เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวขึ้นกลางยามโฉ่วเพราะได้กลิ่นหอมของไข่ที่ถูกตุ๋น นางรีบลุกจากเตียงเตา ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จถึงออกมานอกห้อง ทุกคนคงลุกขึ้นมาตั้งแต่ต้นยามโฉ่วแล้ว
“พี่สาว”
เซี่ยซูเหยาเอ่ยเรียกพี่สาวที่ผสมไข่ตุ๋นอยู่ด้วยความง่วง เพราะที่บ้านไม่ได้มีชามใหญ่และกลัวว่าจะผสมเครื่องปรุงไม่ทั่วถึง เซี่ยซูเจี๋ยเสนอที่จะปรุงไข่ตุ๋นชามต่อชาม ปรุงเสร็จเทใส่ท่อนไม้ไผ่ที่เตรียมเอาไว้ ก่อนจะนำไปนึ่งในหม้อ
ยังดีที่ได้ทดลองปล่อยข้าวไข่ตุ๋นทิ้งไว้หนึ่งชั่วยาม ปรากฏว่ามันยังร้อนอยู่ ขอเพียงไม่โดนอากาศเย็นมากและต่อให้ข้าวไข่ตุ๋นเย็น รสชาติที่ทำก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ทว่าหากรับประทานยามร้อน ๆ จะอร่อยมากกว่า
เซี่ยซูเหยาตั้งราคาไว้ที่ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปลดเหลือเพียงถ้วยละยี่สิบอีแปะเท่านั้น ราคาจริง ๆ ที่นางต้องการขายคือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่านางจะได้รับกำไรที่น้อยลงหรือบางทีอาจขาดทุนไปด้วย
ข้าวไข่ตุ๋นผักสามสิบห้าถ้วย ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปก็เหลือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่าข้าวไข่ตุ๋นกุ้งต้องเพิ่มราคาอีกห้าอีแปะต่อถ้วย มันเป็นเนื้อสัตว์จึงมีราคาที่แพงมากกว่า วันนี้นางทำเพียงสิบห้าถ้วย หากขายในราคาที่ซื้อแยกหมด นางก็จะได้เงินทั้งหมดหนึ่งตำลึงเงินสามร้อยยี่สิบห้าอีแปะ
ซึ่งมันยังไม่คืนทุนที่จ่ายออกไป ทว่าหากขายหมดนางก็สามารถทำเพิ่มได้อีกวันถัดไป เซี่ยซูเหยามีวิธีการขายที่ไม่เหมือนคนอื่น
นอกจากข้าวไข่ตุ๋นผัก ข้าวไข่ตุ๋นกุ้งจำนวนห้าสิบถ้วยแล้ว เซี่ยซูเหยาก็ทำไปเพิ่มอีกอย่างละห้าถ้วย ถือว่าเป็นอาหารเช้าของบ้านเซี่ย
และยังมีผักป่าอีกเล็กน้อยที่เซี่ยซูเหยียนเข้าไปเก็บมา เห็นเซี่ยซูเจี๋ยบอกว่ามันขายได้ราว ๆ ห้าอีแปะ นางจึงนำไปขายด้วย ต่อให้แค่อีแปะเดียวมันก็คือเงิน
เซี่ยซูเหยานับจำนวนของที่จะนำไปขาย พอครบก็ให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนยกขึ้นเกวียนวัวไป ส่วนเซี่ยซูเจี๋ยเตรียมอาหารเช้าเพราะกลัวว่าจะหิวกัน เซี่ยซูเหยาก็รีบไปเปลี่ยนชุด เช็ดเหงื่อที่ไหลเพราะร้อน
“อาเหยา”
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยาตะโกนบอกพี่สาวที่ร้องเรียก
ปลายยามอิ๋นท้องฟ้ายังมืดอยู่ ทุกคนในบ้านอาศัยแสงสว่างจากท้องฟ้า กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ล่าช้าไปมาก ยิ่งต้องไปที่ตำบลอีก คาดว่าไปถึงคงกลางยามเหม่า และมันคงสว่างแล้ว
และใช่ กว่าจะทำอาหารที่นำมาขายในตำบลเสร็จก็ใช้เวลาถึงสองชั่วยามกว่า ๆ และล็อกบ้านไว้ พอมาถึงตลาดท้องฟ้าก็เริ่มสางแล้ว
เซี่ยห้าวไห่ลากเกวียนที่ลูกสาวทั้งสองนั่งอยู่ไปยังแผงตลาดที่เช่าเอาไว้ มันเป็นเพียงแผงเล็ก ๆ ที่วางของได้ไม่มาก ทว่าเซี่ยห้าวไห่ไม่มีทางเลือก เขามาจองช้าและไม่เคยมาจอง
“ถึงแล้ว”
เซี่ยซูเหยาปีนลงจากเกวียนวัวเมื่อบิดาเอ่ยบอก จริง ๆ นางก็ได้ยินเสียงผู้คนสนทนา ทว่าหากเซี่ยห้าวไห่ไม่เรียก นางก็ไม่ควรออกจากเกวียนวัว ตามมาด้วยเซี่ยซูเจี๋ยที่ถูกเซี่ยซูเหยียนประคองลงมา เขาลงจากเกวียนวัวตั้งแต่เข้าตำบลแล้ว
มองดูรอบ ๆ ตลาดมันเป็นตลาดที่จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก เพราะแต่ก่อนตลาดนี้มีพ่อค้า แม่ค้ามากนับร้อย
ทว่ากว่าจะสร้างตลาดใหม่เสร็จพ่อค้า แม่ค้าก็ไปขายที่อื่นกันหมดแล้ว
“ตรงนี้หรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาชี้ไปยังแผงที่เก่าอย่างหดหู่ นางไม่รู้ว่ามันจะแย่แบบนี้ ถ้ารู้คงบอกให้เซี่ยห้าวไห่ทำขึ้นใหม่แล้ว
“ใช่แล้ว”
เซี่ยซูเหยาไม่มีเวลาถามต่อ นางช่วยทั้งสามคนยกของลงจากเกวียนวัวเพราะมีลูกค้าเดินผ่านหน้าร้านแล้ว อีกทั้งเซี่ยห้าวไห่ต้องเอาเกวียนวัวออกไปผูกและพักใต้ต้นไม้
“กลิ่นอันใด”
ชายชราเดินถือไม้เท้าผ่านหน้าร้านขายอาหารของบ้านเซี่ยที่ช่วยกันยกของลง พอได้กลิ่นหอม ชายชราก็เดินย้อนกลับมาทันที กลิ่นนี้เหมือนจะเป็นไข่ ทว่ากลิ่นมันน่ารับประทานมาก
“ข้าวไข่ตุ๋นผักกับข้าวไข่ตุ๋นกุ้งเจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยากล่าวอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกของนางที่ออกมาขายของแบบนี้ นางจึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้!
“ไข่ตุ๋น?”
ชายชราทวนคำซ้ำอย่างฉงน ที่จวนภรรยาของเขาทำให้รับประทานหลายครั้ง ทว่าไข่ก็คือไข่ นอกจากหน้าตาแล้ว รสชาติและกลิ่นของมันก็ธรรมดา
“เจ้าค่ะ! ท่านปู่อยากลองชิมหรือไม่เจ้าคะ อาเหยาให้ชิมฟรีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้ม ๆ พร้อมทั้งหยิบถ้วยที่นำมาให้ชิมฟรีไปวางบนแผงไม้ที่ปูผ้าไป เป็นผ้าในบ้านที่มันสะอาดและเซี่ยซูเหยานำมาด้วย
นี่คือวิธีการขายที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากอาหารของนางมีราคาที่แพงกว่าร้านอื่น ๆ เซี่ยซูเหยาจึงต้องหาวิธีทำให้ลูกค้ามาซื้อ นั่นก็คือการให้ลูกค้าชิมก่อน
“ได้!”
