บทที่ 2 เซี่ยซูเหยา

2066 Words
เนเน่ขยับตัวด้วยความอ่อนล้า ความจำล่าสุดของเธอก่อนที่จะหมดสติคือการที่เธอกลัวความมืดและกรีดร้องจนหมดสติ แต่พอลืมตาขึ้นมามันทำให้เธอถึงกับชะงัก เธอยังไม่ได้ออกจากบ้านร้างที่เก่าแก่? แต่พอมองรอบ ๆ แล้วเนเน่ต้องขยี้ตาหลายรอบ ต่อให้เป็นความมืดแต่สิ่งที่เธอจำได้ก็คือ บ้านหลังนั้นมันรกมากและกลิ่นอับชื้นก็ตีขึ้นจมูก แต่ที่นี่ไม่ใช่ และเธอยังจำได้อีกว่าเธออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้เธอกลับนอนอยู่บนเตียงที่มีเศษผ้าเก่า และรู้สึกถึงร่างกายที่เล็กลง “อึก!” เนเน่ยกมือขึ้นกุมขมับทันทีที่ครามทรงจำบางอย่างไหลเข้าหัว มันเป็นความเจ็บปวดที่ร่างกาย แทบจะทนไม่ไหว เกือบสิบนาทีที่เนเน่ต้องทนเจ็บปวดก่อนที่ความเจ็บปวดมันจะหายไป ‘มันคืออะไร’ เนเน่นอนนิ่งก่อนจะทบทวนความทรงจำที่ได้รับมา ดูเหมือนว่าเธอจะตายในบ้านที่ถูกผลักเข้าไป และตื่นขึ้นมาบนร่างของ เซี่ยซูเหยา เด็กน้อยวัยสิบหนาวในแคว้นหนาน แคว้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชผักและกำลังทหาร เซี่ยซูเหยาเป็นบุตรสาวคนเล็กของครอบครัวสกุลเซี่ย เป็นสกุลเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของแคว้น และอยู่ในเมืองที่กล่าวได้ว่ายากจนที่สุด ต่อให้แคว้นอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหนแต่พอห่างไกลจากเมืองหลวง ความช่วยเหลือยากที่จะมาถึง สกุลเซี่ยมีหลายสายยิ่งมีลูกเยอะยิ่งแยกย้ายกันไป ปัจจุบันสกุลเซี่ยมีมากถึงสิบเอ็ดสาย และสายหลักปัจจุบันคือครอบครัวของพวกนางบิดาของนางนามว่า เซี่ยห้าวไห่ ส่วนมารดานามว่า เซี่ยเมี่ยวผิง ปัจจุบันท่านเสียชีวิตตั้งแต่เซี่ยซูเหยาไม่กี่เดือน เซี่ยห้าวไห่เป็นนายพรานในหมู่บ้านที่จะขึ้นเขาล่าสัตว์เดือนละครั้ง และเข้าป่าทุกวันเพื่อล่าสัตว์ชนิดเล็ก ๆ บุตรสาวคนโต เซี่ยซูเจี๋ย วัยสิบสี่หนาวใกล้ถึงวัยปักปิ่นแล้ว มีหน้าที่ดูแลภายในบ้านเนื่องจากเป็นสตรี และดูแลน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเซี่ยซูเหยา บุตรชายคนรอง เซี่ยซูเหยียน วัยสิบสองหนาว ตามผู้เป็นบิดาเข้าป่าล่าสัตว์ทุกวัน บางวันก็จะไปหารับจ้างชาวบ้านลงแปลงนา หรือบางวันก็จะเก็บฟืนไปขาย บุตรสาวคนเล็ก เซี่ยซูเหยา วัยสิบหนาว ยามที่อยู่ในครรภ์มารดาก่อนจะคลอดออกมา เซี่ยเมี่ยวผิงลื่นล้มอยู่บ่อยครั้งจนเซี่ยซูเหยาเกือบไม่รอด พอคลอดออกมาร่างกายของมารดานางก็ทรุดโทรมไม่สามารถให้เซี่ยซูเหยาดื่มนมจากอกได้ และนับตั้งแต่นั้นมาเซี่ยซูเหยาจึงมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง และเจ็บป่วยแทบทุกวัน เงินภายในบ้านจึงเริ่มหมดและไม่มีเงินใช้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เซี่ยซูเหยาจะล้มป่วยหลังช่วยพี่สาวทำอาหารรอบิดาและพี่ชาย เซี่ยซูเหยานอนซมถึงห้าวันก่อนที่จะจากไปอย่างสงบโดยที่ไม่มีใครรู้ และมีเนเน่เข้ามาอยู่ในร่าง เนเน่ในร่างเซี่ยซูเหยาขยับตัวลุกขึ้นมามองรอบข้าง ในห้องแคบ ๆ นี้เป็นห้องไม้ที่น่าจะทำมาจากต้นไผ่ เป็นห้องที่เล็กมาก นางสามารถนอนได้คนเดียวและเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูไม้ เนเน่ก้มลงมองมือตัวเองที่เล็กลงกว่าเดิมและรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะสะอื้นออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมนางถึงต้องมาอยู่ที่นี่ อาป๊า หม่าม้า เฮียนรา และตี๋เล็กจะรู้หรือไม่ว่านางไม่อยู่แล้ว หากเอ่ยปฏิเสธอาจารย์ไปยามนี้นางคงได้เข้าไปช่วยหม่าม้าทำอาหารรอพี่ชายกับน้องชายแล้ว “อาเหยา!” เสียงร้องตกใจของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นหลังเปิดประตูห้อง พลางรีบวิ่งมาหาน้องสาวที่กำลังสะอื้น เซี่ยซูเจี๋ยรีบกอดปลอบน้องสาว เซี่ยซูเหยาเป็นแก้วตาดวงใจของผู้เป็นบิดา พี่สาว และพี่ชาย ท่านพ่อเคยกล่าวว่ามารดาทิ้งน้องสาวเอาไว้เป็นตัวแทนของนาง จึงควรจะรักน้องสาวมาก ๆ ยิ่งน้องสาวร่างกายอ่อนแอจึงต้องดูแลอย่างดี แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอรวมถึงการร้องไห้ เนเน่ในร่างเซี่ยซูเหยาจึงหลับคาอ้อมกอดของพี่สาว ทั้งใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยน้ำตา สกุลเซี่ยสายหลักเป็นครอบครัวของเซี่ยห้าวไห่ ปัจจุบันเหลือสมาชิกเพียงสี่คน และที่บ้านก็ยากจนมาก เงินเก็บที่มีเหลือไม่ถึงสองตำลึงเงิน เงินที่หามาได้นอกจากค่าใช้จ่ายในบ้านแล้วก็จะใช้ซื้อสมุนไพรมารักษาอาการเซี่ยซูเหยา “ท่านพ่อ” เซี่ยซูเจี๋ยมีสีหน้ากังวลเมื่อผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาในห้องของน้องสาวที่กำลังหลับอยู่ อาการของน้องเล็กเป็นแบบนี้ปกติ แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่ อาการเริ่มแย่ลง เงินเก็บที่มีก็ซื้อสมุนไพรจนเงินไม่เหลือ “เจ้าไปพักเถอะ” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พลางลูบผมบุตรสาวคนโตที่เริ่มจะร้องไห้ด้วยควาทรัก เขาเข้าใจลูกสาวดีที่ไม่อยากให้น้องสาวเจ็บปวด เขาก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ “ท่านพ่อไม่เข้าป่าหรือเจ้าคะ” “อืม วันนี้เหมือนฝนจะตก” “เช่นนั้นข้าจะไปซักผ้า” เซี่ยซูเจี๋ยตอบผู้เป็นบิดาก่อนจะเก็บเสื้อของน้องสาวออกไปซัก นอกจากเสื้อของนางแล้วก็มีเสื้อของน้องสาวที่นางต้องซัก ส่วนของบิดากับน้องชายนั้นทั้งสองจะซักเองเพื่อแบ่งเบาภาระของนาง เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวอีกทีก็กลางยามโหย่ว เพราะทนเสียงร้องของของกระเพาะไม่ไหว และนางยังได้กลิ่นของเนื้อสัตว์อีก ถึงต้องประคองตัวเองออกมานอกห้องเพื่อตามกลิ่นอาหารไป บ้านหลังนี้จริง ๆ แล้วเป็นบ้านดินผสมฟาง เพียงแต่ห้องของเซี่ยซูเหยาที่เป็นไม้เพราะนางไม่สามารถทนอยู่กับฝุ่นได้ ผู้เป็นบิดาจึงต้องทำห้องให้ใหม่ “อาเหยา” เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้เซี่ยซูเหยาหันไปมองอย่างรวดเร็ว คนตรงหน้าคงจะเป็นพี่ชายคนรองอย่างเซี่ยซูเหยียนจากความทรงจำของนาง “เจ้าคะ” “หิวแล้วหรือ ไปรอที่ห้องก่อนหรือไม่ พี่ชายจะเอาเข้าไปให้” เซี่ยซูเหยียนตกใจไม่น้อยที่เห็นน้องสาวเดินออกจากห้องด้วยอาการอ่อนล้า “ข้า…ข้า” เซี่ยซูเหยานึกอะไรไม่ออก นางไม่คิดว่าจะเจอพี่ชายเร็วขนาดนี้ “อาเหยียนพาอาเหยามานั่งรอที่โต๊ะเถิด พี่สาวจะยกอาหารออกมาให้ อาเหยาคงจะหิวแล้ว” เซี่ยซูเจี๋ยเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะร้องบอก “ขอรับ” เซี่ยซูเหยาเดินไปนั่งเก้าอี้พร้อมทั้งถูกเซี่ยซูเหยียนพยุงตัว แต่พอมีคนมาพยุงนางก็เดินเร็วขึ้นจริง ๆ ยามนี้นางยังปรับตัวไม่ได้คงต้องให้คนอื่นช่วยไปก่อน “ทะ…ท่านพ่อ” เซี่ยซูเหยาเรียกเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เจ้าหายดีแล้วหรือถึงออกมา ” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยถามลูกสาว “เจ้าค่ะ” “พรุ่งนี้พ่อจะเข้าป่าไปล่าไก่ฟ้ามาทำน้ำแกงให้ดื่มดีหรือไม่” เซี่ยห้าวไห่ถามบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม นับวันลูกสาวคนเล็กยิ่งโตยิ่งงดงามเหมือนมารดา แต่ก่อนมารดาของนางเนื้อหอมยิ่ง ต่างจากลูกสาวคนโตที่หน้าตาได้เขามา คงจะมีแต่ดวงตาที่ได้รับมาจากมารดา “เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี แต่นางแค่ตอบผู้เป็นบิดาไปเพื่อคลายความสงสัย นางจำได้ว่าเซี่ยซูเหยาเป็นเด็กที่เก็บตัว ไม่ค่อยร่าเริงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นภาระของคนในครอบครัว เซี่ยซูเจี๋ยทำอาหารไม่นานก็ยกออกมา มีเซี่ยซูเหยียนไปช่วยยกด้วย ทั้งหมดจึงรับประทานข้าวมื้อเย็นเซี่ยซูเหยาจะได้ไปพักต่อ อาหารมื้อเย็นมีเพียงน้ำต้มข้าวเพราะเซี่ยซูเจี๋ยตักให้น้องสาวคนเล็กไป และน้ำแกงปลาที่เซี่ยห้าวไห่ได้มาเมื่อวานเท่านั้น เซี่ยซูเหยาตื่นขึ้นมายามเช้า อาการของนางดีขึ้นมาก ร่างกายที่เจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไป คงเป็นเพราะพี่สาวนำสมุนไพรมาให้ดื่มก่อนนอน เช้านี้เซี่ยซูเหยาจึงอาการดีขึ้นมาก “พี่สาว” “อาเหยา” เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มกว้างเมื่อน้องสาวเดินเข้าครัวมาหานาง พอมองดูแล้วอาการของน้องสาวคงจะดีขึ้นมาก ไม่นั้นคงไม่ตื่นเช้าเช่นนี้ “พี่สาวทำอาหารหรือ” เซี่ยซูเหยาชะโงกหน้ามองหม้อที่กำลังต้มข้าวอยู่ “ใช่แล้ว” ฟ้ายังไม่สางมีเพียงแสงไฟจากบ้านอื่นที่เป็นแสงสว่างให้เซี่ยซูเจี๋ยต้มข้าว รอฟ้าสว่างกว่านี้ถึงจะออกไปดูแปลงผักว่ามีผักอะไรให้ทำอาหารได้บ้าง ส่วนของเซี่ยซูเหยานั้นเซี่ยห้าวไห่ออกไปล่าสัตว์ตามที่ได้บอกลูกสาวเอาไว้ “มีอะไรให้อาเหยาช่วยหรือไม่เจ้าคะ” เซี่ยซูเหยารู้สึกไม่คุ้นชิน ในยามที่เป็นเนเน่นางต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร และทำเวลาให้ไปถึงมหาวิทยาลัยให้ทันก่อนเข้าเรียน พอเรียนเสร็จก็กลับมาทำงานในบ้าน ต่อให้ป่วยก็ต้องทำให้เสร็จก่อน แต่พอมาที่นี่แค่วันเดียวเซี่ยซูเหยาก็ไม่ชิน “ไม่ต้อง ๆ อาเหยาไปพักเถิด พี่สาวจะทำเอง” เซี่ยซูเจี๋ยรีบปฏิเสธ ยามนี้เป็นฤดูร้อนพอเซี่ยซูเหยาเข้าครัวทีไรเหงื่อก็ท่วมตัวตลอด เซี่ยซูเจี๋ยจึงชอบปฏิเสธน้องสาว หรือเวลาเข้าครัวส่วนมากก็เป็นยามที่อากาศไม่หนาวและไม่ร้อน “ท่านพ่อกับพี่รองเล่า” จากควาทรงจำเวลานี้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนควรจะตื่นหมดแล้ว แต่เซี่ยซูเหยาไม่เห็น เห็นเพียงพี่สาวคนโต “ท่านพ่อกับอาเหยียนออกไปล่าสัตว์ตั้งแต่ยามอิ๋น คงจะกลับยามเฉิน เหมือนเดิม” เซี่ยซูเจี๋ยตอบน้องสาว “เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาถูกพี่สาวห้ามช่วย นางจึงทำได้แค่เดินมานั่งโต๊ะในห้องโถงของบ้านอย่างปลงตก นางคงต้องรีบบำรุงร่างกายนี้เร็ว ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ทำอะไรแน่ เป็นไปตามที่เซี่ยซูเจี๋ยบอก กลางยามเฉินเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็กลับมาจากการล่าสัตว์และกลับมาช้ากว่าปกติ เพราะทุกวันจะกลับมาต้นยามเฉิน “ท่านพ่อได้ไก่ป่ามาด้วย!” เซี่ยซูเจี๋ยร้องด้วยความดีใจ หลายวันมานี้นอกจากปลาที่ไปจับมาก็แทบจะไม่มีเนื้อให้รับประทานเลย ส่วนมากจะนำไปขายแลกเงินและเหลือกลับมาเพียงเสี้ยวเดียวให้น้องสาวคนเล็ก “วันนี้พ่อได้ไก่ป่ามาสามตัว อีกสองตัวขายไปแล้ว ตัวนี้อาเจี๋ยนำไปตุ๋นให้น้องสาวแล้วก็ย่างเถิด” เซี่ยห้าวไห่พูดด้วยความเหนื่อย เพราะต้องเอาไก่เข้าไปขายในอำเภอจึงต้องรีบทำเวลา ยามนี้ลูกสาวคนเล็กควรที่จะรับประทานอาหารเช้าและดื่มยาแล้ว “เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเจี๋ยรีบรับไก่ป่ามาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย นาน ๆ ที จะได้รับประทานเนื้อสัตว์ นางจึงรีบเอาไก่เข้าไปทำความสะอาด น้องสาวคนเล็กคงจะหิวมากแล้ว มีเซี่ยซูเหยียนที่เข้าไปช่วยพี่สาวฆ่าไก่ป่าด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD