ตอนที่ 2 จับโจร

1125 Words
     เปิดประตูเสร็จ หันกลับมาเพื่อจะคุยกับราเชนอีกครั้ง ปรากฏว่าในห้องที่มืดสลัว ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเธอคนเดียว ตอนมาเงียบๆ ตอนไปก็เงียบเหมือนกัน ทำให้นรีรินรู้สึกหน่วง ๆ ในใจ เมื่อไหร่นะที่ครอบครัวของเธอจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน ไม่ต้องแยกจากกันนานๆ แบบนี้     เธอลากขากลับมานั่งที่เตียง ก่อนจะวางธนบัตรปึกใหญ่ที่อยู่ในมือ ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง ข้างหัวเตียงอย่างไม่สนใจ     “ก๊อก ก๊อก”      “เปิดประตู” เสียงตะโกนเรียกพร้อมกับเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าบ้าน     ‘ดึกดื่นขนาดนี้ใครมาเคาะประตู’     เธออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยมีประวัติเรื่องอาชญากรรม หรือโจรผู้ร้ายภายในไร่ คนงานรู้จักกันดีเกือบหมด ที่สำคัญครอบครัวของลุงเคน ก็อยู่หลังถัดไป หากเกิดอะไรขึ้นเธอจะส่งเสียงตะโกนให้ดัง       หญิงสาวเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่อยู่หน้าบ้าน หากเธอไม่เปิดให้ คงจะเคาะไม่เลิก        “ทำไมเปิดช้า!!” เสียงดังราวกับฟ้าผ่า น้ำเสียงดุดันแบบนี้ แค่ได้ยินเธอก็รู้แล้วว่าใคร        “นายสิงห์มีอะไรคะ มันดึกแล้ว รินนอนหลับ เพิ่งได้ยินเสียงเรียกก็มาเปิดให้นี่ค่ะ”     เจ้าของไร่คนใหม่ ภูสิงห์ เกียรติ์วรกุล หรือ นายสิงห์ เข้ามาดูแลบริหาร “ไร่ส้มภูลม” หลังจากที่นายใหญ่เสียไป ช่วงแรกทุกคนก็ระส่ำระสายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะต่างก็เกรงกลัวเจ้านายคนใหม่     เคยเห็นนิสัยใจคอ ภูสิงห์สมัยวัยรุ่น ก่อนจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผู้ชายคนนี้ลองได้พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น  น่ากลัว โหดเหี้ยม เด็ดขาด ไม่ต้องพูดอะไรแค่ยืนเฉยๆ ก็ข่มคนให้ขนหัวลุกได้     พอกลับมาอีกครั้งด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิที่เพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้น่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่า ร่างกายหนาใหญ่อย่างคนที่ทำงานหนัก สูง 180 เซนติเมตร หน้าตาคม หล่อเข้ม ไว้หนวดเครา สายตาดุดัน แต่ต่อให้หล่อแค่ไหนก็ไม่มีใครอยากยุ่งหรือมีเรื่องกับนายสิงห์ ที่แตกต่างกับนายใหญ่คนก่อน ราวกับไม่ใช่ พ่อลูกกัน      นรีรินมองเลยไปด้านหลังของภูสิงห์ เห็นคนงานหลายสิบคน มีอาวุธพร้อมในมือทุกคน จึงช้อนตาขึ้นมองหัวหน้าทีมที่อยู่ตรงหน้าเธอ ด้วยสายตาสงสัย      “นายสิงห์จะไปไหนคะ”      “จับโจร”      “จับโจร??” เธองุนงงอย่างหนัก บอกว่าจับโจร แต่เห็นทุกคนพร้อมใจกันมายืนหน้าบ้านเธอ      “หลบไป!!” ภูสิงห์ผลักตัวหญิงสาวให้พ้นทาง จนนรีรินแทบจะล้มหน้าคะมำ ถ้ามือเธอไม่คว้าประตูเอาไว้ก่อน             นี่แหละคือ นายสิงห์ ไร้ซึ่งมารยาท หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้ ทั้งที่เรียนจบมาจากเมืองนอกเมืองนา แต่มารยาทที่แสดงออกทุกอย่างคือบ้านป่าชัดๆ             “ไอ้ตะวันขึ้นมา ลุงอาจนำคนตรวจดูรอบ ๆ บ้านให้ทั่วอย่าให้เล็ดลอดสายตาไปได้ ที่เหลือฉันจัดการเอง” สั่งเสร็จภูสิงห์ก็ก้าวสวบๆ เข้าไปในบ้าน โดยมีนรีรินวิ่งตามไป             “นายสิงห์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น จับโจรแล้วทำไมต้องมาบ้านริน”             “เดี๋ยวก็รู้” เขาพูดเสียงเครียด ปากพูดแต่เท้าก็ก้าวไม่หยุด             นรีรินมองตามภูสิงห์กับลูกน้องคู่ใจนายตะวัน เข้าห้องโน้นออก ห้องนี้ รื้อค้นกระจัดกระจาย เธอได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ จนเหลือห้องสุดท้ายคือห้องนอนของเธอ             “นายสิงห์ นั่นมันห้องรินนะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เอ่อ..รินเพิ่งตื่นตอนที่นายเรียก จะมีโจรเข้ามาได้ยังไง” นรีรินเอ่ยปากห้ามภูสิงห์ทันที เมื่อเห็นเขาเดินตรงไปที่ห้องเธอ ทำท่าพร้อมจะเปิดเข้าไป    “ค้นให้หมด อย่าให้เหลือเล็ดรอดสายตาไปได้” ภูสิงห์หันไปสั่งตะวัน     เขาไม่สนใจเสียนกเสียงกา ยังคงเปิดประตูเข้าห้องนอนของหญิงสาวโดยไม่ฟังเสียงห้าม เพราะที่นี่คืออาณาเขตของเขา ตรงไหนที่เขาจะไป ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาห้าม     นรีรินผวาตามเข้าไปยืนประจันหน้ากับภูสิงห์ อย่างไม่ยินยอมให้ค้นเช่นกัน ในเมื่อมันเป็นห้องส่วนตัว ถึงแม้จะอยู่ภายในไร่ของเขา แต่ตอนนี้เธออยู่บ้านคนเดียว ภูสิงห์ควรจะให้เกียรติเธอบ้าง มันคงดูไม่ดีแน่ที่จะมีผู้ชายเข้ามารื้อค้นในห้องนอนที่เธออยู่เพียงลำพัง ถึงแม้คนนั้นจะเป็นเจ้าของไร่ก็ตาม     ภูสิงห์กวาดตามองนรีริน ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอจัดว่าเป็นสาวสวย ความสูงราว ๆ 160 เซนติเมตร ร่างบอบบาง เอวเล็ก แต่หน้าอกกลับอวบอิ่ม ตาโต จมูกโด่ง ปากเรียวบาง ดูไม่เหมือนลูกคนงาน ไม่คล้ายไพศาลหรือแม้แต่ราเชน เธอสวยแบบนี้นี่เองทั้งพ่อและพี่ชายจึงหวงนัก     สวยเหรอ?? เค้าไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสวยหรือไม่ก็ตาม แล้วเธอเป็นใคร ก็แค่ลูกคนงาน ที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก เป็นลูกไล่ของเขาเหมือนกับพี่ชายของเธอ แม้จะผ่านมานานจนต่างฝ่ายต่างโตกันหมดแล้ว ตอนเขากลับมารับช่วงต่อดูแลไร่ส้มภูลม แล้วไง เธอไม่เคยอยู่ในสายตาเขาแม้กระผีกเดียว     “หลบไปดีกว่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ภูสิงห์ย่างก้าวเข้ามาประชิดตัวของนรีริน จนเธอต้องผงะถอยด้วยความตกใจกับท่าทางคุกคาม และหน้าตาดุดันข่มขวัญของเขา     ถึงจะตกใจแต่เธอก็จ้องตาไม่ยอมหลบ ความโกรธและไม่ชอบใจจากส่วนลึกกำลังจะเปิดเผยออกมาให้เขาเห็น นรีรินจึงสะบัดหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าผู้ชายหนวดเครารุงรังที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ       ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น นรีรินเดินทางไปโรงเรียนพร้อมลูกคนงานอื่นๆ ในไร่ ส่วนลูกชายเจ้าของไร่จะเข้าไปเรียนในเมือง ไม่ได้เรียนที่เดียวกับพวกเธอ     ราเชนพี่ชายของเธอกับภูสิงห์เคยมีเรื่องทะเลาะกันแบบเด็ก ๆ ต่างคนต่างเขม่นกัน ไม่มีใครยอมใคร ไพศาลเคยเตือนราเชนหลายครั้ง อย่าไปมีเรื่องกับลูกชายคนเดียวของนายใหญ่ เพราะนายใหญ่ใจดีกับพวกเราทั้งครอบครัว ให้ยอมๆ ไป หรือไม่ก็ให้หลบเลี่ยง ไม่ให้ปะทะหรือมีเรื่องกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD