บทที่ 2
ณ สนามบินคาตาเนียบนเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี
นาราภัทรถอนหายใจยาว เมื่อลงจากเครื่องบินมาเหยียบแผ่นดินของเกาะซิซิลีได้ในที่สุด ในตอนแรกนั้นเธอคิดว่าต้องไปพบกับคู่หมั้นของพี่สาวที่มิลาน หรือที่ไหนสักแห่งของเมืองใหญ่ๆ ในประเทศอิตาลี หญิงสาวไม่นึกว่าจะต้องเดินทางมายังเกาะซิซิลี ซึ่งเธอแทบจะไม่รู้จักเอาซะเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมายังที่แห่งนี้
“พี่เพิร์ลไปเรียนที่มิลาน แต่ทำไมถึงรู้จักและหมั้นกับนายคนนี้ได้นะ”
นาราภัทรบ่นกับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าจะต้องถ่อสังขารนั่งเครื่องบินจากประเทศไทยนานนับสิบๆ ชั่วโมงมาไกลถึงที่นี่ และนอกจากจะต้องทรมานกับการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานๆ แล้ว ก่อนจะเดินทางมายังเกาะซิซิลี เธอถูกผู้อำนวยการโรงเรียนตำหนิจนหูชา ที่จู่ๆ ก็ลางานอย่างกะทันหัน
‘พอไปถึงสนามบินคาตาเนียแล้ว นาราเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ ซึ่งแท็กซี่ทุกคันรู้จักที่นี่ดี’
นาราภัทรนึกถึงคำพูดของพี่สาวที่บอกกับเธอเมื่อตอนมาส่งขึ้นเครื่องบิน หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อม ตรงไปยังจุดเรียกรถแท็กซี่ ซึ่งมีนับสิบๆ คันรอให้บริการ
หญิงสาวเลือกเดินทางไปยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์เป็นอันดับแรก แทนการหาโรงแรมที่พัก เผื่อว่าหากการทำหน้าที่ส่งจดหมายและแหวนหมั้นเป็นไปอย่างราบรื่น นายริคคาร์โด้ยอมรับฟังเหตุผลและรับแหวนหมั้นคืนอย่างง่ายดาย เธอก็จะได้เดินทางกลับมายังสนามบินคาตาเนีย และบินกลับประเทศไทยทันที
“อัลซาโค้ร์...คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ หวังว่าเราจะออกเสียงถูกต้อง และแท็กซี่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้นะ”
เจ้าของใบหน้างดงามบอกกับตนเอง ขณะเดินตรงไปยังแท็กซี่คันแรกที่มีคิวรับลูกค้ารายต่อไปคือเธอ พร้อมกับออกเสียงเรียกชื่อคฤหาสน์แห่งนี้
“อัลซาโค้ร์ ไปคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ด้วยค่ะ”
นาราภัทรบอกกับคนขับแท็กซี่ จากนั้นก็เปิดประตูรถ และกำลังจะเข้าไปนั่งด้านหลังรถ แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำปฏิเสธห้วนๆ จากคนขับ
“ไม่ไป”
ร่างบางชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ก่อนจะหันมาถามแท็กซี่อย่างงุนงง
“อะไรนะคะ ไม่ไปหรือคะ”
“ใช่ ไม่ไป” คนขับแท็กซี่ตอบเสียงห้วนๆ อีกครั้ง
นาราภัทรไม่แน่ใจว่าเธอออกสำเนียงเรียกชื่อคฤหาสน์ที่ว่าด้วยสำเนียงผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า แท็กซี่คันนี้จึงไม่ยอมไปส่งเธอ เพราะเท่าที่ทราบมา แท็กซี่ในต่างประเทศไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธผู้โดยสาร
“ฉันจะไปที่คฤหาสน์ อัล...ซาโค้ร์ ของริคคาร์โด้ ไปส่งฉันที่นี่ด้วยค่ะ”
คราวนี้นาราภัทรออกเสียงเรียกชื่อคฤหาสน์และชื่อเจ้าของคฤหาสน์อย่างช้าๆ และเน้นคำ เผื่อว่าคนขับจะฟังออกได้อย่างชัดเจน และขณะเรียกชื่อของเจ้าของคฤหาสน์ หญิงสาวไม่ได้สังเกตเลยว่าคนขับแท็กซี่มีสีหน้าถอดสี เผยอาการหวาดกลัวให้เห็น
“ไม่ไป ได้ยินไหมว่าไม่ไป”
เป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับนาราภัทร ไม่ใช่แค่ปฏิเสธแต่ปากเท่านั้น เขายังเดินหนีไปรับผู้โดยสารคนอื่นแทนด้วย
“บ้าจริงๆ แท็กซี่ที่นี่ปฏิเสธผู้โดยสารได้ด้วยหรือ”
ถ้าอยู่ในประเทศไทย นาราภัทรเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่นึกว่าจะถูกแท็กซี่ที่นี่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร
“ไม่ไปส่ง ก็ไม่ง้อ”
นาราภัทรสะบัดหน้าใส่คนขับ ก่อนจะเดินไปหาคันอื่นแทน ทว่าพอเดินไปถึงแท็กซี่คันที่อยู่ถัดไป หญิงสาวไม่ทันได้บอกว่าให้ไปส่งที่ไหน ก็ถูกปฏิเสธในทันที
“อัลซาโค้ร์ ผมไม่ไป”
คนขับอีกคันซึ่งได้ยินนาราภัทรคุยกับแท็กซี่คันแรก ชิงปฏิเสธก่อนที่ผู้โดยสารสาวจะบอกให้ไปส่งยังที่หมาย
“อะไรกัน ทำไมถึงปฏิเสธผู้โดยสารอีกแล้ว” นาราภัทรเริ่มบ่นด้วยความโมโห ใบหน้างดงามบูดบึ้งทันที
เมื่อแท็กซี่คันที่สองไม่ยอมไปส่งยังที่หมาย นาราภัทรก็ลากกระเป๋าไปหาแท็กซี่คันต่อไป แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมไปส่งเธอยังคฤหาสน์...อัลซาโค้ร์
ทั้งหิว ทั้งเหนื่อยจากการนั่งเครื่องนานเป็นสิบๆ ชั่วโมง คิดว่าจะได้เดินทางต่อไปยังคฤหาสน์ของผู้ชายที่ชื่อริคคาร์โด้ง่ายๆ แต่พอถูกปฏิเสธคันแล้วคันเล่า นาราภัทรก็เริ่มหงุดหงิดระคนอารมณ์เสีย
“บ้าจริงๆ ทำไมไม่มีใครไปส่งที่บ้านของนายริคคาโด้ร์ ไอ้คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ มันเป็นคฤหาสน์ผีสิงหรือยังไง ถึงไม่มีมนุษย์หน้าไหนไปส่งฉัน”
และคำบ่นแกมพรุสวาทของนาราภัทร ก็ทำให้ผู้ชายหล่อเหลาในชุดสูทสีดำสนิท ใส่แว่นตาดำ ซึ่งยืนเฝ้ามองเธออยู่นานแล้ว ตั้งแต่ได้ยินว่าให้แท็กซี่ไปส่งยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ ถึงกับหัวเราะฮึๆ อยู่ในลำคอด้วยความขบขำที่หญิงสาวเข้าใจตั้งฉายาให้กับคฤหาสน์ราคาร้อยล้านของตระกูลอัลซาโค้ร์ ว่าเป็นคฤหาสน์ผีสิง!
เสียงหัวเราะที่ดังอยู่ข้างหลัง เรียกให้นาราภัทรหันขวับไปมองในทันที เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเยาะหยันเธออย่างแน่นอน จึงตวาดแว้ดใส่อย่างไม่นึกเกรงกลัว
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ”
มาคอส อัลซาโค้ร์ ยักไหล่ ทำหน้ายียวนใส่หญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะตอบกวนๆ ด้วยน้ำเสียงยียวนกลับไป “ก็หัวเราะคุณ ที่ไม่มีใครยอมไปส่งยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์”
“มันน่าหัวเราะตรงไหน กับอีแค่ไม่มีใครยอมไปส่งที่คฤหาสน์ผีสิงนั่น”
มาคอสแทบสำลักกับคำพูดในตอนท้ายของหญิงสาว ที่บังอาจเรียกคฤหาสน์ของตระกูลอย่างเสียหาย แต่ถึงแม้หญิงสาวนัยน์ตากลมโตจะเรียกคฤหาสน์ของตระกูลอัลซาโค้ร์ว่าอย่างไร เขาก็ไม่นึกโกรธ เพราะกำลังให้ความสนใจและอยากรู้ว่าหญิงสาวคนนี้จะไปที่คฤหาสน์ของพวกเขาทำไม
และเพราะได้ยินเธอผู้นี้พูดถึงการเดินทางไปยังคฤหาสน์ ทำให้เขาต้องอยู่เฝ้าดูด้วยความสนใจ
“จริงๆ ก็ไม่น่าหัวเราะสักเท่าไรหรอก ที่ไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมไปส่งคุณ จะว่าไปผมสงสารคุณซะมากกว่า เพราะเท่าที่ผมยืนดูอยู่ รู้สึกว่าคุณจะเรียกแท็กซี่สิบคันได้แล้วมั้ง”