Special : Happy Ending. [End]

2155 Words
. . . . . ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ....ๆๆ ๆๆ.. เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นแต่เจ้าของห้องที่เอาแต่มุดผ้าห่มอยู่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมันเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง.. “แอชชช~ ตื่นมาปิดนาฬิกาปลุกได้แล้ว” หญิงสาวที่มัวยุ่งกับงานในครัวตะโกนบอกแฟนหนุ่มที่นอนขลุกในผ้าห่มแต่กลับไม่มีท่าทีว่าเสียงนาฬิกานั่นจนหยุดลง “แอชชชชชชชชชชชชชช~ ฉันยุ่งอยู่ นายลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวได้แล้ว” ร่างบางว่างพลางหันไปพลิกด้านแพนเค้กในกระทะ “......” “ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆๆ ... ๆ ๆๆ ..” เสียงนาฬิกาปลุกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง “!!! เปล้ง ย๊า!!  แอชตัน! นายจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนห๊ะ!! รีบลุกได้แล้วนายมีคลาสเรียนเช้านะโว้ยยย!!!” สุดจะทนลูน่าทิ้งตะหลิวในมือก่อนจะปรี่ตรงเข้าไปในห้องนอนแล้วกระโดดขึ้นไปยืนบนเตียงเต็มสองเท้าพร้อมทั้งกระชากผ้าห่มออกอย่างไว “งืมมม งืมมม~~ ..” เจ้าของร่างหนาๆที่ซุกผ้าห่มอยู่เมื่อคู่ขยับตัวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “- -+++ เออ จะไม่ลุกดีๆใช่ไหม ได้! ลุกเดี๋ยวนี้! ฮึ้บบ!!” ร่างเล็กดึง! ฉุด! กระชาก! ลาก! แฟนหนุ่มร่างยักษ์ที่ยังงุนงัวเงียอยู่แถมไม่ยอมลืมตาและท่าทางแบบนั้นมีหรือว่าแฟนสาวอย่างเจ้าหล่อนจะดูไม่ออกว่ามันไม่ยอมตื่นแน่ๆ! “น่าๆ ขออีกสิบนาที” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนอนต่อ “สิบนาทีบ้าอะไรของนาย! จะถึงเวลาเรียนแล้วเว้ย! ” คำขอไปทีงั้นๆของแฟนหนุ่มยิ่งทำให้ลูน่าเองเลือดขึ้นหน้า “ยังนอนไม่อิ่มนี่นา ขอหละคร่อก..” “ก็นายนอนดึกเองไหมหละ! กลับก็ดึก! เหอะ! ต้องรับผิดชอบตัวเองเซ่! ลุก! เดี๋ยว! นี้! )@*($&*@^&)*$^*&)” ในเมื่อเสียงบ่นกระปิดกระแปดของแม่ตัวดีไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่ายๆก็คงต้องเป็นอีกฝ่ายเองที่ต้องยอมพ่ายต่อศึกนี้ไป “ก็ได้! โห่ยยย เธอนี่มัน ! มัน!!! ” “ฉันมันทำไมม!!?! ” “มัน!!! ฮึ่ยย!!  ขี้บ่น!” “เอ้า! ก็ป๊าฉันส่งเรามาเรียน อีกอาทิตย์เดียวก็จะจบแล้วอดทนหน่อยไม่ได้รึไง!?” “รู้แล้วน่าา ฉันก็ไม่เคยโดดสักหน่อย จริงมะ?” “เออ ไม่เคยโดดแต่กว่าจะไปเข้าคลาสก็ปาไปครึ่งวิชาแล้ว แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน -_-b ลุก! เดี๋ยว! นี้!” “จ้า จ้า จ้าาาาาา ฟอด!!”ชายหนุ่มแกล้งตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนประสาทหวังให้แฟนสาวอารรมณ์ดีก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่แล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำ “อ้ะ! นายนี่มันก็ขี้ฉวดโอกาส!” ถึงปากจะบ่นไปอย่างนั้นแต่หารู้ไม่ว่าใบหน้าสวยนั้นกำลังยิ้มตามไล่หลังให้กับการกระทำของแฟนหนุ่ม ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งสองก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จและตรงไปยังคลาสเรียนพร้อมกันและก็เป็นอีกครั้งที่... โป๊กก!! “โอ๊ยยย! อะไรของเธออีกเนี่ย!” “อย่าหลับสิ! ไม่เห็นรึไงอาจารย์มองอยู่นั่น” ทันทีที่มือเล็กชี้บอกชายหนุ่มก็ชายตามองตามนิ้วเรียวนั่นแล้วก็ต้องรีบหันกลับมาเมื่อพบว่าอาจารย์สูงวัยนั่งจ้องตาเขม็งอยู่หน้าชั้น “ท..ทำไมไม่บอกไวกว่านี้!” “...”หญิงสาวไม่พูดตอบมีเพียงมองค้อนกลับมาอย่างหมั่นไส้ ก็แน่หละ!นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหล่อนเตือนเขาแน่นอน “วันศุกร์นี้เป็นควิซสุดท้ายของครอสนี้แล้วขอให้นักศึกษาทุกคนเตรียมตัวมาให้ดีแล้วก็ขอให้โชคดีกันทุกคนนะคะ” “ฉันไปบ้านเพื่อนนะ”ทันทีที่สิ้นประโยคอวยพรของอาจารย์ประจำคลาสแอชตันรีบพับสมุดหนังสือใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนหันมาหอมแก้มแฟนสาวฟอดใหญ่ “เดี๋ยว! ๆๆๆ อะไรกันไปอีกแล้วหรอช่วงนี้นายไปบ้านเพื่อนบ่อยมากเลยนะ กลับก็ดึกแล้วก็ตื่นมาเรียนไม่ทัน แถมที่สำคัญเพื่อนคนไหนก็ไม่ยอมบอกฉันอีก” คราวนี้เป็นลูน่าบ้างที่โวยวาย ก็มันจริงที่เขาทิ้งให้เจ้าหล่อนอยู่คนเดียวบ่อยขึ้นเรื่อยๆเพียงแค่บอกว่าไปกับเพื่อน ไปบ้านเพื่อนบ้างหละ.. “เอาน่า ไว้เจอกันนะ” ว่าจบไม่ทันที่ร่างบางจะร้องตามแต่ชายหนุ่มกลับชิงยีหัวแฟนสาวอย่างเอ็นดูและลุกหนีไปเสียดื้อๆทิ้งให้เจ้าหล่อนมองตามอย่างไม่เข้าใจ “. . . . . . . . . ‘นายกำลังเบื่อฉันรึเปล่านะ?’ . . . . . . . . . ‘หรือนายซ่อนใครไว้?’ . . . . . ‘เฮ้ออ..’ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของหญิงสาวเจ้าของห้องที่นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาหน้าทีวีตั้งตาคอยให้แฟนหนุ่มกลับมา ทั้งๆที่เข็มนาฬิกาก็เดินเลยเข้าวันใหม่มาแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววท่าทีของคนที่เจ้าหล่อนรอเลย “ช่วงนี้ทำไมนายทำตัวแปลกๆจังเลยนะ..” ว่าพลางเหลือบมองเครื่องมือสื่อสารข้างๆหวังเพียงได้รับการติดต่อจากใครบางคน แต่ไม่นานนักสิ่งที่หวังก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ..ถึงแม้จะเป็นข้อความที่ไม่ได้ปราถนาเสียเท่าไหร่ ‘ค้างบ้านเพื่อนนะ’ ทันทีที่เห็นข้อความคิ้วบางก็ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติพร้อมพิมพ์ตอบไปอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก ‘อีกแล้วหรอ?’ ‘เอาน่าๆ ติวหนังสือไงวันศุกร์นี้ปิดครอสแล้ว’ ‘แล้ว..ฉันหละ..’ ‘เธอก็ไปติวกับเพื่อนเธอไง’ ‘……’ ‘ตามนั้น ฝันดีนะ’ ร่างบางเพียงแค่อ่านโดยไม่ตอบ..เพียงเท่านี้ตัวเธอเองก็รู้สึกอยากร้องไห้อย่างอธิบายไม่ถูกได้แต่เพียงกอดเข่าแล้วฟุบหน้าลงกับแขนเล็กๆนั่นของตัวเองพลางนึกย้อนเวลากลับไป ตลอดช่วงเวลาเกือบสองปีตั้งแต่ย้ายมาเรียนด้วยกันที่อเมิรกาพวกเค้าแทบจะไม่ห่างกันเลย เข้าใจกัน ช่วยเหลือกัน ความรักเบิกบานสดใสดีจนเพื่อนสนิทของเธออย่างจูโน่และริต้าอิจฉาตาร้อนกันไม่หยุดหย่อนแต่เหตุใดช่วงหลังๆมานี่เขาคนนั้นเปลี่ยนไป เหมือนกำลังเดินห่างกันออกไปเรื่อยๆ.. . . . ‘ฉันขอได้ไหม..ขอให้วันนั้นอย่ามาถึงเลย’ . . . . และแล้วเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันศุกร์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเรียนการสอนระดับปริญญาโทของทั้งสอง ตลอดช่วงเวลาระหว่างนั้นทั้งคู่แทบจะไม่ได้คุยกันเลยเสียด้วยซ้ำ แอชตันก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้างส่วนลูน่าเองก็ได้แต่ทำเป็นเฉยทั้งๆที่ในใจเจ้าหล่อนนั้นเหี่ยวเฉาแต่จะแสดงออกมากหรือไปสนใจมากก็ไม่ได้เพราะยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือขอให้ผ่านควิซครั้งสำคัญนี้ไปให้ได้เสียก่อน “สวัสดีลูน่า” เพื่อนชาวต่างชาติเอ่ยทั้งทายเพื่อนร่วมคลาสที่พึ่งเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเศร้าสร้อยและดวงตาที่บวมเป่ง “ส..สวัสดีกราเซีย ^^” ปากเล็กยกยิ้มบางๆให้เจ้าของคำทักทายที่ดูเหมือนว่าจะมายืนรอเธออยู่.. “ดูหน้าตาไม่สดชื่นเลยนะ” “อ่อ.. เอ่อ ฉันอ่านหนังสือหนักไปหน่อยน่ะช่วงนี้” ตอบปัดๆไปพร้อมยิ้มแหยๆ “งั้นหรอ เธอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าน่ะ?” เพื่อนสาวยื่นหน้าเข้ามาจ้องมองตาคู่กลมที่โดนบดบังด้วยเปลือกตาที่บวมเป่งอย่างเห็นได้ชัด “ฉ..ฉันคงเครียดไปน่ะ” “เรื่องแค่นี้เองเธอทำได้อยู่แล้วน่า” “ฉันไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นสักหน่อย นี่มันปริญญาโทนะไม่ใช่สอบแบบมัธยม” “ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้! ตามฉันมาสิ จะพาไปหากำลังใจดีๆ” ไม่ว่าปล่าวเพื่อนหญิงดึงมือร่างบางให้เดิมตามอย่างไว “เดี๋ยวๆ สิจะพาฉันไปไหนน่ะ ฉันว่าจะไปนั่งทบทวนก่อนเริ่มคลาสอีกสักหน่อย” ลูน่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามแรงดึงของเพื่อนหญิง “เหลือเวลาอีกเยอะแยะน่า ฉันจะพาเธอไปเติมพลัง กำลังใจไง” กราเซียยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับดึงมือเพื่อนสาวให้เดินตามอย่างไว ทันทีที่ประตูตึกสาขาเปิดขึ้นปรากฏร่างของเพื่อนในสาขามากมายที่ยืนเรียงกันอยู่เป็นทางยาวตามทางเดินไปยังห้องที่จะใช้ในการสอบครั้งสุดท้าย ในมือของแต่ละคนมีแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความไว้พร้อมกับลูกโป่งคนละ 1 ลูก หลากสีสันปะปนกันไป “น..นี่มันอะไรกันเนี่ย..” ลูน่ายืนมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาปนเข้าใจสถานการณ์ “เข้าไปรับสิ ของเธอ” ว่าจบกราเซียก็ผลักหลังลูน่าเบาๆให้เดินเข้าไปหาเพื่อนคนแรกเพื่ออ่านข้อความใกล้ๆและรับลูกโป่ง.. ‘ขอบคุณ..ที่เราได้เจอกัน’ .. เพียงแค่ประโยคแรกเจ้าหล่อนก็พอจะรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของคำพูดนี้ เมื่อได้อ่านข้อความบนกระดาษแล้วบุคคลตรงหน้าจึงส่งลูกโป่งให้ร่างบางและผายมือให้ไปยังคนต่อไปเรื่อยๆ.. ‘ขอบคุณ..ที่เธอรักฉัน..’ ‘ขอบคุณ..ที่ทำให้ฉันรักเธอ’ ‘ขอบคุณ..ที่ทำให้รู้จักคำว่ารัก’ ‘ขอบคุณ..ที่ทำให้รู้จักการทำเพื่อใครสักคน’ ‘ขอบคุณ..