ชายชราตอบรับคำ ใช้ช้อนที่นังหนูยื่นให้ตักข้าวไข่ตุ๋นผักที่นังหนูบอกเข้าปาก คำแรกที่ลองชิมทำให้ชายชราเบิกตาโพลง นอกจากกลิ่นที่ส่งกลิ่นหอม หน้าตาที่น่ารับประทาน รสชาติก็ยังยอดเยี่ยม!
“รสชาติเยี่ยมมาก!” ชายชราอุทาน
“ท่านปู่รับสักถ้วยไหมเจ้าคะ ข้าวไข่ตุ๋นผักถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ ส่วนข้าวไข่ตุ๋นกุ้งถ้วยละสามสิบอีแปะ” เซี่ยซูเหยารีบบอกราคาเพื่อให้ชายชราตัดสินใจ
“ถูกมาก!”
สำหรับบ้านที่ฐานะปานกลางอย่างชายชรา ราคานี้ไม่ถือว่าแพงเลย อีกทั้งรสชาติก็ยังอร่อย นาน ๆ ทีจะได้รับประทานของอร่อย ใครจะพลาดได้!
“เจ้าค่ะ”
“ข้าเอาอย่างละห้าถ้วย!” หลาน ๆ ของเขาควรที่จะได้ลองชิมดู ชายชรายื่นตะกร้าให้เซี่ยซูเหยาหยิบของใส่
“ได้เจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยายิ้มกว้าง นางรีบหยิบข้าวไข่ตุ๋นทั้งสองอย่างใส่ตะกร้าอย่างระมัดระวัง ของยังร้อนอยู่ อีกทั้งเซี่ยห้าวไห่ เซี่ยซูเจี๋ย และเซี่ยซูเหยียนยังไม่ว่าง นางจึงต้องลงมือเอง
“ข้าวไข่ตุ๋นผักถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ห้าถ้วยหนึ่งร้อยยี่สิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ ข้าวไข่ตุ๋นกุ้งถ้วยละสามสิบอีแปะ ห้าถ้วยหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ รวมทั้งสองอย่างสองร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ! ทว่าท่านปู่ซื้อสิบถ้วย อาเหยาลดให้เหลือเพียงสองร้อยห้าสิบอีแปะ!” เซี่ยซูเหยาคำนวณราคาอย่างรวดเร็ว ซื้อเกินสิบถ้วยจะได้อีกราคาก็จริง ทว่าพอรวมทั้งสองอย่างแล้วจะลดราคาได้ไม่มาก
“นังหนูคำนวณได้เร็วมาก!” ชายชราตะลึง หลานชายคนโตของเขาปีนี้สิบสี่หนาวแล้วทว่ายังคำนวณจำนวนเงินและเลขไม่ได้
“โอกาสหน้าแวะมาอีกนะเจ้าคะ!”
เซี่ยซูเหยากล่าวบอกชายชราพลางยื่นตะกร้าคืนและรับเงินมา ที่ข้าวไข่ตุ๋นผักและกุ้งหอมขนาดนี้ เป็นเพราะมันหอมไม้ไผ่ที่ใช้เป็นภาชนะด้วย
“อาเหยาเก่งมาก” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยชมลูกสาว
ตอนแรกเขาจะเดินไปขายแทนลูกสาวแล้วเพราะเขารู้ราคาและคำนวณเลขได้บ้าง เขาล่าสัตว์มาขายบ่อยมันไม่แปลกเลย ทว่าลูกสาวของเขาไม่ได้เรียนหนังสือ
เซี่ยซูเหยาหันไปยิ้มให้เซี่ยห้าวไห่ก่อนจะตรวจความเรียบร้อยของอาหารที่นำมาขาย พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี นางก็เริ่มแผนการขายอาหารถัดไปทันที
“ข้าวไข่ตุ๋นหอม ๆ อร่อยทางนี้เจ้าค่ะ! ราคาไม่แพง เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ยิ่งอร่อย!”
