.
.
.
.
.
“อะไรของเธอเด็กฝึกงาน ใครๆก็อยากมาเดทกับฉันทั้งนั้นแหละ”
“ด..เดท.. เดทหรอ อะไรนี่ฉันไม่ได้มาเดท!”
.
.
.
.
แม้ว่าการไปเที่ยวครั้งนั้นจะผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วแต่ทุกครั้งที่เหตุการณ์ในวันนั้นมันแล่นแว๊บเข้ามาในหัวมันก็ชวนให้หน้ามนรื้อแดงขึ้นมาเสียดื้อๆและอาการดังกล่าวมันมักจะพารอยยิ้มมาด้วยเสมอๆ
“ตาบ้า..” ปากบางเอ่ยขึ้นมาเบาๆพร้อมยกยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ห๊ะ อะไรใครบ้าหรอลูน่า” จูโน่ที่นั่งอ่านสคริปรายการอยู่ข้างๆเงยหน้าขึ้นถามเพื่อนหญิงที่ทำหน้าที่แต่งตัวให้เขาในวันนี้
“เอ้ย ไม่มีอะไรๆ” ลูน่าส่ายหน้ารัวๆพลางปฏิเสธออกไปโดยพลัน
“จริงหรอ แต่ฉันได้ยินจริงๆนะ -.-” จูโน่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหวังจะเค้นความจริงจากเพื่อนตัวเล็ก
“เห่ยยยย ไม่มีจริงๆๆๆๆ เออเนี่ยนายก็รีบๆท่องได้แล้ว วันนี้เป็นพิธีกรครั้งแรกนี่นา เดี๋ยวหน้าแตกขึ้นมาฉันไม่ช่วยหรอกนะ”
“โอเคค ๆ เข้าใจละงั้นฉันไปเตรียมตัวหลังเวทีก่อนละกันจะถึงเวลาละ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าโดยมีเพื่อนตัวน้อยลุกขึ้นทำหน้าที่ช่วยดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย
“หล่อแล้วค่าา ไปๆ สู้ๆนะ! นายทำได้!”
“เธอก็อย่าลืมมาดูฉันด้วยนะลูน่า~” ว่าด้วยสีหน้าอ้อนๆพร้อมเดินออกจากห้องทิ้งให้เพื่อนสาวมองตามหลังไปด้วยรอยยิ้ม
“...”
“นี่ลูน่า แก้มเธอแดงมากๆเลยหละ” จู่ๆชายหนุ่มก็หันกลับมาหาคนด้านหลังก่อนใช้สองมือจิ้มที่แก้มตัวเอง
“ห..ห๊ะ! จ จริงหรอ! ” คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นปิดแก้มใสทันทีและก็สัมผัสได้ว่าแก้มของตนเองกำลังร้อนปานจะระเบิดออกมาก็ไม่ปาน
“คิกคิก! จริงๆ~~ ฉันไปหละ อย่ามัวแต่นั่งคิดถึงใครอยู่หละ มาดูฉันด้วย~” ว่าแล้วก็โบกมือเดินจากไปทิ้งให้คนด้านหลังยืนตัวแข็งทื่อราวกับว่าโดนเพื่อนพูดจี้จุด
“จูโน่นายนี่มัน !!_)(#&*#^&^& งุ้ยย!! ไอ้เพื่อนนี่” ถึงปากจะบ่นกระปอดกระแปดแต่ใบหน้าที่ร้อนผ่าวกลับทวีความร้อนลุ่มขึ้นไปอีกเมื่อเก็บของเสร็จร่างเล็กก็รีบตรงไปรอดูเพื่อนรักอยู่หน้าเวที ลูน่าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพื่อนรักของเธออย่างลิต้าถึงได้ตกหลุมรักน้องเล็กของวงคนนี้ก็เพราะว่าออร่าของความสดใสที่ทำให้คนรอบตัวยิ้มออกมาได้เสมอๆของเจ้าเพื่อนคนนี้นี่เองแหละที่เป็นเสนห์ของตัวเขาเลยหละ เมื่อเสร็จงานทั้งสองก็ได้เดินทางกลับไปยังบริษัทโดยรถตู้ที่ทางทีมงานจัดเตรียมไว้ให้
“นายนี่เจ๋งชะมัดเลย ทำคนดูหัวเราะได้ตลอดเลย” เป็นลูน่าที่เอ่ยชมเพื่อนคนเก่งก่อน
“ก็แน่นอนหละก็เพราะฉันก็คือน้องเล็กที่ทั้งหล่อทั้งน่ารัก~~” ไม่ว่าเปล่าหันมาทำหน้าตาตะมุตะมิใส่เพื่อนสาวข้างๆ
“เอ้ออ จ้าา จ่ะๆๆ ฉันยอมแล้วจ่ะ” ร่างบางว่าพลางย่นจมูกใส่เพื่อนชายอย่างหมั่นไส้ในความหลงตัวเองของมัน
“ว่าแต่.. เธอคิดถึงใครอยู่หรอดูช่วงนี้เธอชอบอมยิ้มคนเดียว -.-”
“เอ่อ คือว่า..ฉัน” ปากบางเม้มเข้าหากันอย่างพยายามกลบเกลื่อนรอยยิ้มที่ผุดขึ้นที่มุมปาก
“อ๋ออออออออ อั้นแหน่ะ! ฉันรู้แล้วหละ คิกคิก มิน่าถึงเห็นสนิทกันแปลกๆนะช่วงนี้”
“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย มันไม่มีอะไรจริงๆนะ ._.”
“แต่เธอก็ยังชอบเฮียเหมือนเดิมใช่ไหมหละ~”
“... มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ฉันก็รู้แหละว่ามันก็ได้แค่ในฐานะแฟนคลับเหมือนเดิม” ว่าพลางก้มหน้าหลบสายตาคนตรงหน้า
“มันก็นะ ฉันน่ะไม่อยากให้เธอเสีย..”
“เอ้อเนี่ยฉันมีนี่ว่าจะฝากให้แอชตันหน่อย ฉันไม่กล้าเอาให้เขาเองหรอก” ยังไม่ทันที่จูโน่จะพูดจบร่างบางก็พูดแทรกขึ้นมาพลางดึงสมุดภาพเล่มหนายื่นให้คนตรงหน้า
“อะไรอ่ะ?”
“ก็แค่รูปภาพอ่ะ ^^ ฉันทำมันเอง ถ่ายเองทุกรูปเลยด้วยนายห้ามเปิดดูก่อนนะ! ”
“มิน่าเธอถึงพกกล้องไปไหนมาไหนด้วยตลอดเลย โหยยยย ไรอ่ะ ไรอ่ะๆๆๆๆๆๆๆ!! แล้วของฉันหล่ะ!?” เพื่อนรักทำท่าจะงอแงดีดดิ้นไปมาอย่างเอาแต่ใจเยี่ยงเด็กน้อยก็ไม่ปาน
“ฉันก็แค่อยากให้เห็นวิวสวยๆในแบบที่ฉันเห็นบ้าง ฉันรู้ว่าพวกนายได้เดินทางไปหลายประเทศแต่ไม่รู้ว่าจะมีเวลาได้เที่ยวบ้างไหมเพราะอย่างนี้เวลาฉันเห็นอะไรสวยๆฉันก็เลย..อยากให้เขาได้เห็นด้วย”
“ฉันเข้าใจแล้วหละ แต่ลูน่า..เฮียแอชน่ะ”
“อ้อถึงแล้วหละ ไว้ค่อยคุยกันนะพี่เชอร์เรียกให้ฉันไปคุยด้วยน่ะ” ทันทีที่รถจอดร่างบางไม่รอดช้ารีบตัดบทสนทนาไปเสียดื้อๆพลางหันกลับมาโบกมือให้เพื่อนหยอยๆก่อนวิ่งเข้าบริษัทไปทิ้งให้เพื่อนชายมองตามแผ่นหลังเล็กนั้น
“เฮ้อ.. ฉันแค่อยากจะเตือนเธอน่ะลูน่า”
.
.
.
.
.
.
‘ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะบอกฉันว่าอะไร ’
.
.
.
.
.
‘ขอบใจนะจูโน่’
.
.
.
.
.
ก๊อกๆ
“เชิญค่ะ” เสียงเจ้าของห้องตอบรับทันทีที่ได้ยินเสียงของแขกผู้มาถึง
“ลูน่าเองค่ะพี่เชอร์” คนตัวเล็กที่เข้ามาถึงโค้งหัวให้รุ่นพี่น้อยๆเพื่อทักทายก่อนเดินตรงไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน
“เชิญนั่งก่อนจ่ะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่เชอร์เรียกลูน่ามามีเรื่องอะไรหรอคะ”
“พี่แค่จะถามสารทุกข์สุขดิบเราน่ะว่าเป็นยังไงบ้าง ผ่านทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่มาแล้วเริ่มชิน เริ่มรู้ระบบงานรึยังว่าต้องทำอะไรบ้าง”
“อ๋อพอรู้แล้วหละค่ะพี่เชอร์ ลูน่าต้องขอบคุณพี่ๆในแผนกมากเลยค่ะที่ช่วยสอนงานให้” ไม่ว่าเปล่าคนตัวเล็กโค้งหัวให้น้อยๆเป็นเชิงขอบคุณ
“ไม่เป็นไรหรอกมีอะไรก็ช่วยๆกันไป คืองี้นะเราต้องทำโปรเจคส่งอาจาร์ยใช่ไหมพี่มีงานให้เรา”
“ใช่ค่ะ”
“รู้ใช่ไหมว่าอีกไม่กี่เดือนหนุ่มๆต้องคัมแบคแล้ว พี่จะให้ลูน่าเป็นคนคิดคอนเซปเสื้อผ้าในคัมแบครอบนี้รวมไปถึงออกแบบเสื้อผ้าของแต่ละคนด้วย อนุญาตให้เอาไปทำเป็นโปรเจคได้ค่ะ”
“ห๊ะ..ท..ทั้งหมดเลยหรอคะ โอเคค่ะ”
“ตามนั้นเดี๋ยวพี่จะส่งข้อมูลให้ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ” ว่าพลางส่งยิ้มให้คนตัวเล็กตรงหน้า
“งั้นลูน่าขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ว่าจบก็ลุกขึ้นโค้งหัวให้คนตรงหน้าก่อนหันหลังกลับแต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูไปคำพูดบางประโยคก็ดึงความสนใจของคนตัวเล็กจนต้องหยุดเดิน
“นอกจากจะรู้ระบบงานแล้ว.. ต้องรู้กฏของบริษัทด้วยนะคะ ว่าควรวางตัวยังไง..กับศิลปินในค่าย” เจ้าของน้ำเสียงหรี่ตามองร่างบางที่หยุดยืนฟังด้วยสายตาที่คาดเดาความหมายไม่ได้เลย แต่เหตุใดจู่ๆมือเล็กก็รู้สึกเย็นเฉียบขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ค..ค่ะเข้าใจแล้ว” ขาเล็กไม่รอช้ารีบสาวเดินออกจากห้องไปถ้าหากอยู่นานไปกว่านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรต่อจากนั้น
“...” ภาพนับสิบใบในซองกระดาษถูกดึงออกมาดูอีกครั้งและยิ่งได้เห็นภาพบาดใจของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินจูงมือกับสาวน้อยเด็กฝึกงานกันในสวนสนุก หญิงสาวกัดฟันแน่นกรอดจนได้ยินเสียงในขนาดเดียวกันที่มือก็กำขยำรูปภาพในมือจนยับยู่ยี่ไปหมด
“ฮัลโหล ฉันมีเด็กมาเสนอหน้าตาน่ารักเชียวหละ เดี๋ยวฉันจะส่งรูปไปให้ถ้าสนใจก็ตอบกลับด้วยหละ” ว่าจบนิ้วเรียวก็กดวางสายทันๆพร้อมๆกับรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาปรากฏขึ้นบนใบหน้า
.
.
.
.
.
‘เป็นเด็กใหม่แท้ๆ แต่จะมาแอบกินของฉันงั้นหรอ!?..’
.
.
.
.
.
ร่างเล็กเดินก้มหน้าก้มตาดูเองสารในซองพลางเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองโดยไม่ทันสังเกตุเลยว่าตรงหน้าเธอเองมีวัตถุบางอย่างยืนขวางไว้
ตุ๊บ!
