก้าวเดินไปหาร่างหนาใหญ่อย่างเชื่องช้า สองมือเล็กวางบนอกกว้างขยับลูบไล้เบาๆ และเคลื่อนไปตามบ่ากว้าง ก่อนจะโอบรอบลำคอแกร่ง มือเล็กเรียวข้างหนึ่งลูบไล้หยอกล้อกับติ่งหูและใบหน้าคมคร้าม ดวงตากลมโตเป็นประกายแพรวพราวระยับสบกับดวงตาคมกริบ ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้มหวานฉ่ำเชื่อม
“ผู้ชายอย่างคุณ เป็นแบบไหนหรือคะ?” ปลายนิ้วเล็กๆ ลากไล้ปลายคางหนาและไปหยุดที่ริมฝีปากหนา ขนตามเรือนกายโปร่งบางลุกชันเมื่อริมฝีปากหนาขบเม้มปลายนิ้ว
“แบบไหน...อะไรล่ะ?” เทพกานต์เอ่ยถาม ปลายลิ้นสากระคายยื่นออกมาตวัดไล้หยอกล้อกับปลายนิ้วยาวเรียว
“ก็แบบว่ายิ่งยากก็ยิ่งอยากได้ หรือว่าเป็นพวกไม่ว่าได้ยากหรือง่ายในเมื่อฉันเบื่อฉันก็ทิ้งง่ายๆ ไงคะ”
“แหมเธอนี่ปากดีจริงๆ ฉันอยากรู้เสียแล้วซิ ไอ้ปากอวบอิ่มนี่จะหวานเหมือนคำพูดช่างต่อว่าต่อขาลหรือเปล่า” ใบหน้าคมคร้ามโน้มไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้าจุดหมายปลายทางคือริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังขยับยั่วยุอารมณ์ปรารถนาให้ลุกโพลงตลอดเวลา
“แหม...จะรีบไปไหนละคะคุณขา...” นิ้วยาวเรียวยกขึ้นวางบนริมฝีปากหนาและค่อยๆ ดันใบหน้าคมคร้ามให้ถอยห่าง แขนเสลายกขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแร่ง ลูบไล้ต้นคอและเส้นผมหนานุ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยออ้าเล็กน้อยและส่งเรียวลิ้นเล็กสีชมพูออกมาไล้เลียริมฝีปากพลางเขย่งเท้าจากพื้นจนปลายจมูกโด่งเป็นสันสัมผัสกับปลายคางหนา ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นไปจนสบกับดวงตาคมกริบที่มองการกระทำของเธออย่างอยากรู้และรอคอยด้วยหัวใจเต้นระทึก
มือใหญ่ยกขึ้นวางบนสองลำแขนเสลา ขยับเคลื่อนไปตามลาดไหล่กว้างแล้วเคลื่อนไปบีบนวดลำคอระหง ผิวเนื้อเนียนนุ่มและมีกลิ่นหอมจากทั้งกลิ่นกายสาวและกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นของดอกไม้ชนิดหนึ่งซึ่งเขาจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นหนึ่งในไม่กี่กลิ่นที่เขาโปรดปราน
ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้บนหน้าอกกว้างและนุ่มนิ่มแล้วเคลื่อนไปตามลำคอระหงอย่างเชื่องช้า พร้อมบีบนวดไปด้วยจนถึงท้ายทอย ซึ่งวันนี้นลินเกล้าผมเป็นมวยและปล่อยปลายผมให้ลงมาคลอเคลียไหล่ทำให้ยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ที่กระตุ้นให้กายหนุ่มเร่าร้อนเร็วยิ่งขึ้น
“จะไม่อยู่สนุก...” นิ้วเล็กลากไล้บีบนวดลำคอแข็งแกร่ง ใบหน้าขาวสวยแหงนหงายไปด้านบนให้ชายหนุ่มได้เห็นการยั่วยวนอารมณ์ปรารถนาให้ยิ่งลุกลามเหมือนไฟที่กำลังไหม้กองฟาง ปลายลิ้นเล็กสีชมพูลากไล้ไปตามเรียวปากนุ่ม ริมฝีปากแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อมและเชิญชวน นิ้วเล็กลากไล้ลงมาตามข้างแก้มตอบและเคลื่อนกลับขึ้นไปพร้อมกดน้ำหนักมือให้ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงมาจนริมฝีปากของทั้งสองคนแนบชิดกัน
“กันก่อนหรือคะ” หญิงสาวถามเสียงหวานนุ่มและเว้าวอน บดเบียดเรือนกายนุ่มนิ่มกับร่างหนาใหญ่ กดคลึงริมฝีปากนุ่มกับปากหนาร้อน ปลายลิ้นเล็กๆ ยื่นออกไปไล้เลียทำเหมือนจะสอดแทรกเข้าไปหาความอบอุ่นในโพรงปากนุ่ม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
เทพกานต์ไม่ยอมให้หญิงสาวทำดังต้องการ มือใหญ่ลากไล้ไปบนผิวกายเนียนและนุ่ม แขนแกร่งสอดระหว่างลำตัวระหงดึงรั้งเข้ามาจนแนบชิด ริมฝีปากหนาขบเม้มบดคลึงเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นสากระคายลากไล้พลางแยกสองเรียวปากออกจากกันและสอดแทรกปลายลิ้นไปกระเซ้าเย้าแหย่ช่องปากเล็กอยู่สองสามครั้งก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่ม
“อืม...หลิน...” ความหวานเชื่อมที่ได้รับและการตอบสนองอย่างฉ่ำนุ่มแต่ไม่ประสาทำเอาเรือนกายหนุ่มร้อนผ่าวและปั่นป่วน ส่งปลายลิ้นสากร้อนซอกซอนแต่งแต้มตามกระพุ้งแก้มและไรฟัน เที่ยวท่องไปในความนุ่มนิ่มและหอมหวานเหมือนได้เจอท้องทุ่งดอกไม้สวยสดที่มีน้ำเลี้ยงดอกไม้ทิพย์
สัมผัสร้อนผ่าวทำเอาขนในเรือนกายลุกชัน เหมือนมีเปลวไฟร้อนผ่าวเคลื่อนไหวอยู่ตรงกึ่งกลางท้องน้อย สร้างความป่วนปั่นและสยิวซ่านทรวง แต่นลินต้องรีบขจัดเพลิงไฟที่เริ่มลุกลามให้ดับมอดสนิทในเร็วไว ด้วยในหัวใจมีเพียงความร้อนรุ่มและเจ็บปวด เมื่อเห็นเทพกานต์กำลังเผลอ เพราะหลงใหลในรสเสน่หาจนไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเอง