เหลือเพียงหนึ่งวันบ้านเซี่ยก็จะนำอาหารไปขายที่ตลาดแล้ว วันนี้จึงต้องเตรียมของที่จะนำไปขาย อย่างข้าวไข่ตุ๋นผักเซี่ยซูเหยาก็จะใช้ท่อนไม้ไผ่ที่ถูกตัดทำความสะอาดด้านในเป็นภาชนะ
อะไรที่ประหยัดได้เซี่ยซูเหยาก็ต้องประหยัดที่สุด เนื่องจากไข่ที่มีในบ้านเหลือไม่มาก เซี่ยซูเหยียนจึงไปซื้อมาเพิ่ม ถึงบอกประหยัดแต่ก็ใช้เงินไม่น้อยเลย
เซี่ยซูเหยาบอกวิธีตัดท่อนไม้ไผ่เพื่อจะนำมาเป็นถ้วยข้าวไข่ตุ๋นผัก วันนี้คงต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมและลุกมานึ่งไข่ตุ๋นยามโฉ่ว เพราะกว่าจะแต่งตัวและไปถึงก็ปลายยามอิ๋น แล้ว
ซึ่งวันแรกของการขายเซี่ยซูเหยาจะทำเพียงห้าสิบถ้วยเท่านั้น นางไม่รู้ว่ามันจะขายได้ไหม หากเอาไปน้อยแล้วหมดเร็วมันน่าเสียดาย ทว่าหากเอาไปมากแล้วไม่หมดก็น่าเสียดาย ห้าสิบถ้วยจึงคิดว่ามันเหมาะสมแล้ว
เซี่ยห้าวไห่ออกไปเช่าแผงตลาดตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมาบ้าน เพราะเขาต้องไปเช่าเกวียนวัวมาจากพ่อค้าเพื่อนำของไปขาย
ท่อนไม้ไผ่ที่ตัดออกมาจะใช้เป็นถ้วยมีมากนับร้อยอัน ระหว่างพี่สาวกำลังทำงานบ้าน พี่ชายขัดไม้ไผ่ เซี่ยซูเหยาจึงเป็นคนล้างด้านใน ต่อให้มันจะไม่โดนดิน ทว่าเซี่ยซูเหยาไม่อยากกังวล
ช่วงบ่ายทุกคนตกลงกันว่าจะแกะกุ้งเพื่อสับละเอียดไว้ใส่ในข้าวไข่ตุ๋น และผักที่บ้านมีเพียงไม่กี่อย่าง เซี่ยซูเหยียนจึงไปซื้อเพิ่ม
นางคิดว่าช่วงแรกลูกค้าจะไม่เยอะ เซี่ยซูเหยาจึงไม่เอาของไปทำใหม่ในตลาด นางจะนึ่งตั้งแต่บ้านไปเลย อีกอย่างแบบนี้มันก็สะดวกมากกว่า
เซี่ยซูเจี๋ยจุดเตาไฟทำอาหารมื้อกลางวันที่ยังไม่มีใครรับประทานอาหาร เพราะรอเซี่ยห้าวไห่กลับมาก่อนซึ่งทุกคนตกลงกันแล้ว
“กุ้งผัดไข่เพิ่มเกี่ยมฉ่าย นำเกี่ยมฉ่ายไปล้างก่อนนะเจ้าคะ! ล้างเสร็จต้มน้ำทิ้งก่อนหนึ่งน้ำ ค่อยเพิ่มเกี่ยมฉ่าย” เซี่ยซูเหยาเดินเข้าห้องครัวมาบอกพี่สาว
บ้านเซี่ยนำเกี่ยมฉ่ายกับซึงไฉ่ ที่ดองเอาไว้เมื่อสองเดือนก่อนออกมาทำอาหาร เซี่ยซูเหยาไม่ค่อยชอบกลิ่นของมัน นางเลยไม่ยอมเข้าครัวมาช่วยพี่สาวทำอาหารมื้อกลางวัน ทว่ามันจำเป็นต้องใช้ นางเลยบอกวิธีพี่สาวให้ทำตาม
“ได้”
เซี่ยซูเจี๋ยพยักหน้ารับรู้ นางรู้ดีว่าน้องสาวไม่ค่อยชอบ พอเซี่ยซูเหยาบอกแบบนี้หมายความว่านางต้องรับประทานแน่ ๆ
อาหารพวกนี้เซี่ยซูเหยารับประทานได้ ทว่านางไม่ค่อยชอบกลิ่นของมัน ต้องนำไปต้มหรือปรุงสุกอีกรอบนางถึงจะยอมรับประทาน และเซี่ยซูเจี๋ยก็จัดการกลิ่นมันได้
“ทำไข่เจียวกุ้งด้วยได้ไหม”
เซี่ยซูเหยียนยกตะกร้าท่อนไม้ไผ่ที่ตากแห้งเข้ามาเก็บในห้องครัว พอได้ยินเซี่ยซูเหยาสั่งพี่สาว เขาก็อยากได้ไข่เจียวกุ้งเพิ่ม มันอร่อยมาก
“ได้!”
เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวยิ้ม ๆ น้องชายของนางนาน ๆ ที ถึงจะบอกให้ทำอาหารตามที่เขาชอบ อีกทั้งท่านพ่อก็ยังไม่กลับ เซี่ยซูเจี๋ยเลยสามารถทำเพิ่มได้
อันที่จริงทั้งสามคนก็รับประทานข้าวไข่ตุ๋นผักไปแล้วระหว่างวัน เพราะถ้าไม่เพิ่มพลังงานงานก็จะไม่เดิน ซึ่งทั้งสามคนรอบิดากลับมาถึงจะรับประทานอาหาร
เซี่ยซูเหยาอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอยู่ข้างพี่สาว นางจะนำมันออกไปอยู่ข้างนอก นางไม่อยู่ในห้องครัวด้วย กลัวมันจะก่อกวนพี่สาว
“ข้าไปช่วยอาเหยาก่อน!”
เซี่ยซูเจี๋ยหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี หลังน้องชายวิ่งตามหลังน้องสาวที่อุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยไป ส่วนนางก็หันกลับมาทำอาหารต่อ คาดว่าไม่ถึงสองเค่อบิดาของพวกนาฃคงกลับมาถึง
กลางยามเว่ย เซี่ยห้าวไห่ที่ออกไปเช่าเกวียนวัวกับเช่าแผงในตลาดก็กลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เซี่ยซูเหยาวางของในมือ แล้วเดินไปหาบืดาเพื่อสอบถาม
“ท่านพ่อ”
“อาเหยา”
เซี่ยซูเหยายื่นชามกระเบื้องที่ตักน้ำต้มสุกให้เซี่ยห้าวไห่ มองเกวียนวัวที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ตั้งแต่ที่นางมาอยู่ที่นี่ เซี่ยซูเหยาเพิ่งเคยเห็นเกวียนวัว!
ถ้าจำไม่ผิดที่นี่จะมีรถม้า ซึ่งเซี่ยซูเหยาก็อยากลองไปเห็นกับตา สิ่งที่นางเรียนมามีบางสิ่งที่ตรง บางสิ่งก็คลาดเคลื่อนไปบ้าง ทว่าบางสิ่งก็ไม่เป็นความจริง!
“เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาถามเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งพักอยู่
“พ่อเช่าเกวียนวัวมาสามวัน วันละหนึ่งร้อยอีแปะ รวมเป็นสามร้อยอีแปะ ค่าเช่าแผงตลาดสามวัน วันละห้าสิบอีแปะ!” เซี่ยห้าวไห่ตอบลูกสาว ทั้งหมดวันนี้ที่เขาจ่ายไปสี่ร้อยห้าสิบอีแปะ!
ราคาเกวียนวัวหากเช่าวันต่อวันและนำเกวียนวัวมาใช้ยามขายของ คืนเกวียนวัวหลังกลับจากตลาด ค่าใช้จ่ายต่อวันจะตกเพียงวันละสิบถึงยี่สิบอีแปะ ทว่าเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยห้าวไห่เช่ามาสามวัน เพราะจะได้ไม่ต้องไปเอาเกวียนวัวมาตั้งแต่เช้า และที่ราคาแพงเซี่ยซูเหยาก็ไม่ข้องใจ เพราะถือว่าเป็นค่ามัดจำก็ได้ ทว่า
“ค่าเช่าแผงตลาดห้าสิบอีแปะ!”
นี่คือสิ่งที่เซี่ยซูเหยาตกใจ ค่าเช่าแผงตลาดของชาวบ้านควรมีราคาถูก สองอีแปะถึงห้าอีแปะสำหรับบางคนก็ถือว่ามากแล้ว ทว่าค่าเช่าแผงตลาดที่เซี่ยห้าวไห่บอกกลับมากกว่าหลายเท่าตัว
“ใช่!”
การขายอาหารของลูกสาวถึงจะประหยัดอย่างไรตอนนี้ก็หมดไปแล้วมากกว่าหนึ่งตำลึงเงิน หากขายอาหารไม่ได้เซี่ยห้าวไห่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ เขาทำได้เพียงภาวนาให้ขายอาหารได้
“แพงมากเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยตอบเสียงเบาหวิว
เซี่ยซูเหยาขมวดคิ้ว ค่าขายไข่ไก่ป่านางได้เงินหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะ ทว่านางต้องการขายอาหารคนในบ้านสนับสนุนนาง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็เป็นเงินของบ้าน หากการค้าขายไม่ดี นางก็ใช้เงินของบ้านทิ้งขว้าง
“ช่างเถิด หากสามวันนี้เราขายอาหารได้ พ่อก็จะไปเช่าให้อีก” เซี่ยห้าวไห่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ เพื่อลูกสาวของเขาแล้ว ไม่ว่าอะไรเขาก็สามารถทำให้ได้
“จริงสิ! อาเหยา พี่สาว แล้วก็พี่ชายรอท่านพ่อกลับมากินข้าวด้วยเจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยายิ้มกว้างบอกเซี่ยห้าวไห่
ก่อนที่เซี่ยห้าวไห่จะตอบ เซี่ยซูเหยารีบวิ่งไปหลังบ้านเพื่อดูว่าอาหารเสร็จหรือยัง ระหว่างวิ่งไปก็เจอเข้ากลับเซี่ยซูเจี๋ยที่ยกอาหารออกมา รวมถึงเซี่ยซูเหยียนที่มายกของช่วย
“เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”
เซี่ยซูเหยาวิ่งมาหยุดตรงหน้าของพี่สาวพลางถาม พี่สาวของนางเพิ่งหุงข้าวไป
“ใช่” เซี่ยซูเจี๋ยพยักหน้า
“อาเหยาจะไปยกของช่วย” เซี่ยซูเหยากล่าวตอบพี่สาวที่ถือถาดอาหาร
“ได้”
อาหารมื้อกลางวันที่รับประทานยามบ่ายทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก ทว่าเพราะทำน้อยมันจึงหมดเร็ว อีกทั้งทุกคนก็รีบกลับมาเตรียมของ ช่วงเย็นเซี่ยซูเหยียนจึงเสนอเมนูให้นำไปขาย
“กุ้งผัดไข่เพิ่มเกี่ยมฉ่ายอร่อยมากขอรับ! อาเหยาพี่ว่าเราทำไปขายดีกว่า” เซี่ยซูเหยียนกล่าวยิ้ม ๆ
เซี่ยซูเจี๋ยเห็นด้วยกับน้องชาย อาหารจานนี้อร่อยมาก ทว่าเซี่ยซูเหยาปฏิเสธ เมนูนี้มีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำเยอะเกินไป หากทำในเวลาเร่งรีบมันก็ยังช้า
“อาเหยาคิดว่ามันจะช้าเจ้าค่ะ”
ก่อนที่จะทำข้าวไข่ตุ๋นผักกับข้าวไข่ตุ๋นกุ้ง เซี่ยซูเหยาก็คิดค้นเมนูอาหารหลายอย่าง ทว่าขั้นตอนการทำและวัตถุดิบมีจำกัด นางคำนวณเวลาทำอาหารออกมาแล้ว ข้าวไข่ตุ๋นจึงเป็นอาหารที่เหมาะที่สุดแล้ว
“อ่า นั่นสิ” เซี่ยซูเหยียนพยักหน้าอย่างน่าเสียดาย มันใช้เวลานานจริง ๆ ต้องต้มเกี่ยมฉ่าย แกะกุ้ง ไหนจะผัดเกี่ยมฉ่ายให้เข้ากับกุ้งและไข่อีก
เซี่ยซูเหยาคีบกุ้งผัดเกลือส่งให้พี่ชาย อาหารมื้อเย็นมีกุ้งผัดเกลือ น้ำแกงปลา และแกงส้มกุ้งที่เป็นอาหารรสแปลก ทว่ารสชาติของมันอร่อยมาก!
“อาเหยาไม่ต้อง ๆ” เซี่ยซูเหยียนบอกน้องสาว
“พรุ่งนี้เราคงต้องตื่นยามโฉ่ว มานึ่งไข่ตุ๋น”
เซี่ยห้าวไห่ที่นั่งเงียบฟังลูกชายกับลูกสาวกล่าวขึ้นมาท่ามกลางสองพี่น้อง ส่วนเซี่ยซูเจี๋ยไม่ได้พูด นางจึงลงมือรับประทานอาหารอย่างอร่อยเงียบ ๆ
“เจ้าค่ะ”
พรุ่งนี้เป็นวันแรกของการค้าขายของบ้านเซี่ย เซี่ยซูเหยาไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาด นางจึงไม่ปฏิเสธเวลาที่เซี่ยห้าวไห่กล่าว ทว่า
“อาเหยาค่อยตื่นปลายยามอิ๋น” เซี่ยห้าวไห่หันมาบอกลูกสาว
“ท่านพ่อ”
เซี่ยซูเหยาหน้างอ นางหายป่วยแล้วจริง ๆ นะ ทำไมทุกคนถึงยังเป็นห่วงนางอีก ทุกวันนี้นางแทบจะไม่ได้ขยับตัว
“ใช่ ๆ” เซี่ยซูเจี๋ยเห็นด้วย
“เฮ้อ”
เซี่ยซูเหยาไม่ได้ตอบ ทว่าพรุ่งนี้เมื่อถึงเวลานางก็จะออกมาช่วยทุกคนอยู่ดี อีกทั้งนางเป็นคนวางแผนการขาย หากนางไม่ตื่นมาจัดการ พรุ่งนี้นางคงลืม
อาหารมื้อเย็นจบลงด้วยการพูดคุยเพื่อค้าขายวันแรก เซี่ยห้าวไห่ไม่เคยมีประสบการณ์ ทว่าเขากลับเชื่อฟังลูกสาวที่แทบไม่เคยออกจากบ้าน การค้าขายจะไปด้วยดีได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพรุ่งนี้แล้ว
เซี่ยซูเหยาเหลือมบองเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนมอบอยู่ข้าง ๆ นับวันขนลูกหมาป่าตัวสีขาวก็เริ่มเปลี่ยนไป นางไม่แน่ใจว่ามันจะมีสีดำเหมือนแม่หมาป่ากับพี่น้องของมันหรือเปล่า
ทว่าเจ้าเสี่ยวเฮยที่นางรู้จักมาตั้งแต่แรกคือลูกหมาป่าขนสีขาว ยามนี้พอสีเปลี่ยนแปลงนางก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้ใส่อารมณ์กับลูกหมาป่า ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ต่างก็เลือกสิ่งที่มาจากธรรมชาติไม่ได้
“อาเหยา”
เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวยิ้ม ๆ มองน้องสาวที่กำลังจะอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยเข้าไปนอนด้วย ที่ผ่านมาไม่ใช่เซี่ยซูเจี๋ยไม่รู้ นางรู้ทุกอย่างทว่าในเมื่อน้องสาวจะเอาเข้าไปนอนด้วยนางก็ไม่ได้ว่า
“พี่สาว” เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มแห้งรีบปล่อยเจ้าเสี่ยวเฮย
“ฮ่า ฮ่า”
เซี่ยซูเหยียนที่เห็นเหตุการณ์ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ น้องสาวคนเล็กของเขากลัวพี่สาวคนโตอย่างเซี่ยซูเจี๋ยมาก
“พี่ชาย!”
เซี่ยซูเหยาหน้างอเมื่อถูกพี่ชายหัวเราะให้ นางเดินปึงปังออกจากบ้านเพื่อไปล้างมือ ทว่าเจ้าเสี่ยวเฮยมันเดินตามมา นางจึงต้องอุ้มมันอย่างอดไม่ได้
“เฮ้อ”
เซี่ยห้าวไห่ที่เห็นเหตุการณ์อมยิ้ม พี่สาว น้องชาย น้องสาว รักใคร่กลมเกลียวก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับครอบครัว ทว่ามันจะดีกว่านี้หากอยู่กันครบ