“ฮึ้ยยย ! ข ขอโทษๆๆๆๆๆค่ะ” คนตัวเล็กผงกหัวก้มขอโทษขอโพยยกใหญ่ก่อนก้มลงเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่ตรงพื้น
“ฮ่ะๆ ฉันก็ยืนดูตั้งนานว่าเธอจะมองทางตอนไหน แต่เธอก็ไม่มองสักที เบ๊อะบ๊ะจริงๆเลยนะยัยเด็กฝึกงาน” เสียงคุ้นหูเรียกความสนใจคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บกระดาษบนพื้นให้เงยขึ้นมอง
“- - ก็ถ้านายเห็นฉันจะชนนายทำไมนายไม่หลบหละ ปล่อยให้ฉันชนนายทำไม”
“เอ้า นี่ฉันต้องเป็นฝ่ายหลบเธอรึไงก็เธอเดินไม่ดูเอง ดีนะที่ชนฉันไม่ใช่ชนคนอื่น”
“มันดีตรงไหนที่ชนนาย”
“ก็ดีตรงที่ฉันไม่โวยวายใส่เธอไง” ไม่ว่าเปล่าคิ้วหนายักขึ้นอย่างกวนประสาทคนตรงหน้า
“ชิ! งั้นฉันก็ขอบคุณละกันที่ไม่โวยวายใส่ฉัน แล้วก็ขอโทษด้วย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นพร้อมเอกสารในมือก่อนเดินเบี่ยงหลบคนตรงหน้าไปเพื่อที่จะไปยังที่หมายเดิม
“ขอบคุณนะ ของที่ฝากมาให้” จู่ๆน้ำเสียงทุ้มก็เปลี่ยนไปส่งผลให้ขาเรียวหยุดกึกทันที
“...นายเปิดดูแล้วหรอ” ว่าไปทั้งๆที่ยังยืนหันหลังให้ร่างสูงแต่ในใจกลับเต้นจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน
“ยังอ่ะฉันยังไม่ว่าง”
“งั้นหรอ ไว้ว่างแล้วค่อยเปิดดูก็ได้ ง งั้นฉันไปก่อนนะ” ไม่รอช้าร่างบางรีบตรงปรี่ออกจากตรงนั้นก่อนที่เขาจะสังเกตุเห็นว่าใบหน้าหวานนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อปานจะระเบิดออกมา ภาพตรงหน้าส่งผลให้ปากหนาค่อยๆระบายยิ้มออกมาอย่างไม่มีความหมาย หลังจากการพบกันครั้งนั้นทั้งสองก็แทบจะไม่ได้เจอกันอีกจนเวลาล่วงเลยไปหนึ่งอาทิตย์และกำลังจะเข้าสู่อาทิตย์ที่สอง
“เฮียแอชชะโงกหาไรอ่ะ” น้องคนหนึ่งในวงเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นพี่ชายมีท่าทางแปลกๆ
“ห้ะ อ๋อเปล่าๆแค่รู้สึกปวดคอเลยขยับมันหน่อยน่ะ” ผู้เป็นพี่รีบตอบปัดๆไป
“ใช่หรอเฮีย~~ -___,- มองหากระต่ายน้อยอยู่หรอ” คราวนี้เป็นคิวน้องเล็กตัวแสบที่ดูเหมือนจะรู้ดีไปเสียหมดทุกเรื่อง!
“กระต่ายบ้าบออะไรของแก! ปวดคอก็ปวดคอดิวะ โว้ะ!” ท่าทางหงุดหงิดของพี่ที่ตึงตังออกจากห้องซ้อมไปเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากตัวต้นเรื่องได้เป็นอย่างดีก่อนจะตะโกนไล่หลังไป
“เฮียยย กระต่ายน้อยของเฮียอ่ะเขายุ่งอยู่ววว ไม่ได้เจอเขาหรอก” ก็แน่แหละเพื่อนรักของเขากำลังนั่งหัวหมุนกับการคิดคอนเซปเสื้อผ้าในการคัมแบคครั้งนี้ให้กับวงของเขาเองและมีหรือที่เจ้าตัวแสบนี้จะไม่รู้ว่าเพื่อนของเขายุ่งขนาดไหน เพราะการทำงานในครั้งนี้เป็นทั้งโปรเจคครั้งใหญ่ในการฝึกงานและทำส่งอาจารย์ด้วยเจ้าตัวเลยอยากทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ทำงานหรอ ทำงานไหนทำไมไม่เห็นเข้าบริษัท” ปากหนาพึมพำกับตัวเองพลางเดินลับๆล่อๆตรงไปยังห้องที่มีโต๊ะทำงานของร่างบางอยู่อย่างเงียบๆก่อนจะค่อยๆแง้มประตูส่อง
“... ทำไมไม่มีใครอยู่เลยวะ..”
