10
แพรพนัสเลี้ยวช็อปเปอร์คันโปรดเข้าไปจอดแอบไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ มือเล็กจับแว่นตาป้องกันฝุ่นละอองและหมวกกันน็อคถอดออก พร้อมสะบัดศีรษะเบาๆ ให้ผมที่ยุ่งๆ และพัวพันกันอยู่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบและเรียบร้อย แสงไฟจากหลอดนีออนหน้าโรงแรมส่องสะท้อนกระจกเงา ร่างเล็กบางเอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อมองตัวเองว่าดูดีพอหรือยัง มือเล็กจับปลายคางหันไปมาสองสามครั้งสลับยกขึ้นเสยผมให้เข้าทรง
ดวงตากลมโตตวัดมองที่อาคาร ก่อนก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งมีพรายน้ำสามารถส่องสว่างในที่มืดได้ แล้วผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างโล่งอก เธอมาทันเวลาเพื่อนรักเลิกงานอย่างเฉียดฉิว นี่ถ้าหากมาสายกว่านี้ละก็...
“ฉันก็รู้ว่าบ้านเรารถมันติด รู้แล้วทำไมถึงไม่รีบมาให้มันเร็วกว่านี้ล่ะและ...” ศีรษะทุยส่ายไปมาเบาๆ เมื่อคิดถึงคำพูดที่พ่นออกจากริมฝีปากสวยและอวบอิ่มราวกับรถด่วนที่ไม่มีวันสิ้นสุด
“ถ้ารถไม่ติด แล้วจะวิ่งได้ยังไงกันล่ะหลินก็...”
“นัส...” พอเจอเธอป่วนนลินก็จะบ่นๆ และบ่นเป็นหมีกินผึ้งต่อไปอีกสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงพอให้เหนื่อยๆ แล้วถึงได้หยุด
ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นออกจากริมฝีปากสีชมพูสด หน่วยตาเล็กเลิกขึ้นลง ปากอิ่มขยับซ้ายย้ายขวา คิดแล้วก็เหนื่อยใจไม่รู้ว่าจะต้องหูชาไปสักกี่วันถึงจะหาย แม้จะคิดและบ่นในใจไปแบบนั้น แต่เมื่อนึกถึงเพื่อนรักที่คอยอยู่ดูแลกันและกันมาตลอดหลายสิบปีแพรพนัสก็ยิ้มออก แต่แล้วความสดชื่นสดใสที่มีก็เริ่มจางหายจากใบหน้ากลายเป็นความหนักใจ เมื่อคิดถึงเรื่องที่เพื่อนกำลังลงมือทำ เตือนจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้ว แต่นลินก็ยังดื้อรั้นและดันทุรังที่จะทำ
“หยุดไม่ได้หรือหลิน ปล่อยให้เรื่องมันผ่านเลยไป ถือเสียว่าที่ผ่านมาเป็นเวรกรรมของเราที่ต้องชดใช้ให้เขาไป”
การเอาตัวเองไปเล่นกับไฟกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ แถมมีเสน่ห์จนสาวๆ ต่างก็หลงใหลและเทใจให้ ที่เมื่อต้องการเหยื่อสาวคนไหน ไม่เคยที่จะปล่อยให้หลุดรอดเงื้อมมือไปได้ ถึงจะเก่ง มีจริตจะก้านแพรวพราว ฉลาดเฉลียวและมีฝีมือพอตัว แต่อ่อนด้อยประสบการณ์และไม่ทันคน หรือจะสู้จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างเทพกานต์ได้ นลินช่างไม่รู้เลยว่าไฟที่แผดเผาอยู่นอกจากให้ความเร่าร้อนระคนสุขสมแล้วยังจะมีโทษมหันต์ ถ้าพลาดพลั้งไปจะทำให้เพื่อนรักต้องจมกับทะเลน้ำตาและชีวิตที่ไร้ซึ่งความสุข
“ให้ผู้ชายพันธุ์ห่วยอย่างนั้นลอยนวลไปทำอย่างนั้นกับผู้หญิงคนอื่นหรือนัส ไม่ล่ะ...ไม่ใช่ความคิดของฉัน ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งอย่างนั้น ควรที่จะต้องเจอตาต่อตาฟันต่อฟันดีกว่า ทำอะไรมาก็ควรจะเจออย่างเท่าเทียมกัน ถึงจะสะใจ”
ศีรษะทุยสะบัดไล่ความคิดที่ทำให้ต้องทุกข์ใจ เป็นกังวลและคิดมากทิ้งไป เพราะรู้ดี ตอนนี้เรื่องราวมันสายเกินกว่าที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกแล้ว เพราะนลินเริ่มต้นแผนการไปแล้วหลายอย่าง ซึ่งถ้าเป็นห่วงเพื่อนก็ต้องคอยดูแลปกป้องไม่ให้พลาด
มือเล็กล้วงไปหยิบหมากฝรั่งเม็ดสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกระเป๋าเสื้อมาแกะใส่ปากและเดินเข้าไปในไนต์คลับ มุ่งตรงไปยังห้องพักผ่อนของนลินอย่างไม่หันแลซ้ายขวาให้ดี จึงไม่เห็นโจทก์เก่าที่หมายมั่นปั้นมือว่าเจอเมื่อไหร่ จะจัดการสั่งสอให้หลาบจำ
ฉัตรจักรเหลียวมองไปทั่วบริเวณอย่างต้องการหาความรื่นเริงให้ตัวเอง ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง เมื่อเห็นร่างเล็กบางและกะทัดรัดเดินลัดเลาะมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เพื่อนเขาเดินลับหายไป
อย่างไม่ทันได้คิดสิ่งใด ชายหนุ่มผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินตามไปติดๆ ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยที่ผุดขึ้นทั้งใบหน้าและดวงตา ถึงแม้ลักษณะรูปร่าง ท่าทางการเดินเหิน รวมถึงการพูดจาและการแต่งกายจะออกเค้าไปทางชายหนุ่มรุ่นกระเตาะ แต่ไม่รู้ทำไมภายในจิตใจมันถึงบอกว่าเจ้าของร่างนั้นหาใช่ผู้ชาย
เพียงแค่ร่างเล็กบางก้าวพ้นมุมห้องซึ่งมีทางแยกสองทาง ทางหนึ่งให้ลูกค้าไปห้องน้ำและอีกทางก็คือสำหรับนักร้องจะก้าวขึ้นบนเวทีใหญ่ แขนกลมกลึงก็ถูกคว้าและดึงแรงๆ จนร่างเล็กกะทัดรัดหงายไปด้านหลังและปะทะเข้ากับบางสิ่งที่ว่าจะแข็งจนเจ็บกายก็ไม่ใช่ แต่จะอ่อนนุ่มเหมือนกับสำลีก็ไม่ใช่อีก
แพรพนัสหน้าแดงก่ำ ลมหายใจหอบแรง ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ มือเล็กกำหมัดเอาไว้แน่น เพื่อที่จะสวนกลับไอ้คนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง กล้ามาจับมือถือแขน แต่ในลักษณะใกล้ชิดจนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดเส้นผมและบางส่วนของลำคอ ทำให้หญิงสาวรู้ดีว่าการจะปล่อยหมัดไปนั้นทำได้ยากยิ่ง แขนเล็กค่อยๆ ยกขึ้นทีละน้อยแล้วศอกที่ทั้งแหลมและคมก็ขยับไปด้านหลังแรงๆ
“โอ๊ะ!! ยังร้ายเหมือนเดิมนะไอ้ตัวแสบ” ฉัตรจักรกล่าวทักทายในน้ำเสียงรื่นเริงและชอบใจ แล้วยังมีเสียงกลั้นหัวเราะดังออกมาจากลำคอแกร่ง มือใหญ่กระชับร่างเล็กไม่ยอมให้ไอ้ตัวแสบได้ทำอย่างใจต้องการ
ใบหน้าคมคร้ามก้มลงมาให้จมูกสูดดมกลิ่นกายหอมๆ และกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่แสนจะเย้ายวนใจ การกอดกระชับอยู่อย่างนี้ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจ ไอ้ตัวร้ายเป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวพรางส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนกายจากสายตาผู้ชาย
“ปล่อยนะไอ้บ้า” แพรพนัสพูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตากลมโตวาวโรจน์อยู่ในความมืดมิด ขบกัดฟันจนนูนเด่น เท้าเล็กๆ ขยับขึ้นทีละน้อยและค่อยๆ ประทับลงบนเท้าใหญ่พร้อมบดและทิ้งน้ำหนักกายลงไปหวังให้ไอ้บ้าห้าร้อยที่กำลังลวนลามเธออยู่ได้เจ็บกาย แต่ดูเหมือนไอ้บ้าตัวนี้จะไม่สนใจเลย เพราะยังมีเสียงกลั้วหัวเราะดังออกมาจากลำคอแว่วเข้าหูมาเป็นระยะ
“ทำไมฉันถึงต้องทำตามคำสั่งของเธอด้วยล่ะแม่ตัวแสบ แล้วทำไมฉันต้องปล่อยเธอด้วยฮึ” ชายหนุ่มเอ่ยถามริมฝีปากแนบชิดใบหูเล็ก ก่อนจะเคลื่อนไถลจมูกและปากไปประทับบนลำคอระหง
แพรพนัสถึงกับสะดุ้ง ขนตามเรือนกายลุกชัน ถึงจะอยู่ท่ามกลางเพื่อนชายนับสิบคน แต่ต่างคนก็ต่างมีลิมิตของตัวเอง ไม่เคยมีใครกล้าถูกเนื้อต้องตัวเธอในลักษณะที่ใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน แล้วไอ้ผู้ชายบ้ากามคนนี้เป็นใครถึงบังอาจ คงไม่รู้จักฤทธิ์หมัดและเท้าของเธอเสียแล้ว
มือเล็กวางทับมือใหญ่ที่โอบรอบสะเอวไว้ ใช้ปลายนิ้วลากไล้วนเวียนแผ่วเบาและนุ่มนวล และหันเรือนกายไปหาชายหนุ่มที่อยากลองดีอย่างช้าๆ ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้มหวานเย็นเหมือนกับน้ำตาลเคลือบน้ำแข็ง แต่ประกายในดวงตากลับลุกแดงเหมือนกับมีเปลวเพลิงเผาไหม้อยู่ภายใน
“เพราะฉันไม่ชอบที่จะให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวนะซิ” แพรพนัสกัดฟันตอบพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้ขุ่นเขียวจนเกินไป
“หืม...” คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นสูง หัวใจเต้นแรงและเร็ว แม้แสงไฟที่ส่องสว่างมาจะไม่มากมาย แต่ความสวยงามและน่ารักของผู้หญิงตรงหน้าก็ช่างเตะตาเหลือเกิน
ใบหน้าขาวนวลรูปหัวใจ ดวงตากลมโตเป็นประกายรับกับคิ้วคมเข้มและขนตายาวงอน จนอยากรู้นัก ถ้าเอาอะไรไปวางมันจะหล่นลงมาหรือเปล่า พวงแก้มอิ่มเต็มเป็นสีชมพูเข้มอย่างไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง อีกทั้งจมูกเล็กที่โด่งเป็นสันรับกับเรียวปากบางเฉียบแต่ดูนุ่มนิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ แล้วความกระหายและปรารถนาในกายหนุ่มก็ลุกโพลงเหมือนไฟที่ลามเลียลุกไหม้กองฟาง
นิ้วยาวยกขึ้นลากไล้พวงแก้มนุ่มและเคลื่อนไถลลงไปถึงริมฝีปากบางแต่อวบอิ่มและนิ่มอย่างที่คิดไว้ ที่ทำให้เขารู้สึกอยากแนบปากลงไปสักครั้ง จะได้รู้หวานเหมือนกับน้ำเลี้ยงเกสรดอกไม้หรือเปล่า และอย่างไม่ต้องคิดอะไรให้นานไปกว่านั้นใบหน้าคมก็โน้มลงไปอย่างเชื่องช้า