บทที่5.หน้าแตก หมอไม่กล้ารับเย็บ อายแทบจะมุดดินหนี

1599 Words
ลมแอร์เย็นเฉียบพัดกรูปะทะใบหน้าจนเธอสะท้านวูบ แต่ยังไม่ร้ายแรงเท่าดวงตาสีเขียวมรกตที่จ้องเขม็ง เขาทำเหมือนอยากจะกระโจนเข้าใส่เธอ เหมือนดวงตาของสิงโตตอนไล่ล่าเหยื่อหน้าโง่ในทุ่งกว้างยังไงยังงั้นเลย ลูกกระเดือกวิ่งพล่านเมื่อชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาหิวน้ำขึ้นมาติดหมัด ร่างกายตื่นตัวมีชีวิตชีวา ผิวของสีดาผ่องเตะตาเขาลุ้นแทบลืมหายใจ ตอนที่เธอค่อยๆ ทิ้งเสื้อที่กอดแนบอกลงบนผิวโต๊ะ พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดั่งจันทร...พิศขนงโก่งงอนดังคันศิลป์ พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน...พิศทนต์ดั่งนิลอันเรียบราย พิศโอษฐ์ดั่งหนึ่งจะแย้มสรวล...พิศนวลดังสีมณีฉาย พิศปรางดั่งปรางทองพราย... พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง พิศจุไรดั่งหนึ่งแกล้งวาด...พิศศอวิลาสดั่งคอหงส์ พิศกรดั่งงวงคชาพงศ์...พิศทรงดั่งเทพกินรา พิศถันดั่งปทุมเกสร...พิศเอวเอวอ่อนดั่งเลขา พิศผิวผิวผ่องดั่งทองทา...พิศจริตกิริยาก็จับใจ **บทชมโฉมนางสีดา** ช่วงเวลาแค่เสี้ยวนาที แต่สีดารู้สึกเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ขนาดเธอหลบเข้าไปเปลี่ยนชุดเดิมกลับคืนมาบนร่างกายนานแล้ว เธอยังรู้สึกถึงแววตาจัดจ้าที่เฝ้าจับตามองอยู่ไม่ซ่างซา “ลืมๆ เดี๋ยวก็ไม่เจอกันแล้วน่า...อย่าไปนึกถึงเสียก็สิ้นเรื่อง” เสียงปลุกปลอบใจตัวเอง เธอกับเขาอยู่ห่างกันคนละฝากฟ้า มันไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับมาเจอกันอีกแน่ เช่นเดียวกับทศกัณฐ์ เขาพิมพ์ภาพของสีดาเก็บไว้ในรอยหยักของสมองเรียบร้อย พร้อมกับตีตราจองเธอไว้ในใจเงียบๆ ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา หากใครแหลมเข้ามาฉก...มีเรื่อง!! หญิงสาวเดินย้อนกลับออกมาอีกครั้ง เมื่อแต่งกายเรียบร้อย คราวนี้ในห้องมีคนเข้ามาเพิ่ม พร้อมกับเอกสารตั้งใหญ่ มันช่างสมกับเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เสียจริงๆ มีการเตรียมงานพร้อมฉับไว เธอเหลือบมองชายหนุ่มนิดๆ เขามองเหม่อไปที่อื่น ไม่ได้จ้องเธอตาถลนเหมือนช่วงเวลาเสี้ยววินาทีนั้น เธอจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มกำลังนั่งอมยิ้ม เมื่อเอกสารที่ถูกร่างมาเสียเยอะแยะนั่น มีบางข้อที่ถูกเติมเข้าไปด้วย กระดาษนับ10 แผ่น สีดาอ่านไม่ทันแน่ หากเขาจะรวบรัดตัดความให้สั้นลง “ผมเซ็นแล้วที่เหลือก็แค่คุณลงนาม...วานร ฉันมีประชุมอีกใช่ไหม?” ชายหนุ่มกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน จนสีดาผวาเธอกำลังอ่านเอกสารได้แค่2 หน้ากระดาษ ยังไม่ทันถึงไหนเลย “ครับ!!” เลขานุการหนุ่มรับคำงงๆ เจ้านายจะประชุมที่ไหน? กับใคร? ไม่เห็นรู้เรื่อง...