เมื่ออัสดงโรยตัวลงมาโอบล้อมไร่ไม้ดอกไม้ประดับที่ดอกใบเบ่งบานอวดสีสวยแข่งกันทำให้สวนมัทนารีดูเหมือนสวรรค์เล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยเนินเขาและทุ่งหญ้าในเทพนิยาย
ร่างบอบบางของสาววัย 18 ในชุดกระโปรงผ้าชีฟองสีหวานนั่งสงบนิ่งภายในห้องรับแขกของบ้านทรงไทยซึ่งมองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นทัศนียภาพของสวนไม้ดอกไม้ประดับส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในกาญจนบุรี
เจ้าของดวงหน้ารูปไข่ซึ่งดวงตากลมโตคู่นั้นมองไปรอบ ๆ ห้องรับแขกที่ประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ในโทนสีเข้มขรึมถอนหายใจเบา ๆ หลายครั้ง วงหน้าสวยใต้กรอบเรือนผมเคลือบสีน้ำตาลแวววาวเหลือบมองไปที่ประตูทางเข้าและเม้มปากเคลือบกลอสสีชมพูจิ้มลิ้มราวกับเธอกำลังรอคอย
คัทลียามาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย ไร่มัทนารีที่เธอได้ยินกิตติศัพท์ว่าเป็นที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับส่งออกต่างประเทศ ซึ่งมันก็เป็นจริงดังว่า สาวสวยวัยสิบแปดหลงใหลสถานที่นี้ทันทีที่ได้เห็น
แต่ลึก ๆ แล้วเธอกลับรู้สึกหดหู่ เธอต้องมาที่นี่ตามคำสั่งของมารดาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวหลังจากที่บิดาเสียชีวิตด้วยโรคร้ายไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้า
"หนูนิด...ลูกต้องไปอยู่กับคุณอาไกรสูรย์ที่ไร่มันทนารีนะจ๊ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อเพียงคนเดียวตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ตอนที่คุณพ่อป่วยหนักท่านได้กำชับเพื่อนของท่านคนนี้ว่าให้ช่วยดูแลลูกด้วย เขารับปากว่าจะช่วยเหลือและดูแลหนูนิดอย่างดี ไม่ใช่ว่าที่แม่ให้หนูนิดไปอยู่กับเขาเพราะแม่ไม่รักลูก แต่ตอนนี้เราประสบปัญหาการเงินและแม่ก็อยากสะสางปัญหาทุกอย่างให้เสร็จลุล่วงไปก่อน แม่อยากให้ลูกไปอยู่กับคุณอาไกรสูรย์สักพัก หลังจากนี้แม่จะไปรับลูกกลับนะจ๊ะ”
คำอธิบายของมารดายังดังอยู่ในความคิดของหญิงสาว คัทลียาเข้าใจว่าเธอต้องพบกับอุปสรรคใหญ่เมื่อบิดาซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวเสียชีวิตลง และเท่าที่รู้คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคือคุณอาไกรสูรย์ซึ่งเธอเคยรู้จักแต่ไม่เคยพูดคุยกับเขาสักครั้ง มารดาบอกว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับส่งออกแต่ชอบเก็บตัวไม่ค่อยออกสังคม
“ไง...มาถึงนานแล้วหรือ?”
เสียงทุ้มห้าวทำให้หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ในท่าที่เริ่มกระสับกระส่ายหันไปมองเจ้าของเสียงซึ่งยืนอยู่ที่ประตู คัทลียาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสีเข้มก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า เจ้าของใบหน้าคมเข้มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ
“ขอโทษนะที่มาช้า พอดีฉันติดธุระในเมืองเลยกลับมาถึงไร่เกือบค่ำ ยินดีต้อนรับสู่ไร่มัทนารี เอ้อ...”
“คัทลียาค่ะ เรียกหนูนิดก็ได้ค่ะ...เอ้อ...”
“ไกรสูรย์...อาไกรสูรย์เพื่อนสนิทของพ่อเธอ หนูนิด”
หญิงสาวยกมือไหว้พลางยิ้มเจื่อน ๆ เธอไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าเช่นไร ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่สาวน้อยวัยสะพรั่งรู้สึกประหลาดใจที่ คุณอาไกรสูรย์ ในมโนนึกของเธอนั้นตรงข้ามกับที่เธอเคยฝันถึงแทบทุกอย่าง
สิ่งที่เหมือนในฝันนั้นคือเขาตัวโตจนดูไม่เหมือนชายไทย ทั้งหน้าตาคมคายเข้มขรึม หล่อเหลาจนหญิงสาวไม่อยากเชื่อว่าเขาจะอายุใกล้เลขสี่ เรือนร่างกำยำของเขาเสริมบุคลิกดูสมเป็นชายชาตรี ดูดีจนไม่อยากเชื่อว่าเธอต้องเรียกเขาว่า คุณอา
แต่สิ่งที่ตรงข้ามกับความฝันคือใบหน้าเฉยชาปราศจากรอยยิ้ม เสียงของเขาก็กร้าวกระด้างมากกว่าที่เธอเคยได้ยินในหู ใช่ซี...นั่นมันความฝัน ที่มีเธอคนเดียวเท่านั้นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในขณะที่เด็กสาวกำลังคิดถึงเรื่องของตัวเอง ไกรสูรย์ก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม สีหน้าของเขายังเคร่งขรึมขณะมองหน้าเด็กสาวผู้มาใหม่ ใช่...เขารับปากกับพ่อของคัทลียาก่อนเสียชีวิตว่าจะรับเธอมาดูแลเป็นเด็กในปกครองและเขาก็ไม่บิดพลิ้วคำมั่นนั้นจริง ๆ
ไกรสูรย์ เอ็ม. แซ็กเคอร์วิตซ์ หนุ่มชาวไทยที่ครึ่งหนึ่งในตัวเขามีเชื้อสายอเมริกัน ใบหน้าเข้มคมหล่อจัดและเรือนร่างกำยำสูงใหญ่ เขาเป็นเจ้าของไร่มัทนารีซึ่งเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นผู้ค้าไม้ดอกไม้ประดับส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ
ไกรสูรย์รู้จักและสนิทกับบรรพต บิดาของคัทลียาซึ่งจริง ๆ แล้วมีอายุแก่กว่าเขาเกือบหนึ่งรอบ เขานับถือบรรพตในฐานะพี่ชายแต่บรรพตมักบอกใครต่อใครว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันที่สุด
กระทั่งบรรพตล้มป่วยลงด้วยโรคร้าย ดูเหมือนเขาจะคาดเดาอนาคตตัวเองได้จึงขอร้องไกรสูรย์ก่อนเสียชีวิต เขาอยากให้ไกรสูรย์ช่วยดูแลคัทลียาลูกสาวคนเดียวของเขาซึ่งวันนี้ไกรสูรย์เคยเห็นเธอตั้งแต่อายุสิบห้า จนตอนนี้เธออายุสิบแปดย่างสิบเก้า เขายอมรับกับตัวเองอย่างหนึ่งว่า คัทลียาสวยขึ้นมากและเป็นสาวสะพรั่งจนเขาตกตะลึงงันเมื่อได้เห็นครั้งแรก
“คุณอาไกรสูรย์คะ แม่บอกว่าถ้าแม่สะสางปัญหาที่บ้านเรียบร้อยแล้ว แม่จะมารับหนูนิดกลับค่ะ...เอ้อ...หนูนิดคงจะรบกวนคุณอาไม่นาน”
คัทลียาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ แต่คำพูดนั้นทำให้คนฟังมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“มันไม่ได้เป็นการรบกวนอะไร” น้ำเสียงนั้นเริ่มเครียด “ในเมื่อฉันรับปากกับพ่อของเธอแล้วฉันก็จะทำตามอย่างที่พูด”
ก็แค่ทำตามสัญญา แต่เขาอาจไม่ได้เต็มใจอย่างที่ว่า ก็ดูสีหน้าเข้มขรึมนั่นเสียก่อนซึ่งมันต่างจากในความฝันโดยสิ้นเชิง
“แต่ว่า...”
“ถ้าเธอมาอยู่ในไร่นี้แล้วเธอต้องทำตามกฎกติกาของที่นี่ ตอนนี้เธอเป็นเด็กในปกครองของฉัน เพราะฉะนั้นเสียงของผู้ปกครองจึงสำคัญที่สุดสำหรับเธอ”
คัทลียาถึงกับอึ้งไป เธอมองหน้าเขา...หล่อแค่ไหนแต่ถ้าชอบวางอำนาจก็ไม่ไหวเหมือนกัน เด็กสาวจำต้องตามน้ำ เธอไม่แสดงความเห็นใด ๆ อีกนอกจากฟังคำสั่งของเขา
“เดี๋ยวเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บ ฉันให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้เธอแล้ว เธอหิวหรือยัง หนูนิด?”
“ไม่ค่ะ...หนูนิดกินมาแล้ว” เธอตอบไม่เต็มเสียงและดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง ไกรสูรย์ปรับสีหน้าให้เครียดลงเล็กน้อย เขาก็มักเป็นเช่นนี้ เป็นที่รู้ดีของคนทั้งไร่ว่าเขามักไม่ค่อยพูดล้อเล่นกับใคร ออกจะจริงจังมากเกินไปจนบางครั้งดูเป็นคนแข็ง ๆ