นางตะโกนเรียกลูกค้าอย่างไม่กลัวว่าจะเจ็บคอ นางให้พี่สาวต้มน้ำมาให้แล้ว ถ้ารู้สึกว่าเจ็บคอค่อยจิบน้ำอุ่น
ปลายยามเหม่าเหล่าสะใภ้ บ่าวรับใช้ สาวรับใช้ที่ออกมาซื้อของเดินเต็มตลาด เซี่ยซูเหยาอดตะลึงไม่ได้ นางได้ยินเซี่ยห้าวไห่เล่าว่าไม่ค่อยมีพ่อค้า แม่ค้า ทว่าไม่คิดว่าลูกค้าจะเยอะถึงเพียงนี้
“น้องสาวจ๊ะขายอันใดหรือ”
เซี่ยซูเหยาหันไปมองเห็นสตรีที่เรียกนาง นางถือตะกร้าของที่มีของเต็มตะกร้า คงเป็นลูกสะใภ้ของบ้านไหนสักบ้าน
“ข้าวไข่ตุ๋นผักกับข้าวไข่ตุ๋นกุ้งเจ้าค่ะ! อาเหยาให้ชิมฟรี” เซี่ยซูเหยายกถ้วยชิมฟรีออกมาวางหน้าหญิงสาว ถ้วยนี้เป็นถ้วยชิมฟรีถ้วยที่สามแล้ว ทว่าเซี่ยซูเหยาไม่หวงของ บางคนชิมแล้วก็เดินหนีนางก็ไม่ได้ว่า บางคนชิมแล้วซื้อติดมือกลับไปด้วยก็มี
ตั้งแต่มาถึงตลาดจนถึงเวลานี้บ้านเซี่ยขายข้าวไข่ตุ๋นผักไปได้สิบถ้วย ข้าวไข่ตุ๋นกุ้งสิบห้าถ้วย และแน่นอนว่าข้าวไข่ตุ๋นกุ้งที่ทำมาขายมันหมดแล้ว เหลือเพียงข้าวไข่ตุ๋นผัก
“อร่อยมาก!”
“พี่สาวซื้อกลับไปด้วยสิเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้ม ๆ นี่เป็นคนที่หกแล้วที่บอกว่าข้าวไข่ตุ๋นของพวกนางอร่อย
“แน่นอน! พี่สาวเอาห้าถ้วยเลย!” หญิงสาวสั่งของโดยที่ไม่ถามแม้แต่ราคา
เซี่ยซูเหยาตะลึง สตรีตรงหน้านางไม่ถึงกลับไม่สวย ทว่านางน่าจะแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังสามารถซื้อของโดยไม่ถามราคาอีก
“ได้เจ้าค่ะ! ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบห้าอีแปะ”
หน้าที่หยิบของใส่ตะกร้าเป็นของเซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยียน หน้าที่ขายจะเป็นของเซี่ยซูเหยา ส่วนเซี่ยห้าวไห่ไปนอนเฝ้าเกวียนวัว คนเข้าออกตลาดเยอะมาก หากไม่เฝ้าเอาไว้มันจะหายไปได้
เซี่ยซูเหยาทั้งตะโกนเรียกลูกค้า ทั้งเอ่ยแนะนำของที่นำมาขายจนเสียงหมด ยังดีที่นางเตรียมพร้อมมาตั้งแต่บ้านแล้ว น้ำอุ่นถูกยกขึ้นจิบทุก ๆ หนึ่งเค่อ
ยิ่งช่วงท้าย ๆ อาหารใกล้หมดและแสงตะวันเริ่มส่อง ของเหลือเพียงไม่กี่ถ้วย เซี่ยซูเหยายิ่งกดดันตัวเอง ที่คุยกับพี่สาวเอาไว้อีกครึ่งชั่วยามก็จะพากันกลับแล้ว ทว่าของยังเหลืออยู่
‘ร้านขายข้าวไข่ตุ๋นอยู่ไหน!’
‘ร้านไข่ตุ๋นอยู่ไหน’
‘ข้ามาก่อนนะ!’
‘ข้ามาก่อน”
เซี่ยซูเหยาหันไปมองอย่างกังวล เป็นเสียงสตรีที่ด่าทอกันมาตั้งแต่ไกล และนางแน่ใจว่าต้องเป็นร้านของนางแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นไม่เรียกร้านข้าวไข่ตุ๋น
“ข้าเอาข้าวไข่ตุ๋นทั้งหมด!”
“ข้าเอาทั้งหมด!”
สตรีสองนางใส่ชุดสีส้ม สีมพูเข้มฉูดฉาดเดินมาขวางหน้าร้าน พลางแย่งกันซื้อข้าวไข่ตุ๋นผักที่เหลืออยู่ เซี่ยซูเหยามองซ้ายขวาอย่างลังเล มีพ่อค้า แม่ค้าเริ่มมามุงแล้ว
‘อนุท่านนายทำเภออีกแล้ว!’
‘คราวที่แล้วหายไปหลายเดือน คราวนี้กลับมาอีก’
‘ท่านนายทำเภอปล่อยอนุออกมาแล้วรึ!”
จากเสียงที่ซุบซิบกันเซี่ยซูเหยาจับใจความได้ว่าทั้งสองคนเป็นอนุของท่านนายทำเภอ ทว่าอนุแล้วอย่างไร
ผู้ใดมาก่อนคนนั้นก็ต้องได้ก่อน ทว่าเซี่ยซูเหยาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา นางต้องเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดให้ลูกค้า และตัวนางเอง
“ข้ามาก่อน ข้าต้องได้ก่อน! อีกอย่างข้าเป็นอนุก่อนเจ้า เจ้าต้องให้ข้าก่อน” สตรีในชุดสีส้มกล่าวออกมาอย่างถือดี
“ฝันไปเถอะ! ข้ามาก่อน” สตรีในชุดสีชมพูเข้มตอบกลับอย่างไม่ยอมเช่นเดียวกัน
เซี่ยซูเจี๋ยสะกิดน้องสาว ทั้งสองเป็นอนุของท่านนายอำเภอที่มีอำนาจมากกว่าคนธรรมดาอย่างพวกนาง หากอนุทั้งสองไม่พอใจและฟ้องท่านนายอำเภอ พวกนางสามพี่น้องแย่แน่ ๆ
“พี่สาว พี่สาวทั้งสองเจ้าคะ อาเหยาเหลือข้าวไข่ตุ๋นผักเพียงหกถ้วย สามารถแบ่งได้ท่านละสามถ้วย” นี่คือวิธียุติธรรมสุดแล้ว
“ได้อย่างไร! ข้ามาก่อน” สตรีในชุดสีส้มท้าวเอวมองอย่างหงุดหงิด
“ถ้าอย่างนั้นอาเหยาไม่ขายเจ้าค่ะ!”
“ได้ ๆ คนละสามถ้วยนะ!” ทว่าสตรีในชุดสีชมพูเข้มกลับกล่าวตกลง นางเป็นคนที่มาทีหลังทว่าเอ่ยสั่งก่อน
“อี้เฟิง!”
“อนุหนึ่ง! ถ้าท่านไม่ยอม ท่านจะไม่ได้ข้าวไข่ตุ๋นกลับไปเลยนะ!” นางกล่าวยิ้ม ๆ เพราะยามนี้ยังไงข้าวไข่ตุ๋นสามถ้วยก็เป็นของนางแล้ว
“ก็ได้!”