สำหรับฝ่ายการตลาด และฝ่ายออกแบบนั้นอยู่ชั้น 5 ของตึก เนื่องจากว่าทั้งสองฝ่ายนี้ต้องทำงานประสานและปรึกษาหรือให้ความคิดเห็นกันอยู่ตลอดเกือบจะทุกเวลา ฉะนั้นทั้งสองฝ่ายอยู่ในชั้นเดียวกัน แบ่งโซนให้อยู่กันอย่างชัดเจน ซึ่งก็ไม่ต่างกับออฟฟิตทั่วไปสักเท่าไหร่ เมื่อการมาเยือนของรสสุคันธ์ พร้อมกับพนักงานคนใหม่ พนักงานคนอื่นๆ จึงพากันหันมามองเป็นตาเดียว และแน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าเวียงพิงค์เป็นใคร เพราะได้ไปร่วมงานประกวดพร้อมกันหมด เสียงซุบซิบนินทาจึงเกิดขึ้น แต่เป็นแง่ดี นั่นคือความสวยน่ารักของเวียงพิงค์นั่นเอง
“สาวๆ ผู้จัดการทั้งสองอยู่ในห้องใช่ไหม” รสสุคนธ์เอ่ยถามกับพนักงานที่กำลังจับกลุ่มกันคุยงานพอดี
“ผู้จัดการอยู่ในห้องค่ะ” พนักงานสาวคนหนึ่งตอบ
“โอเคขอบใจจ้ะ ปะพิ้งค์ไปหาผู้จัดการของพิ้งค์กัน” พูดจบรสสุคนธ์จึงเดินนำหน้าอีกครั้งกระทั่งถึงห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายออกแบบก่อน เพราะเวียงพิงค์ต้องเป็นดีไซเนอร์ฝ่ายนี้นั่นเอง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! รสสุคนธ์เคาะประตูอย่างมีมารยาทและรอกระทั่งได้รับอนุญาต
“เชิญค่ะ” น้ำเสียงของผู้จัดการดูเหมือนผู้ชาย แต่คล้ายไปทางผู้หญิง คิดว่าคงเข้าใจไม่ผิดแน่ เวียงพิงค์หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย เพราะการทำงานกับเพศที่สามเธอกลัวจะลำบาก เนื่องจากคนแบบนี้จะเก่ง อ่อนโยน อ่อนหวาน แต่ดุและร้ายกาจในเวลาเดียวกัน ถ้าผู้จัดการเอ็นดูเธอก็ดีไป แต่ถ้าไม่เอ็นดูล่ะแย่แน่เชียว เมื่อได้รับอนุญาตแล้วรสสุคนธ์จึงเปิดประตูเข้าไปก่อน โดยที่เวียงพิงค์เดินตาม ขณะเดียวกันผู้จัดการฝ่ายออกแบบกำลังนั่งตรวจงานอยู่พอดี เมื่อเห็นผู้จัดการรุ่นพี่จึงได้เงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
“อ้าวเจ้ ทำไมไม่ให้น้องๆ เข้ามาบอกก่อนละฮะ ให้รัชลงไปหาก็ได้ เสียเวลาเจ้ขึ้นมาแก่แล้ว เชิญนั่งครับ” ผู้จัดการหนุ่มหล่อเหลาแต่ออกจะหน้าหวานเล็กน้อยแต่งตัวดูดีและเนียบมาก ทว่าหัวใจเป็นสาวและบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก พี่พาดีไซเนอร์คนใหม่มารับงานน่ะ”
“ได้ยินข่าวว่ามาแล้ว” ผู้จัดการหนุ่มถามพลางยิ้มหวานและปรายตามองไปที่เวียงพิงค์เป็นหลัก
“เอ่อพิ้งค์ มาจ้ะพี่จะแนะนำให้รู้จัก นี่คุณพิรัชผู้จัดการฝ่ายออกแบบ และเป็นเจ้านายของพิ้งค์ด้วย รัชจ๊ะนี่พิ้งค์จ้ะ” รสสุคนธ์แนะนำทั้งคู่ให้ได้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะผู้จัดการ” เวียงพิงค์ยกมือไหว้อีกครั้ง ซึ่งผู้จัดการหนุ่มก็รับไหว้เช่นกัน
“ไม่ต้องเรียกว่าผู้จัดการก็ได้ เรียกว่าพี่รัชเฉยๆ ก็พอจ้ะ คนที่นี่เป็นกันเองทั้งนั้น” พิรัชบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง และหวานมาก
“เกรงใจจังเลยค่ะ พิ้งค์เพิ่งจะมารับงานวันแรก ยังไม่กล้า”
“เรียกเถอะไม่มีใครว่าอะไรหรอก พวกพี่เนี่ยเรียกได้ตามสบาย แต่ถ้าเป็นผู้บริหารระดับสูงอย่างรองประธาน ผู้ช่วยฯ หรือท่านประธาน อันนี้คงต้องเรียกท่านนะจ้ะ ไม่อนุญาตให้เรียกชื่อ”
“ขอบคุณค่ะ ระดับนั้นก็ไม่กล้าเรียกเหมือนกัน”
“เดี๋ยวพี่จะพาพิ้งค์ไปทำความรู้จักกับผู้จัดการฝ่ายการตลาด คุณวาคิม”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากพิ้งด้วยนะรัช เดี๋ยวพี่กลับลงไปทำงานแล้ว”
“เชิญตามสบายจ้ะเจ้”
“ไปนะจ๊ะพิ้งค์ ตั้งใจทำงานล่ะ เบื้องบนรอดูอยู่นะ” รสสุคนธ์บอกอย่างอ่อนโยนพลางยิ้มหวานอีกครั้ง
“ขอบคุณมากค่ะพี่โรส พิ้งค์จะตั้งใจทำงานค่ะ”
“โอเคจ้ะ พี่ไปนะรัช” รสสุคนธ์บอกอีกครั้ง
“ครับผม” พิรัชตอบกลับน้ำเสียงหวานตามสไตล์หนุ่มสวย จากนั้นรสสุคนธ์จึงได้ออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้านายกับลูกน้องคนใหม่แจ้งเรื่องหน้าที่การงานกันอย่างเป็นส่วนตัว
“เอาล่ะ เลขาพี่จัดโต๊ะทำงานเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า อยู่ติดกับหน้าห้องของพี่นี่แหละ และพิ้งค์ต้องเหนื่อยหน่อยกับงานชิ้นแรกเพราะเจ้านายอยากให้แสดงฝีมือมาก รับตำแหน่งปุ๊บทำงานเลย ไหวไหม”
“ไหวค่ะ พิ้งค์เชื่อว่าไหวแน่ๆ แต่อาจจะได้ขอคำปรึษาจากพี่รัช”
“แน่นอนจ้ะเราต้องปรึกษากันอยู่แล้วไม่ต้องห่วงนะ แต่ว่าพี่ต้องขึ้นไปรับงานกับท่านเสียก่อนน่ะ”
“อ้าวงานไม่ได้อยู่กับพี่รัชหรอกเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะ ท่านสั่งเอาไว้ว่าถ้าพิ้งค์มาเมื่อไหร่ค่อยให้พี่ไปรับงานจากท่านน่ะ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะเรียกละมั้ง”
“เหรอคะ พูดถึงท่าน แล้วท่านดุหรือเปล่าคะ ดูเหมือนที่พิ้งค์เห็นจากระยะไกลการ์ดท่านเยอะมาก”
“ดุ แต่ก็ใจดีเหมือนกัน เพียงแต่ท่านไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่น่ะ ไม่ต้องคิดมาก ท่านไม่เรียกพนักงานพบหรอก เวลางานมีปัญหาหรือบกพร่องท่านเรียกหัวหน้านี่แหละไป”
“ความน่ากลัวก็มาตกอยู่กับหัวหน้าใช่ไหมคะ”
“ฮ่าๆ ไม่หรอกจ้ะ ไม่น่ากลัวขนาดนั้นเสียหน่อย เอาล่ะไปดูโต๊ะทำงานกัน” พิรัชหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทำให้เวียงพิงค์รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยทีเดียว
“ได้ค่ะ” เมื่อเวียงพิงค์รับคำแล้วจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พิรัชก่อน ตามลำดับหัวหน้ากับลูกน้อง แล้วเธอจึงออกไปทีหลัง พิรัชเดินนำมาถึงโต๊ะทำงานที่เป็นของเวียงพิงค์ ซึ่งโต๊ะทำงานของเธอก็มีฉากกั้นเช่นกัน แต่ที่น่าแปลกใจคือ มีโต๊ะทำงานโต๊ะเดียวเท่านั้น คิดว่าคงจัดไว้สำหรับดีไซเนอร์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ จากนั้นพิรัชจึงได้พาเวียงพิงค์ไปแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานและฝ่ายการตลาดตามลำดับ