ที่อดทนกับฉัน’ ยิ่งได้อ่านข้อความต่อไปเรื่อยๆและจำนวนลูกโป่งในมือที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกบางอย่างในอกเริ่มครุกกรุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก.. น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนไหลลงอาบใบหน้าเปื้อนยิ้มผ่านแก้มใสอย่างไม่มีสาเหตุ ‘ขอบคุณ..ที่ให้โอกาสฉันได้ดูแลเธอ’ ‘ฉันขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหม?..’ ประโยคสุดท้ายที่มีคนสุดท้ายยืนบังประตูห้องสอบที่ปิดสนิทไว้..แม้จะยังไม่เข้าใจเท่าไหร่นักว่าการขอโอกาสครั้งนี้คืออะไรแต่ถ้าหากเธอรับลูกโป่งมาจากคนๆนี้แล้วแสดงว่าเจ้าหล่อนพร้อมแล้วที่จะฟังคำขอของเค้าคนนั้น.. “...” ร่างเล็กชะงักไปครู่หนึ่งพลางนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของเพื่อนๆในสาขา..และสุดท้ายลูน่าก็ตัดสินใจรับลูกโป่งลูกสุดท้ายมาอยู่ในมือ..ทันใดนั้นที่ประตูเปิดออกปรากฏร่างของชายหนุ่มที่คุ้นตายืนส่งยิ้มตาหยีมาให้เจ้าหล่อน ในมือถือดอกไม้ช่อโตพร้อมกับกระดาษที่มีข้อความสุดท้ายเขียนเอาไว้.. . . . . . . . . . . ‘ Will you Marry me?’ . . . . . . . “....” ทันทีที่ได้อ่านข้อความนั้นร่างเล็กกลับยืนนิ่งสนิทก่อนยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเบาๆเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่เหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ..พร้อมๆค่อยๆย่างกลายเข้าไปหาชายตรงหน้าพูดเป็นเจ้าของคำพูดนั้น.. “..แต่งงานกับฉันนะ” เมื่อร่างเล็กมาหยุดยืนตรงหน้าร่างสูงเองก็ทำหน้าที่ลูกผู้ชายโดยการคุกเข่าลงต่อหน้าแล้วส่งช่อดอกไม้ในมือให้พร้อมเอ่ยประโยคคำขอที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาออกไป... “ฮึก..” คนตัวเล็กที่ไม่สามารถกลั้นเสียงสะอื้นนั้นได้หมด เอาแต่ยืนตัวสั่นเทาพร้อมใบหน้าไปปนไปด้วยรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความปลื้มใจอย่างไม่อาจจะหาสิ่งใดมาอธิบายได้ “อย่าเมาแต่ร้องสิครับ.. เธอจะยินดีมาเป็นเจ้าสาวของผมไหม จะยินดีมาเป็นแม่ของลูกผมไหม” “ฮึก.. อ ..อื้อ..” เสียงสั่นระลิกตอบออกไปอย่างไม่ชัดเจนเท่าไหร่ “อะไรนะ ฉันไม่ได้ยินเลย?” ว่าที่เจ้าบ่าวทำหน้าทะเล้นพลางทำท่าทางไม่ได้ยินเรียกเอาเสียงโฮเฮฮาของเพื่อนๆในสาขาที่เกาะติดสถานการณ์อยู่ “อื้ม! ฉ.. ฮึก ..ฉันตกลง!” สิ้นสุดคำตอบรับร่างสูงรีบลุกขึ้นแล้วดึงร่างบางเข้ามากอดแน่นอย่างสุดใจพร้อมกับเสียงร้องเชียร์ เสียงปรบมือดังมาจากเพื่อนๆที่ให้ความร่วมมือจากแผนการครั้งนี้ “ฉันขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง.. จริงๆแล้วที่ฉันไม่ค่อยได้กลับบ้าน ที่ฉันไปกับเพื่อนบ่อยๆเพื่อวางแผนจะขอเธอแต่งงานนี่แหละ.. ฉันรักเธอนะลูน่า” เสียงทุ้มต่ำกระซิบเบาข้างหูคนรักหวังอธิบายให้กระจ่างถึงสาเหตุที่เขาทำตัวแปลกไป “ฉัน.. ฉันก็รักนาย รักมาก รักมากที่สุดเลย” ยิ่งได้ฟังคำสารภาพต่างๆแล้วมีหรือที่ใจดวงน้อยนี้จะไม่ยอมยกโทษให้ ทั้งสองกอดกันกลมพลางโยกไปมาด้วยความสุขใจ..ทั้งความรู้สึก ภาพแห่งรอยยิ้ม น้ำตาแห่งความดีใจ..ทุกอย่างจะตราตรึงอยู่ในนั้นตราบนานเท่านาน.. . . . . . . . ‘และตลอดไป..’      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD