เซี่ยซูเหยารีบเตรียมของเมื่อบิดาของนางอนุญาตและจะพาเข้าป่าไปจับปลาอีกครั้ง เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนรับจ้างชาวบ้านทำงานวันละห้าสิบอีแปะ ทำทั้งหมดห้าวันจึงได้เงินมาห้าร้อยอีแปะ ซึ่งเซี่ยซูเหยาปวดใจไม่น้อย เงินที่ได้รับน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงงานที่ได้ทำไป
ข้าวสาร 1 จิน เกือบสามร้อยอีแปะ ทั้งสองต้องทำงานแทบทุกวันเพื่อซื้อข้าวสารให้นาง แล้วคนอื่นในบ้านมีเพียงน้ำต้มข้าวใส ๆ ที่เหลืออยู่จากนางเท่านั้น หากนางไม่ใช่ผู้ตักข้าวเอง
เซี่ยซูเหยาไม่เข้าใจบิดาของนางเลย ทุกวันหากเข้าป่าล่าสัตว์ไปขายและเหลือไว้รับประทานในบ้านอย่างน้อยวันหนึ่งก็ได้เงินไม่ตำกว่าห้าสิบอีแปะ
ทั้งยังใช้เวลาไม่นานและพักเหนื่อยได้ตลอด
รับจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านไม่เพียงแต่ต้องใช้แรง ยังได้รับเงินที่สมควรจะได้รับน้อยมาก สู้เข้าป่าหาอาหารมาดีกว่าได้เงินเพียงน้อยนิดแล้วอดกิน
ทว่านางก็ไม่ได้ถามอันใดต่อ เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นค่อยถาม เซี่ยซูเหยารอให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนหยุดพักหนึ่งวันหลังออกไปรับจ้าง วันต่อมานางถึงอ้อนขอท่านพ่อเพื่อขอให้พาเข้าป่าอีกครั้ง ซึ่งท่านก็ตกลง
“วันนี้พี่คงไม่ได้ไปด้วย อาเหยาระวังตัวดี ๆ นะ!” เซี่ยซูเจี๋ยกำชับน้องสาว
“อาเหยารับทราบ”
เซี่ยซูเจี๋ยต้องซักผ้าของนางและคนในบ้านทั้งหมดเพราะนางเห็นว่าบิดาของนางกับน้องชายเหนื่อยจากการทำงาน ส่วนน้องสาวนั้นถูกยึดเสื้อตั้งแต่ถอดวางแล้ว
ไหนจะต้องเก็บผักในแปลงมาเตรียมเอาไปขายอีก เซี่ยซูเจี๋ยจึงตัดสินใจอยู่รอที่บ้านไม่ตามเข้าป่าเพื่อดูแลน้องสาว
“อาเจี๋ยเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พ่อกับอาเหยียนจะดูแลน้องสาวของเจ้าอย่างดี บางทีอาเหยาจะเป็นตัวนำโชคของบ้านเราก็ได้ ฮ่า ฮ่า”
หลังจากที่พาลูกสาวคนเล็กเข้าป่าและวันต่อมาต้องออกไปรับจ้าง เซี่ยห้าวไห่จะใช้เวลายามกลับบ้านเข้าไปดูกับดักสัตว์ที่วางเอาไว้ ไม่ก็จะเข้าไปจับปลา ทว่าเขาไม่เคยได้กลับมา วันนี้เมื่อลูกสาวมาขอเขาจึงอนุญาตให้ไปด้วย
“ข้าขอให้ได้ปลากลับมาเยอะ ๆ เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มอ่อน
หลายวันก่อนที่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่มาที่บ้าน ตกเย็นบิดาของนางจึงนำปลาที่เหลืออยู่ในห้องครัวไปให้กับสกุลเซี่ยสายรอง
และให้เหตุผลว่าเป็นการกตัญญูต่อผู้อาวุโส อย่างไรปู่รองกับย่ารองสกุลเซี่ยยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้พวกนางเป็นสายหลักแต่ก็ทำอันใดข้ามหน้าข้ามตาไม่ได้
“แน่นอน! อาเจี๋ยจะได้กินปลาทอด!”
เซี่ยห้าวไห่พาลูกชายเข้าไปตามเวลาเดิมของทุกวัน ก่อนจะกลับมาถึงบ้านยามเฉิน จากนั้นจึงลงมือรับประทานอาหารเช้าและพักเล็กน้อย ก่อนเซี่ยห้าวไห่จะพาเซี่ยซูเหยียนกับเซี่ยซูเหยาเข้าไปจับปลาอีกรอบ และครั้งนี้น่าจะได้กุ้งติดมือกลับมาด้วย เซี่ยซูเหยียนชอบมันมาก
บุตรสาวคนโตมีของโปรดเป็นอาหารที่ทำมาจากปลา ไม่ว่าจะเป็นทอด นึ่ง หรือต้ม ก็เป็นของโปรดของนางทั้งนั้น
บุตรชายคนรองที่รับประทานอะไรก็ได้ไม่เรื่องมาก ดูท่าจะติดใจฝีมือของน้องสาวคนเล็กอย่างเซี่ยซูหยา วันนี้เลยขอเซี่ยห้าวไห่จับกุ้งกลับมาด้วย
ส่วนบุตรสาวคนเล็กอย่างเซี่ยซูเหยาชอบที่สุดนั่นก็คือไก่ตุ๋น ที่ยามนี้น่าจะเปลี่ยนมาเป็นไก่ย่างสมุนไพร เพราะอย่างน้อยในห้าวันก็จะมีไก่ย่างสมุนไพรไปแล้วสี่วัน
“ท่านพ่อ อาเหยาขอเดินดูรอบ ๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยถามบิดาของนางที่กำลังขุดหลุมช่วยลูกชาย
นี้เป็นหลุมดักปลาที่เคยทำเหมือนรอบก่อน และเซี่ยซูเหยาก็ต้องการจะไปขุดไส้เดือนมาด้วยจึงเอ่ยขอ
“ได้สิ แต่อย่าไปไกลนะ! แล้วก็ระวังตัวด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ไม่รู้ว่าเซี่ยห้าวไห่คิดไปเองหรือเปล่าที่ลูกสาวของเขาแข็งแรงขึ้น เซี่ยห้าวไห่นอนคิดอยู่หลายวันว่าอย่างไรลูกสาวก็ต้องขอติดตามเข้าป่ามาอีกครั้ง จึงยอมอย่างง่ายดาย
เซี่ยซูเหยาหยิบตะกร้าเล็กเท่าชามที่ให้เซี่ยห้าวไห่สานให้ก่อนจะมายังป่าแห่งนี้ นางต้องการทำมาเพื่อใส่ไส้เดือนโดยเฉพาะ จะให้สะพายตะกร้าเล็กที่ใหญ่เกินตัวไปก็ลำบากเปล่า ๆ
บริเวณเดิมยังมีหลุมดินถูกขุดอยู่เซี่ยซูเหยาลืมไปสนิทเลยว่าควรที่จะไปขุดบริเวณใหม่ จะได้ไม่เป็นที่สังเกตของชาวบ้านที่จะมาล่าสัตว์หรือพักอยู่บริเวณนี้
เซี่ยซูเหยาเดินห่างจากจุดเดิมที่เคยขุดประมาณ 3 จั้ง ก่อนจะรีบลงมือขุดเพราะก่อนนางจะแยกตัวมาหลุมดักปลาก็ใกล้เสร็จแล้ว หากนางช้าบิดาของนางจะมาเห็นเสียก่อน อันที่จริงมันก็ไม่เป็นความลับ ทว่าเซี่ยซูเหยาคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องอธิบาย
ตัวนางหรืออันที่จริงคือเซี่ยซูเหยาคนก่อนป่วยมาตั้งแต่เด็กจึงเก็บตัวอยู่ภายในห้อง ความรู้ก็ไม่มีเพราะเป็นเพียงชาวบ้าน แม้แต่หนังสือคัดลอกเล่มเดียวก็ไม่มีเงินซื้อ และแน่นอนว่าแค่ก้าวเท้าออกจากบ้านก็เป็นไปได้ยาก นางจะบอกว่าเอาวิธีนี้มาจากไหนก่อน
รอบนี้เซี่ยซูเหยาขุดไส้เดือนไปมากกว่ายี่สิบตัว ครึ่งหนึ่งนางจะโปรยลงในหลุมดักปลา ส่วนอีกครึ่งจะโปรยเหมือนกันแต่จะโปรยทีหลัง พอได้เหยื่อครบเซี่ยซูเหยาก็กลับไปยังจุดนั่งพักของนาง นางรอให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนไปจับกุ้งก่อน ถึงจะนำไปโปรยลงหลุม
เซี่ยซูเหยาอยากกินปลาย่างเกลือว่าจะทำแต่ก็ได้รู้ว่าบิดาของนางนำไปให้ญาติสกุลเซี่ยหมดแล้ว นางโกรธมากทว่าคำพูดของพี่สาวมันทำให้นางคิดได้ ต่อให้แยกบ้านหรือแยกสายสกุลเซี่ย แต่ว่าบรรพบุรุษยังเป็นบรรพบุรุษเดียวกัน ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างนับถือบรรพบุรุษมาก และการที่จะต่อว่าหรือท้าทายผู้อาวุโสเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
เซี่ยห้าวไห่ได้ยินลูกสาวคนโตบอกว่าง้างมีดเพื่อป้องกันตัวเองจากการโดยตบ และนางทำเพื่อปกป้องน้องสาว จึงนำปลาที่เหลือไปให้เพื่อให้นางซือหลิงไม่เอาความ อย่างน้อยก็น่าจะสงบไปได้หลายวัน
โบร๋ววววว
เซี่ยซูเหยาหน้าซีดตัวแข็งทื่อ นางออกมาปลดทุกข์ไกลจากที่นั่งพักพอสมควร ก่อนจะกลับเลยแวะมาล้างมือที่ลำธาร แต่แล้วกลับได้ยินเสียงคำราม ในความทรงจำที่มีในหมู่บ้านไม่มีใครเลี้ยงสุนัข แล้วเสียงคำรามมากจากไหน
นอกจากเสียว่าจะเป็นหมาป่าที่พ่อของนางสั่งห้ามเข้าใกล้ เพราะหมาป่ามันดุร้ายมาก แต่นางเป็นคนรักสัตว์จึงลังเล และรีบวิ่งหาเสียงที่ดังขึ้น นางได้ยินเสียงร้องของลูกหมาป่า
เอ๋ง
เซี่ยซูเหยาเดินหาไม่นานก็เจอเข้ากับต้นเสียง นางเห็นหมาป่าเพศเมียขนดำแซมขาวเดินวนเวียนอยู่บนโขดหิน พลางร้องคำรามอย่างกระวนกระวาย
ก่อนสายตาจะมองไปยังจุดที่แม่หมาป่ามอง นางเห็นลูกหมาป่าเกาะโขดหินบริเวณน้ำไหลอยู่สามตัว! สองตัวใหญ่มีขนสีดำทั้งตัว แต่ตัวเล็กมีขนสีขาว
กรรซ์!
เซี่ยซูเหยาเดินถอยหลังเมื่อแม่หมาป่ามองเห็นนาง ดูเหมือนจะหวงลูกน้อยที่รอคอยความช่วยเหลือ ในใจก็อยากวิ่งหนี แต่นางก็อยากช่วยเด็ก ๆ นางเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือสัตว์ที่ตกอยู่ในอันตราย
“ข้า…ข้าจะช่วยลูกของเจ้า”
เซี่ยซูเหยากล่าวต่อรองกับหมาป่าตัวใหญ่ที่พร้อมขย้ำนางทั้งตัว นางเชื่อว่าด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ แม่หมาป่าจะยอมให้นางเข้าใกล้เด็ก ๆ
มองดูแล้วที่แม่หมาป่าไปช่วยลูกไม่ได้คงเป็นเพราะบนขามีรอยบาดแผล และลูกหมาป่าอยู่ในจุดที่ลงไปไม่ได้ เซี่ยซูเหยาเห็นว่าน้ำไม่ได้ลึกมากจึงหันไปขอบคุณแม่หมาป่าที่ยอมหลีกทางให้
“ขอบคุณ”
ก้าวแรกที่ก้าวลงน้ำ น้ำก็ถึงอกนางแล้ว แต่ก็ถอยไม่ได้ เพียงแค่ต้านน้ำไปได้ไม่ถึง 2 จั้ง นางก็ถึงตัวลูกหมาป่า น่าจะคลอดได้ไม่นานเพราะยังตัวเล็กกันอยู่
เซี่ยซูเหยาตัดสินใจจับเจ้าตัวที่เล็กสุดยัดใส่อกนาง ก่อนจะโอบลูกหมาป่าขนดำทั้งสองตัวขึ้นไปบนริมน้ำที่เย็นมาก
เซี่ยซูเหยารีบปล่อยลูกหมาป่าออกจากอ้อมแขนแล้วรีบคลานออกมาเมื่อแม่หมาป่าวิ่งมาหาลูก ต่อให้ไม่มีท่าทีจะทำร้ายนางแต่ก็น่ากลัวอยู่ดี
บรู๋ววววว
แม่หมาป่าคำรามก่อนจะหมอบลงพื้นมาหานาง เหมือนเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกของมันเอาไว้ เซี่ยซูเหยายิ้มทั้งน้ำตา
ก่อนที่จะชะงักเมื่อแม่หมาป่าคาบลูกหมาป่าขนสีขาวมาวางไว้ข้างหน้าของนาง แล้วรีบวิ่งไปหาลูกหมาป่าขนสีดำพลางพากันวิ่งหายไป
แม่หมาป่ายกลูกให้นางงั้นหรือ? ไม่เสียเวลาคิดมาก เซี่ยซูเหยารีบอุ้มลูกหมาป่าก่อนจะรีบกลับไปที่พักของนาง
ลับหลังเซี่ยซูเหยาแม่หมาป่าที่นางคิดว่าเข้าป่าไปแล้วเดินออกมาจากพุ่มไม้กับลูกหมาป่าอีกสองตัว ก่อนทั้งสามจะหมอบตัวลงและหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกับว่าไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
เซี่ยซูเหยาคิดว่าแค่ช่วยชีวิตลูกหมาป่านางจึงอุ้มลูกหมาป่ากลับมาอย่างสบายใจ แต่นางลืมไปว่าบิดาของนางกับพี่ชายคนรองรออยู่
“อาเหยา!”
เซี่ยห้าวไห่ร้องออกมาด้วยความร้อนใจ เมื่อสักครู่เขาได้ยินเสียงร้องของหมาป่าที่น่าจะตัวใหญ่ จึงพาลูกชายขึ้นมาจากน้ำ และให้ลูกชายขึ้นไปรอบนต้นไม้ ส่วนเขารีบเก็บของหากลูกสาวยังไม่กลับมา เขาจะรีบออกตามหา ซึ่งเซี่ยห้าวไห่ก็เห็นลูกสาวกลับมาด้วยร่างกายที่เปียกโชก
“ท่านพ่อ”
เซี่ยซูเหยาชะงัก นางลืมไปได้อย่างไรกันว่าเสียงของหมาป่าบิดาของนางก็ต้องได้ยิน แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว
“ท่านพ่อจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ” ของที่วางเรียงกันถูกเก็บใส่ตะกร้าหมดแล้ว
“ใช่”
“ลูกหมาป่า!”
เซี่ยซูเหยียนที่ปีนลงจากต้นไม้อุทานเมื่อเห็นสิ่งที่น้องสาวนำกลับมาด้วย เขาเข้าป่าตั้งแต่สิบหนาวจึงไม่แปลกที่จะรู้จัก
“อาเหยา!” เซี่ยห้าวไห่รีบสำรวจลูกสาว เพราะเห็นลูกสาวกลับมาจึงอุ่นใจและไม่ได้สังเกตถึงสิ่งที่ลูกสาวนำกลับมาด้วย
“ท่านพ่อ อาเหยาไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ เมื่อครู่อาเหยาช่วยชีวิตลูกหมาป่าเอาไว้ แม่หมาป่าเลยทิ้งลูกให้อาเหยาหนึ่งตัว” เซี่ยซูเหยายิ้มกว้างพลางเอาลูกหมาป่าตัวน้อยออกมาให้ทั้งสองดู
“อาเหยาว่าอย่างไรนะ? หมาป่า เป็นไปได้อย่างไร หมาป่าอยู่ในป่าลึก” เซี่ยห้าวไห่เป็นกังวล
“อาเหยาไม่ได้เข้าป่าลึกนะเจ้าคะ!”
“รีบกลับบ้านกันเถอะ ค่อยคุย”
เซี่ยห้าวไห่กลัวว่าจะมีหมาป่าหรือสัตว์ตัวใหญ่ออกมาอีก รีบพาลูกทั้งสองออกจากป่าทันที และตะกร้ายังเต็มไปด้วยปลาและกุ้ง