สระว่ายน้ำในร่มศูนย์กีฬามหาวิทยาลัย
ร่างเดิมคงจะมีปฏิสัมพันธ์ไปทั่วตั้งแต่ลุง รปภ. ป้าแม่บ้าน พี่เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด เพื่อนต่างคณะที่เป็นนักว่ายน้ำ รวมถึงคนนอกที่แวะมาทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ
จะบ้าตายรายวันกับนิสัย Extrovert ระดับแพลตตินั่มของนายคนนี้
‘ไอ้ลูกเจี๊ยบรู้จักเขาไปทั่วเลยเหรอวะ ไอ้พวกมนุษย์ก็ทักข้าไม่หยุดเลยเว้ย’ กริมริปเปอร์ผู้เย็นชาในร่างธามไทมาที่นี่เป็นครั้งแรกต้องปั้นหน้ายิ้มอยู่ตลอดเวลาทั้งที่ไม่อยากคุยกับใคร
พอมุดลงไปใต้น้ำเย็นเฉียบก็จ๊ะเอ๋กับวิญญาณสิงสู่อีกหลายตน เอาเข้าจริง…สถานที่นี้กลิ่นสาบอมนุษย์อบอวลไม่แพ้สุสานหรือโรงพยาบาลเลยโดยเฉพาะสระหมายเลข 13 ที่กั้นฉากแล้วล้อมรั้วแบบลวก ๆ ไว้ โดยมีป้ายกำกับไว้ชัดเจนว่าใช้ฝึกดำน้ำหรือไม่ก็ซ้อมกระโดดน้ำเท่านั้น
ซึ่งมันก็แค่คำเตือนให้มนุษย์ออกให้ห่าง
มันต้องเฮี้ยนขนาดไหนเทพารักษ์อย่างเจ้าแม่ต้นไทรถึงยังไม่อยากเฉียดเข้าใกล้ ทว่าเจ๋งมาจากไหน…เจอยมทูตเปล่งเปลวเพลิงแห่งโลกันต์เข้าหน่อยก็หางจุกตูดทุกตน
“ไว้แอบไปนั่งแช่เท้าเล่นดีกว่า” ผู้ชื่นชอบเลข 13 เป็นชีวิตจิตใจก้าวออกจากห้องอาบน้ำก็เจอบัวตองยืนรออยู่ โชคดีที่หล่อนยังมีความเหนียมอายตามประสาคนยุคก่อนอยู่บ้างเลยไม่ตามไปเฝ้าถึงในห้องน้ำ
คิดเสียว่าเป็นแมลงวี่แมลงวันบินตามมาก็เท่านั้น
“สรุปตัวมาสิงร่างมนุษย์เพราะใช้ชีวิตแบบมนุษย์เหรอ”
“แล้วแต่จะคิด”
“ตัวมาที่นี่บ่อยเหรอ”
“ข้าชอบที่นี่ พลังแห่งความตายหนาแน่นดี” การได้ลงไปอยู่ใต้ที่เงียบสงบและเย็นยะเยือกเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยมทูตโปรดปราน ร่างกายและพลังของเขาจึงแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่กลับจากสระว่ายน้ำ
“แต่ที่นี่ผีเยอะมากเลยนะ”
“แล้วที่ไหนไม่มีผีบ้างล่ะ ที่นี่ก็แค่สุสานมีแอ่งน้ำ”
“นี่! ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ…” ผีสาวร่างเล็กวิ่งมาดักหน้าด้วยสีหน้าและแววตาดูความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ทั้งพลังพยาบาท ความอาลัยอาวรณ์ ความหวาดกลัว ความเกลียดชัง ความละโมบโลภมาก…มันรุนแรงเหลือเกิน อีกอย่างนะคุณแรพเปอร์…ผีในสุสานปกติจะไม่เฮี้ยนกันหรอกนะเพราะมันคือพื้นที่สงบ แต่ที่นี่เฮี้ยนมากเพราะมันไม่เคยสงบ”
“หึ! ระดับอย่างข้ามีหรือจะไม่รู้ ไอ้พวกกระจอกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้สักหน่อย ดังนั้นจะเฮี้ยนแค่ไหนก็ไม่ใช่ธุระของข้า” ก่อนหน้าธามไทเหมือนโดนดึงขาอยู่บ่อยครั้งเลยดำน้ำลงไปทำตาแดงขู่ทีเดียวก็ไม่มีผีตนไหนมากวนใจอีก
“อีกอย่างนะยายต้นไทร เจ้าก็เคยผูกพยาบาทมนุษย์ไม่ใช่เหรอ เจอแค่นี้มาทำเป็นกลัวไปได้”
“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย ที่ต้องพยาบาทเพราะมนุษย์มาระรานก่อนนะ แบบเดียวกับที่เพื่อนตัวทำไง บอกไว้เลยนะเทพารักษ์น่ะไม่คร่าชีวิตใครให้เสียบารมีหรอก ผีที่นี่จ้องเล่นงานมนุษย์อยู่ตลอดโดยเฉพาะพวกที่ยังไม่ถึงฆาต” เจ้าแม่ต้นไทรแสดงความเป็นกังวล
“ตัวเองก็เป็นผียังกลัวพวกเดียวกัน ถ้ากลัววันหลังก็ไม่ต้องตามมา เข้าใจมั้ย” เขาเอ่ยปากไล่ครั้งที่ร้อยแล้ว แต่หล่อนยังตามประกบไม่เลิก
กระทั่งเจอกับเฌอรินทร์โดยบังเอิญ
‘แตมคุยกับใครน่ะ แตมรู้มั้ยว่ามันไม่ใช่คน แกเป็นตัวอะไรออกไปห่าง ๆ แตมนะ’ ห่างออกไปไม่กี่เมตรร่างโปร่งแสงมองน้องสาวเดินไปกับอมนุษย์ตนนั้น แต่พลังน้อยนิดเลยไม่รู้จะสื่อสารกับเธออย่างไร
เขาทำได้เพียงคอยดูอยู่ห่าง ๆ
……………………………
“ไอ้คิวเพื่อนเราดังแล้วโว้ย ไลน์คณะแทบแตกน่ะมึง” มนุษย์เพื่อนพากันโห่ต้อนรับคนดังประจำคณะฯ คนล่าสุด เหล่านิสิตที่อยู่รอบ ๆ ก็หันมามองธามไทกันใหญ่
“เรื่องแค่นี้เองไร้สาระว่ะ” เจ้าตัวกลับดูเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยโดนเพื่อนหัวดังป๊าบไปหนึ่งที
“ไอ้ต๊ะตบหัวกูทำไมวะ” วาสนาแค่ไหนได้ตบหัวยมทูต
นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์เอาเคียวฟาดหน้าแหกไปแล้ว
“มันจะไร้สาระได้ไงวะไอ้คิว มึงเห็นที่กบดานของมันหรือยัง มีทั้งที่นอน โต๊ะเขียนหนังสือ ลิ้นชักเก็บของ ราวตากผ้า แถมต่อไฟแบบเสร็จสรรพเลยนะ แม่งใช้ไฟฟรี ไวไฟฟรี ค่าหอก็ไม่ต้องจ่ายด้วย” จริงดังว่าใต้เพดานมีอุปกรณ์ยังชีพครบถ้วน ไม่แปลกใจที่ทุกคนจะตื่นเต้นกับข่าวจับผีปลอมครั้งนี้
“มีคนขุดเรื่องไอ้หมอนั้นแล้วนะ มันเป็นถึงนิสิตในโครงการทุนประสงค์ศักดิ์เลยนะ ได้ทั้งค่าเทอมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวรายเดือน แต่ที่มันต้องมามุดหัวอยู่ใต้เพดานก็เพราะมันไม่ได้รับเงินอุดหนุนมาสองเทอมแล้ว”
“มันต้องมีคนสมรู้ร่วมคิดแน่ ๆ ตอนนี้ตำรวจไล่สอบปากคำพวกยามกับแม่บ้านอยู่”
“มึงรู้ตอนไหนว่ามันเป็นผีปลอมถึงได้ตามไปแหกมัน” หนึ่งในกลุ่มหันมาถาม
“กลิ่นมันฟ้องน่ะ” คนจับโป๊ะตอบ
“กลิ่นเหรอ กลิ่นอะไรวะ กลิ่นเหม็นเน่าลอยโชยมาเหรอ”
“กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มน่ะ ผีบ้าอะไรเสื้อหอมหอมฟุ้งเหมือนวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ซะขนาดนั้น” กลิ่นหอมคือความจริง แต่มากกว่านั้นคือกลิ่นอมนุษย์ที่ไม่มีเลยต่างหาก
“เรื่องผีให้เป็นหน้าที่ตำรวจไป แต่มึงตอบพวกกูมาตรง ๆ นะ” เหล่ามนุษย์เพื่อนต่างอมยิ้มอย่างมีนัยยะขณะหันไปมองธามไท
“คนที่อยู่กับมึงคือเฌอแตม แล้วตอนเจอผีเขามีปฏิกิริยาไงวะ เขากอดมึงปะแล้วมึงได้กอดเขาด้วยปะ” ทุกคนรู้ดีว่าทั้งสองไม่กินเส้นกันสุด ๆ แต่กริมริปเปอร์ได้เรียนรู้แล้วว่าการยุ่งเรื่องชาวบ้านคืองานของสัตว์สังคมอย่างพวกมนุษย์!
ฮิ้ว ๆ ๆ ๆ
“พวกมึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ” ธามไทยังทำหน้าเบื่อโลกอยู่ได้ แม้เพื่อนจะพากันโห่แซวต่างจากเมื่อก่อนที่แซวนิดแซวหน่อยก็หน้าแดงอายม้วนไปแล้ว
“คู่กัดกลายเป็นคู่รักมีให้เห็นเยอะแยะ เฌอแตมหน้าตาน่ารักจะตายถึงจะปากจัดไปหน่อยก็เถอะ” มนุษย์เพื่อนรับบทพ่อสื่อพ่อชักแล้วหนึ่งอัตรา
“พวกมึงอ่านปากกูนะเสือก! ถ้ายังไม่หยุดถามจะต่อยปากเรียงตัวเลยนะ” การสนทนาจบลงในทันใด ใครจะกล้าวัดด้วยในเมื่อธามไทตัวล่ำหนาขึ้นขนาดนี้
แต่ความจริงก็คือ…เฌอรินทร์ที่สะอื้นไห้ตัวสั่นด้วยความกลัว ประสานมือเย็นลื่นเหงื่อเข้ากับมือร้อนของธามไท แม้บรรยากาศจะมืดสลัวแต่ยังมองเห็นสายตาวิงวอนขอร้องว่าอย่าทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว
ธามไทไม่มีท่าทีหวาดเกรงให้เห็น แรงบีบมือเล็กเบา ๆ ส่งสัญญาณให้เธอรออยู่นี้จนกว่าเขาจะกลับมา ไม่กี่นาทีหลังความวุ่นวายจบลง ร่างสูงย่อตัวลงบีบไหล่ร่างเล็กที่ยังนั่งคุดคู้
‘ไม่ต้องกลัวนะแตม นับหนึ่งถึงสามแล้วลืมตาเถอะ…’ เขาพูดออกมาทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูด เฌอรินทร์เงยหน้าช้า ๆ จ้องตอบด้วยความประหลาดใจ
กริมริปเปอร์ในร่างธามไทวางมือบนอกข้างซ้าย…ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
มันเป็นคำพูดของเจ้าสินะ