“แอช นายมาทำอะไรแถวนี้” เสียงอันคุ้นหูเอ่ยทักขึ้นทำให้คนตัวสูงที่แอบส่องประตูอยู่สะดุ้งโหยงก่อนจะรีบงับประตูแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงนั่น
“พ..พี่รีน ผมแค่เอ่อ มาหาคนน่ะหรอครับ”
“หาใครคะ?” ตาเล็กหรี่ลงมองร่างสูงตรงหน้าอย่างจับผิด
“อ่าา.. เปล่าครับ เขาไม่อยู่น่ะงั้นผมกลับไปห้องซ้อมก่อนนะ” ว่าจบก็รีบเดินฉับๆกลับไปยังที่ของตัวเองทิ้งให้คนที่พึ่งมาถึงมองไล่ตามหลัง
“พวกเธอสองคนมีอะไรกันจริงๆสินะ..” ว่าแล้วปากสวยก็กระตุกยิ้มมา..
.
.
.
.
.
“ฮือออ ㅜㅜ เหนื่อยชะมัดเลย.. หัวตื้อไปหมดเลยแหะ” คนตัวเล็กที่นอนทำงานอยู่บนเตียงพร้อมกองหนังสือแฟชั่นที่วางกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ของเตียงจนเจ้าหล่อนเองแทบจะไม่มีที่นอน
“ให้ตายเถอะ เหลือชุดของอีกสองคนแต่ฉันคิดไม่ออกแล้วอ่ะ ใกล้กำหนดส่งงานแล้วด้วย..” ว่าแล้วก็ฟุบลงตรงหน้าหนังสือก่อนคนตัวเล็กจะนึกบางอย่างขึ้นได้
“ไปหานั่งเปลี่ยนบรรยากาศที่อื่นก็น่าจะดีกว่า” ไม่ว่าเปล่าร่างบางรีบดีดตัวขึ้นไปแต่งองทรงเครื่องพร้อมสำหรับการออกไปทำงานนอกสถานที่.. แสงไฟตามทางถนนที่เริ่มสว่างขึ้นแทนที่ท้องฟ้าที่กำลังสลัวลงช้าๆคนตัวเล็กเดินยิ้มร่างอย่างสดชื่นเมื่อได้สูดอากาศข้างนอกห้องไหนจะอากาศเย็นๆที่ทำให้ตื่นตัวเข้าไปอีก
“If you like me or love me just say yes yes yes ~” ร่างเล็กเดินฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดีจนกระทั่งสัญชาตญาณบางอย่างบอกเจ้าหล่อนว่าไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่กำลังเดินอยู่บนถนนเส้นนี้..และวัตถุบางอย่างนั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนกระทั่ง..
“ตุ๊บ! อ๊ะ!!” เสียงกระแทกพร้อมกับร่างเล็กที่หน้าทิ่มลงไปกองกับพื้นก่อนพร้อมกันกับประสาทสัมผัสที่กำลังเลือนลางไปเมื่อมีผ้าสีขาวมาปิดอยู่ที่จมูกคนตัวเล็กเพื่อให้สูดดมสารบางอย่าง
“อื้ออออออ !!! อื้ออๆๆๆๆ ! .. อื้อ..” จนสุดท้ายเรี่ยวแรงที่มีค่อยถดถอยไปจนร่างบางบนพื้นนิ่งสนิท
“มันหลับไปแล้ว เอาตัวมันไปได้” ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งแบกร่างของคนตัวเล็กขึ้นบนบ่าก่อนเดินจากไปไม่หลงเหลือไว้แม้แต่ร่องรอย..
.
.
.
.