Chapter 1 หานตง ชายยาใจคนใหม่
หิมะโปรยปรายจนผืนป่าทางทิศเหนือของเทือกเขาคุนเหม่ยขาวโพลนสุดสายตา หญิงสาวใบหน้างดงามราวกับภาพวาดนั่งทอดอาลัยราวกับชีวิตได้หมดสิ้นลงแล้ว นางถอนหายใจเฮือกใหญ่จนเกิดควันสีขาวพวยพุ่งออกจากริมฝีปากสีชาด ความเศร้าปกคลุมจนดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยประกายสดใสหมองหม่นราวกับมีเมฆหมอกปกคลุม
“ข้าอยากรู้จักความรัก แม้เพียงสักครั้ง...”
นางจิ้งจอกขาวยื่นมือออกไปรองรับละอองหิมะ ก่อนจะถอนหายใจซ้ำๆ ราวกับต้องการปลดปล่อยความทุกข์ตรมในหัวใจ
เมื่อพ้นวัยปักปิ่นได้ไม่นานเย่วสือจำต้องเข้าพิธีไหว้ฟ้าดินกับจานซ่านฉินบุตรชายคนกลางของเผ่าจิ้งจอกหางแดง แน่นอนว่าเป็นการแต่งงานทางการเมืองเพราะเผ่าจิ้งจอกขาวเป็นเผ่ารักสงบที่มักถูกรุกรานโดยเผ่าอื่นๆ อยู่เป็นนิจ
ซึ่งเผ่าจิ้งจอกหางแดงนั่นแหละเป็นหนึ่งในบรรดาเผ่ามากมายที่มักมาระราน หาทางเอาเปรียบเผ่าของนางมาโดยตลอด ทว่าหลายปีให้หลังท่านประมุขจิ้งจอกขาวสำเร็จตบะชั้นแก่กล้าเป็นที่เคารพยำเกรงไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า จิ้งจอกหางแดงเห็นท่าไม่สู้ดี กลัวว่าอนาคตหากเผ่าจิ้งจอกขาวผูกสัมพันธ์กับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ตนคงเดือดร้อนในไม่ช้า จึงคิดอ่านทำสัญญาสงบศึกโดยการเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
เทือกเขาคุนเหม่ยทอดยาวหลายหมื่นลี้กินอาณาเขตไปถึงสามแคว้นบนโลกมนุษย์ ทว่าหากมองด้วยตาทิพย์เทือกเขาคุนเหม่ยกลับกินอาณาเขตไปถึงสามภพ มนุษย์ สวรรค์ และปรโลก เป็นดินแดนลี้ลับที่เต็มไปด้วยเทพเซียน สัตว์กึ่งเทพ ภูตผีปีศาจมากมาย การมีศัตรูจึงไม่เป็นเรื่องดี อะไรที่รอมชอมอะลุ่มอล่วยได้ประมุขจิ้งจอกขาวก็พร้อมจะทำ
และนั่นทำให้เขาตัดสินใจยกบุตรสาวคนเล็กให้กับเผ่าจิ้งจอกหางแดง หวังว่าบุตรสาวที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานมีชีวิตชีวาจะทำให้สองเผ่าสมานฉันท์ไปนับพันนับหมื่นปี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด...
“เข้านอนเถอะค่ะคุณหนู”
หลิงเผิ่งสาวใช้คนสนิทเดินมาแตะที่ไหล่ของเจ้านายสาว ก่อนจะเดินไปปัดฝุ่นที่เตียงซึ่งนางใช้เตาผิงเล็กๆ ซุกไว้ข้างใต้เพื่อให้เจ้านายสาวได้ผ่านคืนอันแสนหนาวเหน็บไปได้โดยลำพัง
แน่นอนนับตั้งแต่งานมงคลสมรสคุณหนูเย่วสือไม่เคยได้เข้าหอหลับนอนกับคุณชายซ่านฉินเลยแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยรู้กันอย่างลับๆ ว่าคุณชายซ่านฉินนั้นเป็นชายรักชอบหลงหยาง แบ่งท้อ ตัดแขนเสื้อ[1] มีคู่ขาลับๆ เป็นสหายสนิทซึ่งเป็นบุตรชายคนกลางของประมุขเผ่าจิ้งจอกสีเงิน
“ข้ายังไม่ง่วง เจ้านอนก่อนเถอะ ข้าจะชมจันทร์อีกสักหน่อย”
เย่วสือถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะผินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาแม้จับจ้องอยู่ที่จันทร์ดวงโต ทว่าหัวใจกลับล่องลอยไปไกลแสนไกลอย่างไร้จุดหมาย
“โถ...คุณหนูของข้า ถ้าทรมานนักก็กลับเผ่าเรากันเถิดเจ้าค่ะ”
เจียวเจี๋ยทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วแนบใบหน้าลงบนต้นขาของเจ้านายสาว เกือบปีแล้วที่นางแทบไม่เห็นรอยยิ้มของเจ้านายอีกเลย นับตั้งแต่เข้าพิธีแต่งงาน
“ข้าไม่อยากเป็นตัวปัญหา เข้าพิธีแต่งงานพ้นอกท่านพ่อท่านแม่มาแล้ว ข้าก็อยากจะหยัดยืนด้วยตัวเองให้ได้ วางใจเถอะเจียวเจี๋ยอีกไม่นานข้าคงทำใจได้”
เย่วสือยิ้มเศร้า ตอบโดยที่สายตายังทอดผ่านไปยังหิมะโปรยปราย
“ทำใจได้ หรือว่าเสียใจจนหัวใจมันด้านชากันแน่คะคุณหนู”
หลิงเผิ่งโพลงออกมาอย่างอดไม่ได้ เก็บแส้ปัดที่นอนแล้วเดินมายืนข้างเจียวเจี๋ย
“ข้าไม่ได้รักเขาข้าจึงไม่เสียใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นข้าทำเพื่อตอบแทนบุญคุณท่านพ่อท่านแม่ ตอบแทนบุญคุณเผ่าจิ้งจอกขาวของเรา หากการแต่งงานของข้าจะทำให้ทุกคนอยู่กันอย่างสงบสุข ข้าก็ยินดี”
“แต่ทุกคนคงไม่ดีใจหากรู้ว่าคุณหนูเป็นทุกข์”
“เรื่องนั้นช่างเถิด ข้าจะเข้านอนแล้ว”
เย่วสือตัดบทโดยการเดินไปทิ้งตัวลงนอน หลับตานิ่งอย่างไม่ต้องการพูดคุยหรือรับรู้เรื่องราวใดๆ อีก
“เจ้าค่ะคุณหนู”
สาวใช้ทั้งสองหันไปพยักหน้าให้กัน จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องนอนก่อนจะปรับทุกข์ด้วยความสงสารผู้เป็นนาย
“ท่านซ่านฉินนี่ก็เหลือทน ทำราวกับคุณหนูของเราเป็นหญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า ทั้งที่คุณหนูเป็นถึงบุตรสาวท่านไป่อวิ้นเซียนประมุขจิ้งจอกขาวผู้มากด้วยคุณธรรมและความรอบรู้” เจียวเจี๋ยบ่นพลางกัดฟันกรอด
“ท่านประมุขบำเพ็ญเพียรมานับหมื่นปีจนเทียบเท่าชั้นเซียน ขนาดประมุขจิ้งจอกเก้าหางที่ได้ชื่อว่าวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ ตบะอินทรีย์แก่กล้าเหนือจิ้งจอกทั้งห้าเผ่ายังต้องให้ความเคารพยำเกรง แต่คุณชายจานกลับปล่อยปละละเลย ไม่สนใจไยดีคุณหนู คิดแล้วมันน่าแค้นใจนัก” หลิงเผิ่งสำทับอย่างเห็นด้วย
“เห็นทีสิ้นฤดูหนาวนี้ ข้าจะกลับไปเรียนเรื่องนี้ให้ท่านประมุขทราบ ข้าทนเห็นคุณหนูตรอมใจไม่ไหวแล้ว”
สาวใช้ทั้งสองพากันทำท่าทางฮึดฮัดก่อนจะเดินจากไป โดยไม่รู้เลยว่าจานซ่านฉินยืนแอบฟังอยู่ด้านหลังเสาเงียบๆ
“ข้าจะทำอย่างไรดี...”
สีหน้าของซ่านฉินเต็มไปด้วยความวิตกกังวล หากเรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูท่านประมุขจิ้งจอกขาว มีหรือจะไม่ถึงหูท่านพ่อ เมื่อสืบสาวราวเรื่องท่านพ่ออาจรู้ว่าเขาเป็นชายรักชายซึ่งเป็นกฎเหล็กข้อห้ามของเผ่า ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าบิดาจะมีบทลงโทษเช่นไร เพราะท่านเป็นคนมุทะลุ ดุดัน และเจ้าอารมณ์เป็นอย่างมาก
“ข้าต้องคิดให้ออกว่าจะจัดการแก้ปัญหานี้อย่างไร คิดเข้าสิคิด คิด สิเจ้างั่ง เจ้าต้องคิดให้ออกเดี๋ยวนี้”
จิ้งจอกหนุ่มเดินวนไปวนมาอยู่บริเวณนั้นกว่าชั่วยาม แล้วในที่สุดริมฝีปากของเขาก็หยักยิ้มอย่างมีความหวัง
“ข้าคิดออกแล้ว ในเมื่อข้าให้ความสุขกับเย่วสือไม่ได้ ข้าก็หาคนมาทำให้นางมีความสุขเสียก็สิ้นเรื่อง ข้าจะคัดเลือกชายยาใจที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมมาให้นาง แค่นี้นางก็จะมีความสุข เรื่องราวทั้งหมดก็จะไม่ถึงหูท่านพ่อข้า”
ชายหนุ่มคลี่พัดสีแดงออกแล้วพัดเบาๆ ก่อนจะแปลงร่างเป็นจิ้งจอกหางแดงกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ย่องเบาลัดเลาะออกจากเผ่าเพื่อพบกับจื่อลู่ผู้เป็นชู้รัก ณ รังรักห่างไกลสายตาผู้คน
[1] รักชอบหลงหยาง แบ่งท้อ ตัดแขนเสื้อ เป็นสำนวนหมายถึงชายผู้ชื่นชอบเพศเดียวกัน