ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แอ๊ดดดดด!
ป้านวลเปิดประตูเข้ามาในห้อง คนตัวโตปรือตาตื่นขึ้นมาอย่างลำบาก เมื่อคืนเขาโคตรมีความสุข เขาฝันว่าได้ร่วมรักกับภรรยาสุดที่รักเกือบทั้งคืน แต่แปลกที่อาการป่วยเขากลับดีขึ้น
“กี่โมงแล้วครับป้า” ถามออกไปทั้งที่ยังไม่ยอมลุกจากเตียงแต่รู้ว่าแดดเริ่มจ้ามากแล้ว
“เกือบสิบโมงแล้วค่ะ” พลางตอบคำถามพลางเดินไปเก็บขวดเหล้า
“เมื่อคืนเข้ามาดื่มอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“อืม”
“เมาแล้วก็เลยไม่ได้ดื่มนมที่คุณขิมเอาเข้ามาให้สินะคะ”
“นม?”
“ค่ะ”
“ขิม?” ร่างใหญ่ยังงงกับตัวเอง กัลยาเอานมเข้ามาให้เขาอย่างนั้นหรือ
“ค่ะ”
สิ้นเสียงเขาค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งเหยียดขาจนผ้าห่มเลื่อนมากองอยู่บริเวณหน้าท้อง เปลือยอกแน่นหนั่นอวดสายตาแม่บ้าน
“อุ้ย! คุณหมอกนอนถอดเสื้อทำไมคะ เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมหรอกค่ะ ยิ่งไม่สบายอยู่นะคะ” ไม่พูดเปล่าก้มลงเก็บเสื้อยืดของเขาที่ทิ้งไว้บนพื้นแล้วหยิบใส่ตะกร้า ป้านวลค่อนข้างแปลกใจเพราะไม่ชินกับการที่เจ้านายนอนถอดเสื้อ ปกติเขาเป็นคนหวงเนื้อหวงตัวไม่ยอมให้ใครเห็นกล้ามได้ง่าย ๆ
ได้ยินป้านวลพูดแบบนั้นสายตาพลันก้มลงมองตัวเอง ดึงผ้าห่มขึ้นหลุบตาต่ำมองท่อนล่างส่วนที่อยู่ใต้ผ้าห่มเพราะรู้สึกเหมือนน้องชายจะโล่ง ๆ ยังไงชอบกล
“เฮ้ย!” เห็นสภาพตัวเองแล้วก็ตกใจ ไม่ได้เปลือยแค่ท่อนบน ท่อนล่างก็ไม่เหลือสักชิ้น
“ตกใจอะไรคะ ลุกค่ะป้าจะเอาผ้าปูไปซักให้ ได้เวลาเปลี่ยนผ้าปูแล้วค่ะ” ป้านวลกำลังดึงผ้าปูที่นอนออกจากมุมหนึ่งของปลายเตียง สายตาม่านหมอกก็เหลือบไปเห็นรอยเลือดเป็นวงเล็กอยู่บนผ้าปูสีขาวนวล
“อย่าครับป้า!” ร้องขึ้นเสียงดัง ใช้มือตะครุบแล้วดึงผ้าปูที่นอนและผ้าห่มไว้จนสุดแรง ท่าทางเขาตกใจจนใบหน้าซีดเผือด
“ทำไมล่ะคะ”
“ขิมล่ะครับ” เขาไม่ตอบแต่กลับถามหาหญิงสาวด้วยความร้อนใจ
“น่าจะยังไม่ตื่นค่ะ ป้ายังไม่ได้เข้าไปดูที่ห้องเลยค่ะ”
“เมื่อคืนป้าบอกว่าขิมเอานมเข้ามาให้ผมอย่างงั้นหรือครับ”
“ใช่ค่ะ อย่าบอกว่าคุณหมอกหลับไปแล้วนะคะ” ได้ฟังคำตอบถึงกับต้องกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคอ
“เอ่อ…น่าจะใช่ครับ” มือหนาสองข้างยกขึ้นดึงทึ้งผมตัวเองแล้วเลื่อนลงมาถูหน้าตัวเองแรงๆ
“โอยยยย! ทำอะไรลงไปวะเนี่ย” ขบกรามแน่นแล้วพึมพำออกมา รู้สึกหัวหนักอึ้งจนคิดอะไรไม่ออก
“คุณหมอกปวดหัวเหรอคะ ลุกมาทานข้าวทานยาหน่อยดีไหมคะ คุณหมอกยังไม่ได้ทานยาตั้งแต่เมื่อวานเลยนะคะ เมื่อววานคุณดื่มเหล้าหนัก คุณขิมก็เลยสั่งห้ามป้าว่าไม่ต้องเอายาให้คุณหมอกทานค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับป้า ป้าออกไปก่อนนะครับ ผมอยากอยู่คนเดียว” พูดเสียงเครียดมาก ในใจเริ่มร้อนรน
“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าค่อยเข้ามาเอาผ้าปูไปซักนะคะ”
ป้านวลพูดจบก็เดินออกไป ภาพหญิงสาวที่วาจาช่างออดอ้อนก็ผุดขึ้นมา
‘ไม่ดีใจที่ขิมมาหาเหรอคะ’
‘ดีใจสิ ดีใจมากด้วย’
‘ดีใจก็ต้องเลิกดื่มเหล้าด้วยค่ะ ไม่งั้นขิมจะกลับคอนโดแล้วนะคะ’
“ขิม!”
ม่านหมอกลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงสวมกางเกงและเสื้อคลุมแล้วรีบตรงไปยังห้องที่เธอนอน เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง
เคาะห้องแล้วก็เปิดเข้าไปทันที หวังว่าเธอจะยังอยู่
“ขิม!” เขาเรียกชื่อเธอ แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า มีชุดนอนวางอยู่บนเตียงนอน ใช่ มันคือชุดที่มธุสรสวมไปหาเขาเมื่อคืนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ
“ขิมลูกพ่อ” ไม่สิ เขาคงใช้คำนี้กับเธอไม่ได้อีกแล้ว
กลับมาถึงห้องแล้วรีบกดโทรศัพท์หาเพื่อน
“ว่า…หายดีแล้วเหรอ” หรรษธรรับสาย
“ฉันขอเบอร์ขิมหน่อยสิ” ก่อนหน้านี้เคยเรียกกันกูมึงพออายุมากขึ้นจึงเริ่มเปลี่ยนสรรพนามกันใหม่
“เบอร์ขิม? แกจะเอาไปทำไร”
“เหอะน่า ขิมลืมของไว้ที่ห้องฉัน...เอ้ย บ้านฉันน่ะ ฉันจะเอาไปให้”
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ฝากไว้ก่อน เพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงขิมก็จะมาถึงบ้านละ”
“แกว่าไงนะ นี่ขิมกลับบ้านเหรอ”
“อือ ทีแรกบอกอีกสองสามวันถึงจะกลับ แต่เมื่อเช้าอยู่ดี ๆ ก็บอกว่าอยู่สนามบินละ กำลังรอขึ้นเครื่อง”
“โธ่ขิม!”
“ว่าไรนะ ไม่ค่อยได้ยินเลย”
“ปะ เปล่า แค่นี้ก่อนนะ”