ทุกคนดูชอบกุ้งนึ่งกับน้ำจิ้มที่เซี่ยซูเหยาทำมาก โดยเฉพาะเซี่ยห้าวไห่ที่เอ่ยชมลูกสาวไม่หยุด ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เซี่ยซูเหยาจะทำอาหารให้คนในครอบครัวรับประทานบ่อย ๆ ยามเปิดร้านอาหารจะได้ไม่มีใครกังวล และจะได้สนับสนุนนาง
วันนี้ทั้งเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนออกไปรับจ้างนอกบ้านไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็นำตะกร้าผ้าไปซักที่ลำธาร ซึ่งที่บ้านก็เหลือเพียงเซี่ยซูเหยา
ผ่านมาสามวันแล้วบิดาของนางก็ยังไม่พานางเข้าป่าอีกครั้ง ทว่านางเห็นว่ายุ่งเลยไม่ได้ไปรบกวนให้พาไป กุ้งกับปลาที่จับมายังไม่หมด เปลี่ยนน้ำทุกวันจึงยังไม่ตายและสดอยู่
เซี่ยซูเหยาอาศัยช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้านออกไปหาผักในแปลงผัก เซี่ยซูเจี๋ยจะย่างไก่ป่าที่ได้มาหลายวันก่อนแต่นางไปซักผ้าอยู่ เซี่ยซูเหยาเบื่อย่างแบบเกลือแล้ว
นางเห็นว่าแปลงผักมีผักหลายชนิดที่เป็นสมุนไพร สามารถนำมาปรุงอาหารได้ ไหน ๆ ในอนาคตนางต้องการจะเปิดร้านอาหารอยู่แล้ว เลยคิดค้นเมนูใหม่ของที่บ้าน แม้อาจเป็นเมนูที่หลายร้านมีก็ตาม เซี่ยซูเหยาคิดว่าต่อให้ชื่อเหมือนกันทว่าเครื่องปรุงหรือสูตรมันต่างกันก็เพียงพอแล้ว
เซี่ยซูเหยาเก็บเจียง หนันเจียง และหนิงเหมิงเฉ่า จากสวนหลังบ้าน แล้วนำไปล้างให้สะอาดรวมกับหนิงเหมิงเยี่ย
โจ้วผีหนิงเหมิง และเจียงหวง ที่เห็นอยู่ภายในห้องครัว ส่วนล่าเจียวนางไม่ได้ใส่เพราะกลัวว่าไก่จะเผ็ดเกินไป
หรือเรียกง่าย ๆ ก็พวกสมุนไพรที่มีในบ้าน เซี่ยซูเหยาใส่รวมกันทั้งหมด ดีที่เซี่ยซูเหยียนทำไก่ไว้แล้ว ไม่นั้นนางแย่แน่
เซี่ยซูเหยานำสมุนไพรที่ล้างไปวางให้สะเด็ดน้ำแล้วไปจุดเตารอ ไม่ถึงหนึ่งเค่อ สมุนไพรก็สะเด็ดน้ำจากนั้นก็นำไปโขลกรวมกันพร้อมทั้งใส่ซ้วนโถวและเกลือลงไปโขลกด้วย
โขลกจนละเอียดก็นำไปเทลงชามไก่ที่ถูกสับ เซี่ยซูเหยานับถือเซี่ยซูเจี๋ยจริง ๆ ที่ทำอาหารได้อย่างไม่เหนื่อย แต่ก็นั่นแหละคนทำมาตลอด
หมักไก่ทิ้งไว้หนึ่งเค่อเซี่ยซูเหยาก็นำไก่ไปเสียบไม้ นางไม่แน่ใจว่าทำถูกไหมแต่เห็นเซี่ยซูเจี๋ยทำแบบนี้ พร้อมทั้งใช้อะไรสักอย่างมัดปลายไม้ไว้ไม่ให้ไก่หล่น
ที่เซี่ยซูเหยาทำก่อนเซี่ยซูเจี๋ยกลับจะได้ไม่มีข้ออ้างให้เก็บไก่ไว้ตุ๋นให้นาง นางเบื่อไก่ตุ๋นจริง ๆ นะ ทว่าจะให้บอกเซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่กล้า
“อาเหยา! นั่นเจ้ากำลังทำอะไร”
เซี่ยซูเหยาที่พลิกไก่ไปมาถึงกับสะดุ้ง พี่สาวของนางเสียงดังมาก อีกทั้งมายามที่นางเผลอ ไม่แปลกที่จะตกใจ
“ไก่ย่างเจ้าค่ะ”
อาการป่วยไม่มีแล้วเซี่ยซูเหยาคิดว่ามันจะไม่มีอีก ก็นางไม่ใช่เซี่ยซูเหยาตัวจริงนี่ นางคือวิญญาณที่มาอยู่ในร่างนี้ ถ้าป่วยก็แปลกแล้ว
“ทำไมไม่รอให้พี่สาวกลับมาทำ”
เซี่ยซูเจี๋ยถอนหายใจพลางวางตะกร้าผ้าที่ซักเพิ่งเสร็จลงพื้น วันนี้นางไปช่วยย่าเฟิงซักผ้าด้วยจึงกลับมาช้า จะว่าช่วยก็ไม่ถูก เรียกว่าไปรับจ้างดีกว่า ได้มาสองอีแปะก็ยังดี
แต่พอกลับมาถึงบ้านนางก็ได้กลิ่นอาหารที่หอมมาก และนอกจากนางในบ้านก็ไม่ได้ทำอาหารจึงรีบเข้ามาดูในครัว พบว่าเป็นน้องสาวจึงคลายกังวล
“พี่สาวไปซักผ้าไม่ใช่หรือเจ้าคะ อาเหยาอยากช่วย”
เซี่ยซูเหยาค้นพบวิธีที่ทำให้ทุกคนยอมนาง นั่นก็คือการที่นางแทนตัวเองว่าอาเหยา และแทนอีกฝ่ายด้วยสถานะ อย่างเซี่ยซูเจี๋ยนางจะเรียกว่าพี่สาว เรียกเซี่ยซูเหยียนว่าพี่ชาย และเรียกเซี่ยห้าวไห่ว่าท่านพ่อ
“เอาเถอะ พี่สาวขอไปตากผ้าก่อน เดี๋ยวกลับมาทำต่อเอง” เซี่ยซูเจี๋ยบอก
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเจี๋ยเดินออกไปแล้วนางถึงกลับถอนหายใจออกมา พี่สาวของนางก็เหมือนมารดาเข้าไปทุกวัน แต่ก็นะ เลี้ยงนางมาตั้งแต่เล็ก ๆ เลย เพราะบิดาของพวกนางต้องทำงาน ไหนจะไปล่าสัตว์อีก
กว่าเซี่ยซูเจี๋ยจะกลับเข้ามาช่วยน้องสาวทำอาหารมื้อกลางวัน เวลาก็ล่วงเลยใกล้ถึงเวลารับประทานแล้ว กลางยามอู่เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็กลับมารับประทานอาหารที่บ้าน และจะกลับไปทำงานอีกทีก็ยามเว่ย
แม้จะมีเวลาพักน้อยทว่าทั้งสองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งลูกสาว พี่สาว และน้องสาวยังรออยู่ที่บ้าน
“หือ กลิ่นอะไรหอมจัง”
เซี่ยซูเหยียนเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวเข้ามาในห้องโถงของบ้าน วันนี้กลิ่นอาหารหอมมากและน่าจะเป็นไก่ที่สับไว้ก่อนจะไปทำงาน
“วันนี้มีไก่ย่างสมุนไพรจ้ะ อาเหยียนก็ไปล้างมือ เดี๋ยวพี่จะตักข้าวให้” เซี่ยซูเจี๋ยตอบน้องชาย
“ขอรับ”
ทั้งสี่คนลงมือรับประทานอาหารมื้อกลางวันอย่างเอร็ดอร่อย เซี่ยซูเหยาได้รับคำชมจากทั้งสามคนว่ารสชาติไก่ย่างสมุนไพรอร่อยมากถึงกับยิ้มจนแก้มแดง ไม่มีใครว่าสักคนว่าไก่ย่างรสชาติไม่อร่อย
“อาเหยาทำอาหารอร่อยมาก” เซี่ยซูเหยียนเอ่ยชมน้องสาว
นี่เป็นครั้งที่สองที่เซี่ยซูเหยาทำอาหารเอง และรสชาติกุ้งนึ่งกับน้ำจิ้มรอบแรกก็ทำอร่อย ทุกคนแม้แปลกใจที่เซี่ยซูเหยาทำอาหารเป็น ทว่าก็ไม่มีใครแย้ง
“จริงหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้วอาเหยา อาเหยาทำอร่อยกว่าพี่สาวเสียอีก” เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มกว้าง นางกังวลมาตลอดว่าหากน้องสาวออกเรือนไปแล้ว จะถูกครอบครัวสามีตำหนิเรื่องทำอาหารไม่เป็น ทว่ายามนี้อาเหยากลับทำอร่อยกว่านางเสียอีก
“ฮ่า ฮ่า”
ทุกคนเอ่ยชมเซี่ยซูเหยาเมื่อเห็นเซี่ยซูเหยาหน้าแดง ยิ่งเห็นนางเป็นแบบนี้ยิ่งน่าแกล้ง แต่ก็แกล้งได้ไม่นานเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็ขอตัวไปนอนพัก แม้หนึ่งเค่อก็ถือว่าพัก ส่วนเซี่ยซูเจี๋ยเก็บของไปล้าง และเซี่ยซูเหยานั่งเล่นที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านอย่างเกียจคร้าน ก็พี่สาวไม่ให้นางช่วยนี่
หมดเวลาพักเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนก็กลับไปทำงาน ส่วนเซี่ยซูเหยารู้สึกง่วงนอนเลยขอพี่สาวเข้าไปนอนกลางวัน
‘มีอะไรหรือเจ้าคะ’
‘ทำไม ข้ามาไม่ได้หรือ’
‘ท่านพ่อไม่อยู่เจ้าค่ะ ถ้าจะมาหาท่านพ่อ ป้าสะใภ้ใหญ่รอมายามเย็นจะดีกว่า’
‘แต่ข้าจะมายามนี้’
เซี่ยซูเหยาที่นอนงีบไปได้สักพักก็ต้องตื่นเพราะได้ยินเสียงดังนอกบ้าน นางเพิ่งจะหลับไปแท้ ๆ กลับต้องตื่นเพราะเสียงข้างนอก
“พี่สาว”
เซี่ยซูเหยาชะโงกหน้าออกจากในบ้านมาดูข้างนอก นางเห็นเซี่ยซูเจี๋ยยืนเผชิญหน้ากับสตรีวัยกลางคนที่ไม่คุ้นหน้า หรืออันที่จริงอาจรู้จักทว่านางจำไม่ได้
“อาเหยา”
“แหม่ ๆ เดี๋ยวนี้กินดีอยู่ดีเชียวนะ!” นางซือหลิงร้องขึ้นมาอย่างโมโห
ป่วยใกล้ตายอยู่แล้วแต่น้องชายของสามีนางก็ยังโง่อยู่ เอาเงินที่หามาได้ไปจ่ายค่าสมุนไพรให้เด็กผู้หญิง นางรึมายืมเงินให้ลูกชายเรียนหนังสือกลับถูกปฏิเสธ บอกไม่มีเงิน น่าแค้นใจนัก!
“พี่สาว”
เซี่ยซูเหยาหลุบตามองพื้นอย่างใช้ความคิด สตรีตรงหน้านางคือสะใภ้ใหญ่ของสกุลเซี่ยสายรอง พ่อสามีของนางซือหลิงคือน้องชายของท่านปู่เซี่ยซูเหยา พวกสกุลสายรองไม่ชอบหน้าครอบครัวของนาง
เพราะจริง ๆ แล้วก่อนที่จะตั้งผู้นำสกุลเซี่ยสายหลักปัจจุบัน ครอบครัวของนางซือหลิงก็มีสิทธิ์ที่จะได้ตำแหน่งนี้ เพียงแต่พวกผู้อาวุโสในสกุลต่างไม่ยอมรับสามีของนางซือหลิง เซี่ยห้าวไห่ที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษหลักจริง ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
“ท่านป้ากลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านพ่อกลับมาข้าจะบอกให้ไปหาที่บ้าน” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยบอกผู้เป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของสกุลเซี่ย
“กลับรึ? ฮ่า ฮ่า ถ้าข้าจะมาหาพ่อของพวกเจ้า ข้าจะมาทำไมเวลานี้” นางซือหลิงหัวเราะออกมาอย่างน่ารังเกียจ
เซี่ยซูเหยาอาศัยยามที่นางซือหลิงสนทนากับพี่สาวรีบลงกลอนประตู ถึงเซี่ยซูเจี๋ยจะอยู่นอกบ้านทว่านางซือหลิงคงจะไม่กล้าลงมือ และรีบไปลงกลอนประตูห้องครัวที่อยู่หลังบ้าน
โชคดีที่ปลาเหลือห้าตัวและจับมาขังไว้ในครัว เซี่ยซูเหยาไม่ไว้ใจนางซือหลิง ดูเหมือนว่านางรอเวลาที่บุรุษในบ้านไม่อยู่มารังแกพวกนางสองพี่น้อง
“นี่!”
“ท่านป้าสะใภ้ อาเหยาป่วย น้องสาวของข้ายังต้องพักผ่อน”
เซี่ยซูเจี๋ยรีบวิ่งมาขวางหน้าประตูบ้านพลางกางแขนไม่ให้นางซือหลิงเข้าไป แม้นางจะเตี้ยกว่าและมีพละกำลังที่น้อยกว่าทว่าในมือของเซี่ยซูเจี๋ยถือมีดอยู่ ช่วยไม่ได้ที่นางซือหลิงมาเวลานี้
“นังเด็กนี่!” ฝ่ามือที่กำลังจะตีลงบนใบหน้าของหลานสาวชะงัก เมื่อเซี่ยซูเจี๋ยง้างมีดขึ้นมาเหมือนกัน
เซี่ยซูเจี๋ยเป็นเด็กสาวที่เรียบร้อย งานบ้านงานเรือนนางสามารถทำได้ทุกอย่าง ทว่านางไม่ได้อ่อนแอ ยิ่งน้องสาวของนางเพิ่งหลับไปแต่ป้าสะใภ้ใหญ่กลับมาทำให้อาเหยาตื่นนางจึงโมโห
และเซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่ได้กลัวจะถูกด่าว่าเป็นเด็กอกตัญญู ยามนี้มีเพียงนางกับน้องสาว นางแค่อ้างว่าปกป้องน้องสาวก็ไม่มีใครว่าได้แล้ว ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนที่ใช้สกุลเซี่ยนั้นเป็นคนอย่างไร
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ นางยืนอยู่หลังประตู พอเห็นนางซือหลิงออกไปไกลแล้วถึงยอมเปิดประตูให้พี่สาว
“เฮ้อ”
“ผู้ใดหรือเจ้าคะ”
เซี่ยซูเหยาเป็นเด็กฉลาด นางจำรายละเอียดได้อย่างรวดเร็วแม้เจอกันเพียงครั้งเดียว ทว่าในความทรงจำที่มีนางเคยเจอนางซือหลิงเมื่อยามห้าหนาว
“ป้าสะใภ้ใหญ่ สะใภ้ของปู่รองนะ” เซี่ยซูเจี๋ยตอบน้องสาว
ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าสกุลเซี่ยไม่ถูกกัน ยิ่งสายหลักกับสายรองปัจจุบันนั้นต่างแย่งชิงกันมาตลอด ยามขึ้นเขาล่าสัตว์ก็เป็นเซี่ยห้าวไห่บิดาของพวกนางที่ได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ การเอาตัวรอด กล่าวได้ว่าเซี่ยห้าวไห่นั้นเก่งรอบด้าน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถเลี้ยงลูกสามคนมาได้ถึงทุกวันนี้
“นางไม่ชอบอาเหยาหรือ”
“ไม่ใช่ นางมายืมเงินท่านพ่อ แต่ท่านพ่อไม่ให้ไป นางเลยไม่ชอบบ้านเรา”
เซี่ยซูเจี๋ยไม่ได้เล่ารายละเอียดให้น้องสาวฟัง บางอย่างก็ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องรู้ ทว่าบางอย่างนางก็ไม่อยากเล่าให้อาเหยาเก็บไปคิดให้ช้ำใจ
“เจ้าค่ะ”
“อาเหยากลับไปนอนต่อเถิด พี่สาวเก็บผักอีกนิดก็เสร็จแล้ว” เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องสาว
เซี่ยซูเหยาพยักหน้า นางก็ง่วงอีกเหมือนกัน นางชอบตื่นตั้งแต่เช้าจึงไม่แปลกที่จะง่วงนอน ยิ่งร่างกายนี้นอนพักกลางวันมาตลอด พอถึงเวลาก็จะง่วง