เงินอีแปะจำนวนมากวางลงตรงหน้าสี่คนพ่อลูกบ้านเซี่ย เงินพวกนี้เป็นเงินที่ขายเนื้อหมูไปจำนวนสามสิบจิน! ชาวบ้านหลายคนไม่มีทางเลือกเพราะบอกลูก บอกหลานชายเอาไว้ว่าวันนี้จะมีเนื้อรับประทาน เลยต้องกัดฟันซื้อกลับไป
ทว่าใครที่ชำแหละเนื้อหมูช่วยก็จะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มอีกคนละไม่น้อย ตอนนี้เหลือหัวหมู เครื่องในหมู กระดูกหมู ขาหมูสองขา เนื้อหมูอีกยี่สิบจิน ทั้งสี่คนตกลงกันว่าหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จจะช่วยกันทำความสะอาด และหาวิธีเก็บรักษา
เซี่ยซูเหยาจะตุ๋นขาหมูไว้รับประทานพรุ่งนี้หลังกลับจากตลาด นางเห็นในครัวมีถั่วลิสงอยู่ จะทำขาหมูตุ๋นถั่วลิสงบำรุงคนทั้งบ้าน ส่วนเครื่องในหมูนางว่าจะนำไปย่างไม่ก็ทอด ส่วนของอย่างอื่นยังไม่ทันคิด
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็มาจัดการแล่เนื้อให้เหลือเพียงชิ้นเล็ก ๆ เวลาจะใช้ทำอันใดก็จะได้จัดการง่าย อีกทั้งจะรมควันเก็บไว้
ขาหมูทั้งสองขาถูกเซี่ยซูเหยาเผาขนจนสะอาด จากนั้นจึงนำขาหมูไปตุ๋นในหม้อ หลังจากกลับมาจากตลาดก็คงได้รับประทานพอดี
เซี่ยซูเจี๋ยรับหน้าที่นึ่งหัวหมูให้สุก พรุ่งนี้จะเลาะเอาเนื้อออกมาแยกใส่ชามเอาไว้ เซี่ยซูเหยาบอกจะลองเอาไปขายดู อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มให้รับประทานคู่
เครื่องในหมูกว่าจะล้างสะอาดต้องใช้เวลานาน เซี่ยซูเหยาจึงยกหน้าที่นี้ให้พี่ชายไปทำ พร้อมทั้งบอกขั้นตอนการทำความสะอาดเพื่อไม่ให้มันมีกลิ่นเหม็น
ส่วนกระดูกเซี่ยซูเหยาจะตุ๋นทำน้ำแกงเพื่อนำมาทำไข่ตุ๋น มันจะได้กลิ่นและรสชาติที่กลมกล่อมมากกว่าปกติ
และบางส่วนก็ตุ๋นไว้รับประทานภายในบ้าน ยังดีที่หมูป่าหนักเจ็ดสิบกว่าจิน นางจึงเหลือเนื้อเยอะ
“มันกินได้จริง ๆ หรือ” เซี่ยซูเจี๋ยใช้แขนเสื้อปิดจมูกเมื่อมองดูเซี่ยซูเหยียนทำความสะอาดเครื่องในหมู ชาวบ้านที่นี่ไม่มีใครรับประทาน ทว่าน้องสาวของนางบอกให้เก็บเอาไว้ มันอร่อยมาก ทั้ง ๆ ที่นางจำได้ว่าไม่เคยทำให้น้องสาวรับประทาน
“ได้เจ้าค่ะ!”
คนที่นี่มองข้ามของอร่อยไปเสียแล้ว เครื่องในหมูไม่ว่าจะเป็นปอด ตับ ไส้ หรือส่วนอื่น ๆ หากนำมาทำอาหารอย่างถูกวิธีมันจะอร่อยมาก ทว่ากว่าจะทำของเสร็จคงดึกมาก
“พ่อว่ามันก็ไม่น่ากิน” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยค้านอีกคน เขาอยู่มาสามสิบกว่าปีก็เพิ่งรู้ว่ามันรับประทานได้
“เชื่อมืออาเหยาได้เลยเจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้ม ๆ น่าเสียดายที่ไม่มีตู้เย็นเหมือนในอนาคต หรือหากมีถังแช่น้ำแข็งไม่ก็เป็นฤดูหนาว วิธีการจัดเก็บและถนอมอาหารจะง่ายมากกว่านี้
กว่าจะจัดการเนื้อหมูเสร็จและทำความสะอาดร่างกายก็ปลายยามห้าย แล้ว เซี่ยห้าวไห่รีบไล่ลูกสาวกับลูกชายไปนอนพัก อีกไม่กี่ชั่วยามก็ต้องตื่นมาเตรียมของไปขาย เขาเพียงบังคับเกวียนวัวไปเท่านั้นเพราะพื้นที่ขายมีจำกัด ตัวเขาใหญ่เกินไปจึงเกะกะลูกสาว ลำพังเขาไม่นอนก็ไม่มีปัญหา ทว่าลูก ๆ ของเขาอาจล้มป่วยได้
ต้นยามอิ๋นทุกคนรีบตื่นเพราะต้องเร่งมือทำข้าวไข่ตุ๋นจำนวนเจ็ดสิบถ้วย อีกทั้งยังเลาะเนื้อจากหัวหมูที่นึ่งสมุนไพรเพื่อนำไปขาย เซี่ยซูเหยาจึงรับหน้าที่ทำน้ำจิ้ม ยิ่งล่าเจียวที่ปลูกไว้หลังบ้านออกผลมากเซี่ยซูเหยาก็เก็บมามาก
ระหว่างเซี่ยซูเจี๋ยปรุงข้าวไข่ตุ๋นส่งให้เซี่ยห้าวไห่นึ่ง เซี่ยซูเหยาก็หมักไส้หมูด้วยสมุนไพรดับกลิ่นคาว จากนั้นก็ส่งให้เซี่ยซูเหยียนย่างให้ ยังดีที่เซี่ยซูเหยาบอกให้เซี่ยห้าวไห่หาเตาถ่านมาเพิ่ม ลำพังเพียงสองเตาคงไม่พอ
ลำไม้ไผ่เซี่ยห้าวไห่จะตัดมาวันละลำ หนึ่งลำตัดได้มากถึงร้อยท่อน ซึ่งพอใช้หมดก็จะไปตัดเพิ่มอีก ทว่าเนื้อที่เลาะออกมาจากหัวหมูกับไส้หมูคงไม่เหมาะที่จะใส่ในท่อนไม้ไผ่ เซี่ยซูเหยาจึงให้เซี่ยห้าวไห่ไปตัดใบตองของเซียงเจียวมาทำกระทงแทน
ยังดีที่เมื่อวานมีประสบการณ์นึ่งไข่ตุ๋นแล้ว วันนี้จึงทำออกมาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงย่างไส้หมูด้วย ระหว่างเตรียมของใกล้เสร็จเซี่ยซูเจี๋ยก็เตรียมอาหารเช้าของบ้านไปด้วย เพราะวันนี้พวกนางทำของเพิ่ม
กลางยามเหม่าครอบครัวเซี่ยต้องถึงตลาดแล้ว ทว่าวันนี้พวกนางออกมาช้ากว่าที่จะเป็นเพราะกว่าจะทำอะไรเสร็จ
จริง ๆ ของที่ทำขึ้นมาก็ใช้เวลาทำเท่ากันกับเมื่อวาน ทว่าเซี่ยซูเหยารู้สึกง่วงมาก กว่าจะจัดการกับตัวเองเสร็จท้องฟ้าก็เริ่มสาง
พอมาถึงตลาดทุกคนรีบทำหน้าที่เดิมของตัวเอง เซี่ยห้าวไห่ยกของลงไปก่อนคนอื่น ตามด้วยเซี่ยซูเหยาที่ลงไปยืนหน้าร้าน
‘ร้านนี้แน่ ๆ'
‘ใช่หรือ! ร้านเล็กมาก'
สตรีสองนางวัยไล่เลี่ยกันเดินมาชะเง้อมองหน้าร้านขายอาหารของสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยาที่เช็ดแผงขายอาหารชะงักก่อนยิ้มกว้างแล้วเอ่ยถาม
“พี่สาว พี่สาวมาซื้อของร้านอาเหยาหรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาถามยิ้ม ๆ ในมือยังรับผ้าจากพี่สาวแล้วปูที่แผง บิดาของนางยังไม่มีเวลาทำโต๊ะขึ้นมาใหม่ พวกนางจึงต้องใช้เท่าที่มีไปก่อน
“ที่นี่ใช่ร้านขายข้าวไข่ตุ๋นหรือเปล่าจ๊ะ” หญิงสาวที่น่าจะเป็นสาวรับใช้เอ่ยถามนางอย่างไม่ถือตัว
“ใช่เจ้าค่ะ ร้านอาเหยาขายข้าวไข่ตุ๋น” เซี่ยซูเหยามองดูแล้วยังยกของลงมาไม่เสร็จ นางจึงหยิบเอาถ้วยชิมฟรีออกมาก่อน พี่สาวสองท่านนี้ไม่เคยมาซื้อที่ร้าน
“วันนี้ทำมาเยอะหรือเปล่าจ๊ะ เของข้าชอบมันมาก” สตรีอีกนางยิ้มกว้าง
ทั้งสองคนเป็นอนุและสาวรับใช้จากจวนพ่อค้าในอำเภอ เมื่อวานมีคนนำข้าวไข่ตุ๋นไปที่จวน คุณชายของนางชอบมันมากอยากรับประทานอีก ทว่าฮูหยินใหญ่ของจวนไม่ยอมส่งคนมาซื้อไปให้ อีกทั้งยังกล่าวว่าที่จวนก็มีร้านอาหารเป็นของสกุลทำไมไม่ไปหาซื้อ อนุเฟิ่งจึงขออนุญาตออกมาซื้อเอง
“มีเยอะเจ้าค่ะ!”
“ข้าเอาที่เป็นเนื้อสามถ้วย!”
“ได้เจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยาโบกมือลาลูกค้าคนแรกของวันนี้ จากนั้นยื่นเงินที่ได้รับมาให้พี่สาว ของที่นำมาถูกวางลงแผงอย่างเป็นระเบียบ
“วันนี้อาเหยานำของมาขายเพิ่มด้วยเจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยาเริ่มตะโกนเรียกลูกค้าอีกครั้ง เมื่อวานนางก็ตะโกนไปแล้วทว่ามันคนละวัน ยิ่งเป็นจุดเด่นลูกค้าก็จะเข้ามาซื้อ!
“ลวกจิ้มหัวหมูกระทงละห้าอีแปะ! ไส้ย่างสมุนไพรกระทงละสิบอีแปะเจ้าค่ะ! แวะมาชิมดูได้ฟรี”
เสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังแข่งกัน อีกทั้งเสียงเด็กจะสู้เสียงผู้ใหญ่ได้อย่างไร เซี่ยซูเหยาเพิ่งไล่เซี่ยห้าวไห่ออกจากแผงตลาด นางจึงให้เซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยียนตะโกนช่วย
“ลวกจิ้มหัวหมูทางนี้ขอรับ!”
“ไส้ย่างหอม ๆ ทางนี้เจ้าค่ะ!”
“ไส้ย่างสมุนไพรอร่อย ๆ ชิมได้ขอรับ”
“ข้าวไข่ตุ๋นกุ้ง ข้าวไข่ตุ๋นผักทางนี้เจ้าค่ะ!
“ข้าวไข่ตุ๋นเจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยามองสองพี่น้องตะโกนช่วยนางอย่างยิ้ม ๆ คงกลัวว่านางจะเหนื่อยเพราะตะโกนเสียงดัง พอนางเปิดโอกาสให้ช่วยก็ไม่เว้นให้นางเสริมเลย
“อันนี้คืออันใดหรือ” มีบุรุษที่เดินผ่านได้ยินว่าไส้ย่างเขาก็เดินเข้ามาดูอย่างสนใจ น้อยมากที่จะมีคนขาย อีกทั้งหากทำไม่ดีก็เหม็นมาก
“ไส้หมูย่างสมุนไพรเจ้าค่ะ! พี่ชายลองชิมดู” เซี่ยซูเหยาชี้ไปยังกระทงเล็ก ๆ ที่ทำขึ้นมาให้ชิมฟรีโดยเฉพาะ ลูกค้าส่วนมากหากไม่เคยรับประทานพวกเขาก็จะไม่ซื้อ ทว่าพอมีให้ชิมฟรีใครจะอดใจไหว
“กลิ่นไม่มีเลย” นานแล้วที่เขาไม่ได้รับประทานของแบบนี้เพราะหายากมาก
“รับสักกระทงหรือไม่เจ้าคะ กระทงละสิบอีแปะเท่านั้น! หมดวันนี้ก็ยากที่จะได้ลิ้มรสอีก มีเพียงสิบกระทงเท่านั้นเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้ม ๆ
ไส้หมูย่างสมุนไพรนางทำได้เพียงสิบสองกระทง กระทงแรกเป็นสินค้าตัวอย่างเอาไว้ให้ลูกค้าชิม อีกกระทงเป็นของบ้านเซี่ยที่เซี่ยซูเหยาเก็บไว้รับประทานเอง ส่วนสิบกระทงที่เหลือก็นำมาขาย
“ฮ่า ๆ หนูน้อยของอร่อยแบบนี้หากยากมาก!” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ทั้งหมดยี่สิบอีแปะเจ้าค่ะ!
ดูเหมือนนางคงต้องให้เซี่ยซูเหยียนไปซื้อกระดาษมันสำหรับห่ออาหารแล้ว เผื่อนางจำเป็นต้องใช้ เมื่อสักครู่นางเกือบทำใบตองแตก
“ไว้ข้าจะมาอุดหนุนใหม่!”
วันที่สองของการค้าขายอาหารบ้านเซี่ยมีลูกค้าแวะเข้ามาไม่ขาด มีลูกค้าเก่าที่กลับมาซื้อข้าวไข่ตุ๋นรวมถึงอาหารใหม่ที่เซี่ยซูเหยานำมาด้วย ไส้หมูย่างสมุนไพรหมดลงภายในเวลาไม่กี่เค่อ
ไม่ต้องพูดถึงลวกจิ้มหัวหมูที่มีน้ำจิ้มอร่อย ๆ ที่นางนำมายี่สิบกระทง! มันหมดลงก่อนไส้หมูย่างเสียอีก ส่วนข้าวไข่ตุ๋นเป็นอาหารหลักของร้านก็ย่อมขายได้อยู่แล้ว ของหมดก็ปลายยามเฉินพอดี!
“เมื่อครู่ผู้ปล่อยเช่าแผงมาเก็บเงินคนที่ยังไม่จ่ายค่าเช่า เขาบอกว่าใกล้จะเปิดตลาดแล้วใครที่ยังไม่จองไว้ให้รีบไปจอง ไม่แน่ว่าใครที่จองแผงก่อนสิบอันดับแรกอาจสามารถซื้อแผงได้ในอนาคต!” เซี่ยห้าวไห่นั่งรอลูก ๆ ของเขาอยู่กับพ่อค้าและเหล่าคนเฝ้าเกวียนคนอื่น เขาจึงได้ยิน
“นั่นมันเยี่ยมไปเลยเจ้าค่ะ! ท่านพ่อต้องรีบไปจองนะเจ้าคะ ขอเพียงมีพื้นที่มากกว่าเดิมก็ดีขึ้นมาหน่อย” เซี่ยซูเหยารีบตอบบิดา ยังมีพ่อค้าแม่ค้าอีกหลายคนที่ขายของไม่หมดจึงยังไม่มีใครไปจอง หากพวกนางไปจองก่อนก็ได้สิทธิ์ก่อน
“ได้! กลับถึงบ้านพ่อจะรีบไปจอง ทว่าพ่อได้ยินว่าค่าเช่าแผงหนึ่งตำลึงเงินถึงห้าตำลึงเงินต่อเดือน!” นี่คือสิ่งที่ทำให้เซี่ยห้าวไห่กังวลอยู่บ้าง ค่าแผงแพงขึ้นหลายร้อยอีแปะ!
“ท่านพ่อไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ อาเหยาว่าเราต้องได้เงินคืนแน่ ๆ ทว่าคงต้องเช่าเกวียนวัวต่ออีก” เกวียนวัวเช่ามาเพียงสามวัน พรุ่งนี้หลังจากกลับมาจากตลาดก็ต้องเอาไปคืนแล้ว
“ไม่มีปัญหา! พ่อจะไปเช่าเกวียนสหายของพ่อเอง” เนื่องจากวันที่ไปเช่าวันแรกเกวียนวัวของสหายยังไม่ว่าง คาดว่าวันนี้คงว่างแล้ว
เซี่ยซูเหยานั่งนับจำนวนเงินที่ได้มาในวันนี้ เงินที่ได้รับมามากถึงสองพันหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ! หรือรวมแล้วก็คือสองตำลึงเงินหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