“เมียน้อย!” นาราภัทรเบิกตาโตเป็นไข่ห่าน พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น “หมายความว่านายริคคาโด้ร์มีเมียอยู่แล้ว”
“ใช่จ้ะนารา เขามีเมียมีลูกแล้ว แต่ยังต้องการให้พี่ไปเป็นเมียน้อยของเขาอีก”
“เลวที่สุด” นาราภัทรด่าออกมาอย่างเหลืออด
“พี่ปฏิเสธไป แต่เขาขู่ว่าถ้าไม่ไปอิตาลี เขาจะตามมาลากตัวพี่ถึงเมืองไทย แล้วตอนนี้พี่กำลังท้องอยู่ พี่จะทำตามที่เขาต้องการไม่ได้ พี่ไม่น่ารับหมั้นริคคาร์โด้เลย...”
หยาดน้ำตาอุ่นไหลเป็นทางยาวหลังจากเจ้าตัวพูดจบ แถมยังสะอื้นฮักจนตัวสั่นโยน นาราภัทรเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปสวมกอดพี่สาวไว้แน่น
“พี่เพิร์ล อย่าร้องไห้เลยนะคะ เราแก้ไขเรื่องการหมั้นไม่ได้แล้ว เรามาช่วยกันหาวิธีแก้ไขปัญหาที่กำลังจะตามมาดีกว่านะคะ”
นาราภัทรปลอบพี่สาว ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองกำลังเป็นไปตามเกมส์ที่ผู้เป็นพี่ต้องการมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
“นาราคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพี่ได้ นาราต้องช่วยพี่นะ ไม่เช่นนั้น พี่กับลูกในท้องจะต้องถูกฆ่าตายแน่นอน นาราคงไม่ปล่อยให้พี่กับหลานแท้ๆ ของนาราต้องถูกฆ่าตายก่อนจะมีโอกาสได้ลืมตาดูโลกนะ” นิลนาราขอร้องระคนวิงวอนน้องสาวผ่านทั้งถ้อยคำและแววตาที่นองไปด้วยหยาดหยดใส
นาราภัทรพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะรับคำ ทำให้นิลนาราลอบยิ้มอยู่ในใจ “นาราจะช่วยพี่เพิร์ลเองคะ จะให้นาราทำยังไง พี่เพิร์ลบอกนารามาสิคะ”
นิลนาราเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารสีขาวซึ่งปิดผนึกเรียบร้อย ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา จากนั้นก็ยื่นให้น้องสาว
“พี่เขียนจดหมายถึงริคคาร์โด้ เล่าถึงความจำเป็นที่พี่ไม่สามารถทำตามที่เขาต้องการได้ พี่อยากให้นาราเอาจดหมายและแหวนหมั้นวงนี้ไปคืนให้กับริคคาร์โด้ด้วย”
ทั้งจดหมายและแหวนเพชรวงงามราคาไม่ต่ำกว่าสามล้านถูกยัดเข้ามาในมือของนาราภัทร เท่านั้นยังไม่พอ ผู้เป็นพี่สาวยังสวมกอดน้องสาวไว้แน่น ขณะเอ่ยบอกต่อให้นาราภัทรต้องตกใจอีกครั้ง
“นาราต้องบินไปอิตาลีพรุ่งนี้ เครื่องออกตอนห้าทุ่มนะจ้ะ”
นาราภัทรดันตัวพี่สาวออกห่าง พร้อมกับถามเสียงหลง “อะไรนะคะ ไปอิตาลีพรุ่งนี้?”
“ใช่จ้ะ นาราต้องไปอิตาลีพรุ่งนี้” นิลนาราย้ำคำอีกครั้ง
“จะไปได้ยังไงคะ นารายังไม่มีตั๋วเครื่องบินเลยนะคะ” นาราภัทรค้านออกมา โดยไม่รู้เลยว่าพี่สาวเตรียมทุกอย่างไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว
“พี่จองตั๋วเครื่องบินไว้ให้นาราแล้วจ้ะ และพี่รู้ด้วยว่าวีซ่ากับพาสปอร์ตของนารายังไม่หมดอายุ นาราสามารถบินไปอิตาลีในวันพรุ่งนี้ได้เลยจ้ะ”
นิลนารารู้ว่าน้องสาวต้องหาเหตุผลมาอ้าง เธอจึงรีบดักคอดักน้องสาวไว้ทุกทิศทาง ยังไงๆ ก็ต้องให้น้องสาวเป็นตัวแทนนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งถึงมือริคคาร์โด้ให้จงได้
พอถูกนิลนาราดักทางไว้หมดแล้ว นาราภัทรก็ได้แต่อ้ำอึ้ง เอ่ยบอกเหตุผลกับพี่สาวไม่เต็มเสียงนัก “แต่...แต่...นารามีสอนนะคะพี่เพิร์ล”
“ก็ลาซะสิ... นาราสอนโรงเรียนเอกชน สามารถลางานได้ง่ายจะตายไป ยังไงๆ ทางโรงเรียนก็หาครูคนอื่นมาสอนแทนได้อยู่แล้ว”
“แต่...แต่...”
นาราภัทรเริ่มรู้สึกไม่อยากทำตามที่รับปากกับพี่สาวไป เพราะในตอนแรกเธอไม่นึกว่าจะต้องช่วยพี่สาวด้วยวิธีนี้ และไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่าต้องเดินทางไปยังดินแดนอัซซูรีในวันพรุ่งนี้
เมื่อน้องสาวเกิดอาการลังเล ทำท่าจะปฏิเสธในการส่งจดหมาย นิลนาราจึงงัดไพ่ใบสุดท้ายมาใช้ ซึ่งเธอเชื่อว่าจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน
“ถ้านาราลำบากใจ ไม่อยากช่วยพี่ก็ไม่เป็นไร พี่จะหอบลูกในท้องทนนั่งบนเครื่องบินแคบๆ บินไปอีกซีกโลกนึงเพื่อไปหาริคคาโด้ร์เอง แม้จะแพ้ท้องมากแค่ไหนพี่ก็ยอมทำ เพราะพี่ไม่ยอมตกเป็นเมียน้อยของเขาอย่างแน่นอน”
ขณะคร่ำครวญบอกน้องสาวเสียงสั่นเครือ มือเล็กก็เอื้อมไปคว้าซองจดหมายกับแหวนเพชรคืนมาจากน้องสาว ทว่านาราภัทรรีบดึงมือหนีเสียก่อน
“ก็ได้ค่ะ นาราจะไปอิตาลีเอง พี่เพิร์ลไม่ต้องไปหรอก กำลังแพ้ท้องอยู่ด้วย เดินทางไกลคนเดียวจะเป็นอันตรายได้”
ประโยคนั้นทำเอานิลนาราคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ โผเข้าไปสวมกอดน้องสาวไว้แน่น โดยไม่ลืมรำพันขอบคุณน้องสาวด้วย
“ขอบใจนารามากนะจ้ะ ที่ยอมทำเพื่อพี่ ถ้าไม่มีนารา พี่ต้องตายแน่ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อพี่เพิร์ล นาราทำได้ทุกอย่างค่ะ” นาราภัทรสวมกอดพี่สาวไว้แน่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดันตัวออกช้าๆ แล้วบอกเสียงเบาๆ “นาราขอไปเตรียมเอกสารการเดินทาง และก็จัดกระเป๋าก่อนนะคะ”
“ให้พี่ไปช่วยจัดกระเป๋าไหมจ๊ะ” นิลนาราอาสาช่วยน้องสาว ตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ดีเพราะมีคนทำหน้าที่ส่งจดหมายให้กับตนแล้ว
นาราภัทรลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกคะ นาราจัดกระเป๋าเองได้ พี่เพิร์ลไปพักผ่อนเถอะนะค่ะ พี่เพิร์ลยังดูเพลียๆ อยู่เลย” จากนั้นหญิงสาวก็หันไปมองทางมารดา พร้อมกับบอกท่านอีกคน
“คุณแม่ก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของพี่เพิร์ลนะคะ นาราจะเป็นคนแก้ไขสถานการณ์นี้เองค่ะ”
“จ้ะลูก” คุณกุลธรารับคำ โดยไม่ได้มองสบตากับลูกสาวคนเล็ก
“นาราขอตัวก่อนนะคะ” นาราภัทรยิ้มให้มารดาและพี่สาวอีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
และพอเข้ามาถึงในห้อง หญิงสาวก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ กับการที่จะต้องเดินทางไปประเทศอิตาลี แต่เมื่อรับปากพี่สาวไว้แล้ว ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ และถึงตอนนี้ก็พึ่งคิดได้ว่าตนเองลืมถามพี่สาวเกี่ยวกับเรื่องการตั้งครรภ์ไปสนิทใจ ลืมถามว่าใครคือพ่อของเด็ก และลืมถามแม้กระทั่งว่าพี่สาวของเธอตั้งครรภ์กี่เดือนแล้ว!