แต่ด้วยสมองอันชาญฉลาดเขาจึงรีบรับลูกของเจ้านายที่โยนมาให้ทันที “อีก3 นาที ครับท่าน” “เร็วๆ นะคุณ ผมมีธุระ” ชายหนุ่มหันมาเร่งสีดาซ้ำ จนหญิงสาวไม่มีเวลาแม้แต่จะดูชื่อของผู้ที่ลงนามไว้ก่อนหน้า เธอรีบคว้าปากกามาตวัดเซ็นฉับ...บริษัทยักษ์ใหญ่แบบเบอร์นาร์ดเอกสารน่าจะรัดกุมพอตัว “ค่ะๆ เสร็จแล้วค่ะ ให้ดิฉันเก็บไว้ดูชุดหนึ่งใช่ไหมคะ?” “ไม่ต้องหรอก...ทางเราจะส่งไปให้เพชรนลินเลย...เธอแค่...ทำตามที่เราต้องการก็พอ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ รอยยิ้มแต้มมุมปากเพียงชั่วแว๊บ ก่อนจะจางหายไป “คะ?” สีดายังตามไม่ทัน เธอเริ่มฉุกใจ “3เดือนนับจากนี้ ‘เรา’ จะทำงานร่วมกันเพื่อโปรเจกต์นี้...” ทศกัณฐ์ย้ำคำว่าเราหนักๆ เมื่อหญิงสาวโสภาลงมือเซ็นสัญญา ขณะนี้สีดาเป็นของเขา 3 เดือน 3เดือนต่อไปนี้คือช่วงเวลาที่แสนหวาน เขาจะต้อนนางสีดาเข้ากรุงปารีสเก็บสะสมไว้ในคฤหาสน์เป็นตุ๊กตาดิ้นได้ “3 เดือนจากนี้ไป ฉันต้องอยู่ปารีสเหรอคะ? เพื่อ” เธอรีบย้อนถามเสียงหลง เริ่มนึกเสียใจที่อ่านเอกสารยังไม่ครบแต่กลับลงมือเซ็นสัญญาไปก่อนเสียแล้ว เธอข้ามใจความสำคัญอะไรไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ “ใช่แล้ว...3เดือนก่อนจะเปิดศักราชใหม่ของ ‘ชั้นในในฝันของผู้หญิง’ เราจะทำงานกันเป็นทีม ระหว่างคุณสีดากับผม...ทศกัณฐ์ เบอร์นาร์ด” ปลายนิ้วเรียวสวยชี้มาที่เธอ แล้วจึงวกกลับไปชี้ที่ตัวเอง พร้อมกับรอยยิ้มที่เธอมองเห็นแล้วสะท้อนวูบ เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองโง่!! โง่ปล่อยไก่ออกไปเป็นเล้า เมื่อมีผู้ชายที่ชื่อทศกัณฐ์อาศัยอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ แถมเขายังยืนยิ้มแผล่ตรงหน้า จะอะไรเสียอีกล่ะ ดันแนะนำตัวว่า... ตัวเอง...เป็นนางสีดาของทศกัณฐ์!! เสียนี่ เอาหน้าไปซุกตรงไหนดีล่ะคราวนี้ ...ยายจ๋า สีดาเจอยักษ์แล้วง่ะ...เอาไงล่ะทีนี้... ยักษ์บ้าอะไรก็ไม่รู้...ตาเจ้าชู้มากกว่าพระรามเสียอีก... สีดาทิ้งตัวนอนบนที่นอนนุ่มๆ ในที่พักของตัวเองหลังจากวานรจัดการหาให้...เธอย้ายมาพำนักในคอนโดหรูหนึ่งในที่พักของพนักงานของเบอร์นาร์ด เขาบอกเช่นนั้นและเธอก็ต้องเชื่อ ตื้ดๆ ... หญิงสาวสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมากดรับ เสียงร้องวี๊ดๆ ของเพชรนลินดังแทรกเข้าหู จนต้องเบือนหน้าห่างโทรศัพท์ เพราะกลัวแก้วหูจะแตก เนื่องจากเสียงแทรกที่ดังลอดผ่านลำโพงมา “สีดา เก่งม้ากกกก....พี่คิดไม่ผิดเลยที่ส่งเราไป” หญิงสาวยิ้มกร่อยๆ ก่อนจะกรอกเสียงถามกลับไป “พี่เพชรไม่ได้บอกสีดานะคะ ว่าเจ้าของเบอร์นาร์ดชื่อ ทศกัณฐ์!!” เธอหน้าชาวูบ ผิวแก้มร้อนซู่ ยังจำแววตาของเขาผู้นั้นได้ดี แม้จะไม่มีเงาของชายหนุ่มแถวนี้ เธอก็ยังรู้สึกถึงการมีตัวตนของเขาอยู่ในบริเวณใกล้เคียง “อุ้ย!! พี่ลืมบอกเหรอ เราไม่รู้เหรอไง? ว่าเจ้าของเบอร์นาร์ดชื่ออะไร สาวๆ ออกจะคลั่งไคล้เขาจะตายไป” “พี่เพชรก็รู้ สีดาไม่ใส่ใจแบรนด์นอก อย่างมากก็ดูแค่ผ่านๆ” เธอตอบกลับเสียงหงุดหงิด ก็เพราะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย มันทำให้เธอหน้าแหก หมอไม่รับเย็บอยู่นี่ไง ดันทะลึ่งแนะนำตัวแบบนั้น ป่านนี้หมอนั่นทึกทักไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้... “ชื่อเต็มๆ เขาชื่อทศกัณฐ์ เบอร์นาร์ด ลูกชายคนโตของมิสเตอร์อาร์มันโด้ เจ้าพ่อธุรกิจส่งออกเขามีลูกชายสองคน งานนี้สีดาจะเลือกใครล่ะ ระหว่าง ทศกัณฐ์ กับพระราม” เพชรนลินอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้าสีดา แต่หากให้เธอเลือก คงไม่พ้นทศกัณฐ์ เมื่อชายหนุ่มมีภาษีดีกว่าพระรามลูกชายคนรองเยอะแยะ ชายหนุ่มเดินด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่ได้อาศัยเงาของบิดาทำมาหากินเหมือนกับพระราม หากมีตามองจริงๆ จังๆ เธอเชื่อว่าสาวๆ สมัยนี้ล้วนแต่วิ่งใส่ทศกัณฐ์ แทบทั้งนั้น “พี่เพชร... มีพระรามอีกคนเหรอคะ? พระเจ้า!!” หญิงสาวครางเสียงหลง เธอยกมือขึ้นปิดหน้า หากเธอเจอหน้าทั้งสองคนจังๆ จะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากจะนึก ช่างเถอะก็แค่ชื่อ เธอจะหวั่นไหวทำไม? ถ้าใจไม่คิดตาม หญิงสาวผุดลุกจากที่นอน เมื่อเสียงท้องร้องครางเตือน เธอลืมอาหารมื้อค่ำ ลืมที่จะหาอะไรใส่ปากใส่ท้อง เมื่อมัวแต่กังวลกับสิ่งที่ผ่านไปเลยแล้ว และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้สักอย่าง เธอปล่อยไก่ออกไปทั้งฝูง จะไปต้อนจะไปจับกลับมาก็ไม่ทันเสียด้วยสิ “ไปหาอะไรกินรองท้องดีกว่า ไม่อย่างนั้นนอนไม่หลับ” โค้ตตัวใหญ่เธอคว้ามาสวมทับกับกระเป๋าใส่สตางค์ เดินท่อมๆ ออกมานอกห้องพัก สอดส่ายสายตามองหาร้านค้าข้างทางจนในที่สุดเธอก็หาเจอร้านอาหารเล็กๆ ในตรอกไม่ไกลจากคอนโดที่พักเท่าไร ราคาพอที่จะจ่ายได้ พาสต้ากล่อง0.6 ยูโร ราคาสบายกระเป๋า รสชาติคงต้องลองทานก่อนจึงจะให้คะแนนได้ หญิงสาวจึงเดินยิ้มหน้าบานกลับห้องพักได้ ไม่ได้สนใจรอบตัวสักนิดว่ามีใครบางคนจ้องมองอยู่ด้วยสายตาไม่ประสงค์ดี!! กว่าจะทันได้รู้สึกตัว กระเป๋าใส่สตางค์ในมือก็โดนมือดีฉกเอาไปหน้าตาเฉย มันกระชากไปอย่างเร็ว จนสีดายื้อไว้ไม่ทัน ได้แต่วิ่งไล่ พร้อมทั้งตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ “Help me!! Bandit!!” อารามตกใจ สีดาตะโกนย้ำๆ ผู้คนรอบตัวหันมาให้ความสนใจ แต่ไม่มีใครสักคนยื่นมือเข้าช่วย ยกเว้นผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนราวริมถนน เขาสอดปลายเท้าขัดขาของไอ้โจรร้าย ช่วงที่มันวิ่งผ่านหน้าพอดี ชายผู้นั้นล้มคว่ำกลิ้งหลุนๆ กระเป๋าสตางค์หลุดจากมือ และเมื่อตั้งตัวคิด ชายผอมโซวิ่งแน่บ ไม่สนใจย้อนกลับมาคว้ากระเป๋าใส่สตางค์ที่อุตส่าห์ฉกมาได้ เพราะคนเริ่มหันมาสนใจมากขึ้น มันกลัวว่าจะหนีไม่ทัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD