"สตรีผู้นี้มีนามว่าหยางซือเซียน เธอเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของประมุขพรรคมังกรวารี พรรคมังกรวารีถือว่าเป็นพรรคจอมยุทธ์อันดับหนึ่งในยุทธภพ หยางซือเซียนจึงเป็นเหมือนกับน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านประมุข ที่ขึ้นชื่อว่าหวงน้องสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ เมื่อสองเดือนก่อน สตรีผู้นี้ได้ประสบอุบัติเหตุจมน้ำ จนเป็นเหตุให้ข้าได้เข้ามาอยู่ในร่างของสตรีผู้นี้ได้ หยางซือเซียนนั้นอายุได้ 16 หนาว เธอเป็นสตรีที่มีความงามล่มแคว้นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าบุรุษน้อยใหญ่ต่างส่งแม่สื่อเข้าไปในพรรคมังกรวารีมิขาดสาย แต่ก็ถูกตะเพิดไล่ออกมา จากผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประมุขของพรรคนั่นเอง ทำให้จนถึงตอนนี้นางยังมิมีผู้พึงใจใดๆ ทั้งสิ้น และนั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากจะมาฝากตัว เป็นศิษย์ของสำนักจิวฝูเนื่องด้วยว่า"
ยังไม่ทันที่หยางซือเซียนจะกล่าวถึงเหตุผลของตนเองจนจบ ก็ถูกไป๋เยว่ชิงเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
"สวยแล้ว! ! แม่นางเช่นท่านก็เลยต้องการที่จะมาอ่อยบุรุษ เพราะว่าอยู่ในพรรค ท่านมิสามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะมีพี่ชายที่เป็นไม้กันหมา หวงน้องสาวเช่นท่านจนไม่สามารถทำอันใดได้ใช่หรือไม่"
"ฮ่า ฮ่า สมแล้วที่แม่นางมีตำแหน่งเป็นถึงเพื่อนสนิทของข้า สามารถรู้ใจข้าไปเสียหมดทุกเรื่องเช่นนี้"
"โอ๊ย! ดัดจริตจริงๆ ข้าว่าเรามาพูดกันธรรมดาเถอะที่เหมือนคนปกติเขาพูดกัน พูดอย่างนี้แล้วข้ารู้สึกขนลุกขนชันยังไงไม่รู้"
"แม่นางไป๋เยว่ชิงจะบอกว่าแม่นางไม่สามารถที่จะพูดจาไพเราะอ่อนหวานกับข้าได้เช่นนั้นหรือ"
"เจ้าจะหยุดดีๆ หรือจะให้ข้า ลงไม้ลงมือหยางซือเซียน"
"พอแล้วพอแล้วไม่แกล้งแล้ว เหตุผลของเจ้าที่จะเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักจิวฝูก็คือต้องการที่จะยกระดับของตนเอง ให้เป็นที่ต้องการมากขึ้นว่างั้น แต่จากการประเมินโดยรวมของข้า ข้าว่าด้วยหนังหน้าของแม่นางเช่นเจ้า คาดว่าคงจะยากน่าดูที่จะยกระดับตนเองขึ้นมาได้"
ไม่พูดเปล่าหยางซือเซียนยังทำสีหน้าท่าทางลำบากใจ เมื่อสำรวจมองรูปร่างและหน้าตาของเพื่อนสนิทของตน ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"แม่นางหยางท่านเคยตายหรือไม่ พูดแบบนี้ไยแม่นางไม่เอามีดมาปาดคอข้าให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอดไปเลยเล่า"
"ก็จริงนี่นา ข้ามองเจ้าแล้ว ให้ความรู้สึกว่าขนาดที่ผู้ชายโด่ๆ มาอารมณ์พุ่งปรี๊ด เมื่อมาเจอหน้าเจ้าเท่านั้นแหละ ถึงขนาดหดลงแทบจะไม่ทันเลยทีเดียวเชียวล่ะ"
"อีจูน! ถ้าวันนี้มึงไม่ตายอย่ามาเรียกกูว่าอีฟ้า"
หลังจากที่ได้พูดคุย และทราบถึงความเป็นมาของกันและกันแล้ว ไป๋เยว่ชิงและหยางซือเซียน ก็ได้ตกลงกันว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน สักหนึ่งเดือนก่อนที่จะเดินทาง เข้าไปยังสำนักจิวฝู ในระหว่างนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ออกเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ไม่เคยได้พบพานมาก่อน ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในโลกที่ไม่รู้จักนี้ จนสร้างความแปลกใจให้กับผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายของสตรีทั้งสองคนเป็นอย่างมาก เหตุใดสตรีแปลกหน้าทั้งสองคนถึงได้สนิทสนมและคุ้นเคยกันได้รวดเร็วถึงเพียงนี้...
ในค่ำคืนหนึ่ง ในขณะที่อากาศเย็นสบาย ณ ลานกว้างของพรรคมังกรวารี ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่หน้าลานกว้างแห่งนี้หากสังเกตให้ดีจะพบกับสตรีสองนางที่นั่งอยู่ใต้ต้นหลิว พวกนางกำลังดวลสุรากันอย่างเอาเป็นเอาตาย มิมีผู้ใดยอมใคร
"หยางซือเซียน เป็นงายจ้าวววสวยแล้วอย่างราย เหตุใดถึงได้คออ่อนยิ่งนัก แค่นี้ก็มาวแล้วเช่นนั้นหรือ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ข้ายังต้องการสู้กับจ้าวต่อ"
เมื่อเห็นว่าไม่ว่าตนจะพยายามปลุกสตรี ตรงหน้าขึ้นมาเช่นใด สตรีผู้นั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาได้เลย จึงทำให้เธอเสียอารมณ์ เป็นอย่างยิ่ง
"โธ่ ก็แค่เหล้าป๊อกไม่กี่แก้ว แค่นี้ก็ทำเป็นมาวแอ๋ ม่ายรู้สึกตัวไปเสียแล้ว อ่อนจริงๆ ว่ะ"
ก่อนหน้าที่จะดวลสุรากันนั้นพวกเธอรู้สึกว่า สุราในยุคสมัยนี้ช่างบาดคอเสียจริง หากจะให้ดื่มสุราอ่อนๆ อย่างเช่นสุราดอกท้อ พวกเธอก็รู้สึกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเธอต้องการ เมื่อคิดได้เช่นนั้น พวกเธอจึงประยุกต์สุราในยุคสมัยนี้ขึ้นมาให้คล้ายคลึงกับสุราที่เธอต้องการ หรือก็คือเหล้าป๊อก ในสมัยใหม่นั่นเอง เธอนำผลหนิงเหมิง เกลือและสุรามาเป็นส่วนผสม และเริ่มต้น
ดวนกันแก้วต่อแก้ว จนกระทั่งหยางซือเซียนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
ในขณะที่เธอพยายามปลุกหยางซือเซียนอยู่นั้น ก็รู้สึกปวดเบาขึ้นมา จึงได้เดินออกมาจากที่ลานกว้างนั้น เพื่อที่จะไปปลดทุกข์ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่ทราบว่า ห้องน้ำของพรรคมังกรวารีนั้นอยู่ที่ส่วนใด ทำให้เธอเดินสะเปะสะปะไปทั่ว จนไปพบเข้ากับบ่อน้ำพุร้อน ไป๋เยว่ชิงจึงเกิดความคิดที่จะอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายให้ตัวเองสดชื่นขึ้น เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ไม่รีรอ รีบปลดอาภรณ์ของตัวเองออกแทบจะในทันที แล้วเดินลงไปในบ่อน้ำพุร้อนนั้น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่รู้ก็คือที่บ่อน้ำพุร้อนนั้นไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียวที่กำลังแช่น้ำอยู่ แต่ยังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งที่แช่น้ำอยู่ก่อนหน้าเธอ เมื่อเขาทราบว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของตนเอง ก็ให้เพิ่มการระวังตัวแทบจะในทันที เขารีบตรงดิ่งมาที่คนแปลกหน้านั้น และรวบตัวผู้ที่คิดจะมาปองร้ายตนไว้
"หากไม่อยากตายรีบบอกมาว่าผู้ใดเป็นผู้ส่งเจ้ามา"
"ห๊า อะไรนะท่านว่าอะไรนะข้าฟังไม่ถนัด"
เมื่อได้ยินเสียงผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนเองอย่างชัดเจนท่านประมุขหยางหมิงลู่ ก็ให้ตัวแข็งทื่อ ตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง จนเป็นเหตุให้ไป๋เยว่ชิงสามารถหลุดออกมาจากอ้อมกอดของเขาได้
* ผลหนิงเหมิง คือ ผลมะนาว