บทที่ 20 ต้องรายงานตัวกับเจ้านายทุกวัน

1131 Words
นรีรินเดินขึ้นไปบนออฟฟิศ หลังจากหยุดงานสามวัน ก็ต้องออกจากที่ซ่อนหลบภัย เลิกหลอกตัวเอง และหันหน้ามาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง ถึงแม้ไม่อยากเจอหน้า แต่ก็คงยากในเมื่อยังต้องทำงานให้เขา “น้องรินมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” ตะวันเอ่ยถามหญิงสาวทันทีที่เธอเปิดประตูห้องเข้าไป เธอกวาดตามองไม่พบคนอื่นนอกจากตะวัน จึงพรูลมหายใจออกมา “ดีขึ้นแล้วค่ะ หยุดงานหลายวัน ลำบากพี่ตะวันแย่เลย เดี๋ยวเที่ยงนี้รินเลี้ยงข้าวพี่ตะวันเป็นการ  ขอโทษนะคะ” เธอพูดกับชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยสีหน้าเกรงอกเกรงใจ “ไม่เป็นไรๆ งานนี้พี่ก็เคยทำอยู่แล้วไม่มีปัญหาว่าแต่จะเลี้ยงจริงปะ เลี้ยงที่ไหน เลี้ยงอะไร”        ชายหนุ่มแกล้งเอ่ยท้วงขึ้นมา ทำสีหน้ากระตือรือร้นอย่างรอฟังคำตอบ “เลี้ยงจริงค่ะ ... เลี้ยงที่...โรงอาหารไร่ส้มภูลม” “โอ๊ยยยย....นั่นมันกินฟรีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” “แล้วแบบนี้เรียกว่าเลี้ยงได้ปะ” นรีรินก้มหน้าลงไปใกล้ตะวันที่ส่งสายตาตัดพ้อมาให้ “เออๆ คราวหน้าพี่จะระบุเลยว่าอยากกินอะไร ไม่ปล่อยให้เราเป็นคนเลือกร้านเด็ดขาด” แล้วสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ในรอบสามวันเพิ่งมีวันนี้ที่หญิงสาวหัวเราะออกมาได้ หลังจากที่ต้องจมอยู่กับความทุกข์หนักที่บอกใครไม่ได้ ภูสิงห์ยืนจ้องมองคนทั้งคู่ที่กำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข ด้วย  สีหน้าทะมึน สายตาจ้องเขม็ง ไม่ถูกใจกับท่าทางที่หญิงสาวก้มหน้าน้อยๆ วางมือไว้ที่โต๊ะของตะวัน ดูสนิทสนมกันเกินเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยมองหรือสนใจว่าพวกเธอจะเป็นอยู่กันยังไง แต่วันนี้ไม่ใช่ ดูจะมีความสุขมากเกินไปแล้ว “ไอ้ตะวัน!!” นรีรินสะดุ้งเฮือก ตัวแข็งเกร็ง เมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนจากด้านหลัง ทั้งที่เขาไม่ได้เรียกชื่อเธอ แต่นรีรินก็ยืนนิ่งไม่กล้าหันกลับไปมอง ส่วนตะวันเมื่อได้ยินเจ้านายเรียกตนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาทันที “หวัดดีครับนายสิงห์ แหะ แหะ วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ” ตะวันรับรู้ได้ถึงความอึมครึมของบรรยากาศรอบตัว แต่บอกไม่ได้ว่าคืออะไร     เมื่อแอบมองหน้าเจ้านายเขาก็ยิ่งสงสัย ภูสิงห์เรียกเขา แต่สายตากลับจ้องไปที่อีกคน ด้วยความหวังดี กลัวหญิงสาวจะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนเล่นงานไปด้วย ตะวันจึงรีบบอกเรื่องที่พวกเขาคุยเล่นกันเมื่อครู่ “พอดีน้องรินบอกว่าจะเลี้ยงข้าว..” ตะวันแค่เพียงเกริ่นเรื่อง ภูสิงห์ก็ตวัดสายตาคมดุมาจ้องเขา ร่างกายตะวันสตาร์ฟหยุดนิ่งโดยอัตโนมัติ “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” พูดเสร็จภูสิงห์ก็เปิดประตูเข้าห้องของตัวเองไป ตะวันเดินมาสะกิดแขนหญิงสาวที่ยังยืนหันหลังนิ่ง ไม่เอ่ยทักทายเจ้านายอย่างผิดปกติ พวกเขาเป็นอะไรกันไป ทำไมเหมือนกำลังมีเรื่องบางอย่างที่เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไร “น้องริน เจ้านายเรียก” “เอ่อ...ค่ะ” หญิงสาวหันหน้ากลับมาพูดกับตะวัน “หน้ายังซีดอยู่เลย ท่าทางเรายังไม่หายดี ถ้าไม่ไหวยังไงก็คุยกับเจ้านายไปเลยนะว่าขอลาต่ออีกวัน เจ้านายถึงจะดูโหดๆ แต่เรื่องเจ็บเรื่องป่วยไม่ว่ากันแน่นอน” นรีรินยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง ที่หน้าซีดเพราะไม่สบายส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนน่าจะมาจากคนที่อยู่ในห้องมากกว่า เธอยังไม่กล้ามองหน้าหรือสบตาเขามากนัก “น้องริน เข้าไปสิ” ตะวันส่งเสียงเร่งอีกครั้ง นรีรินจึงวางกระเป๋าและเดินเข้าห้องไป “ทำไร ตั้งนานเพิ่งเข้ามา” “เก็บของค่ะ” เธอก้มหน้าน้อย ๆ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตา “คราวหน้าถ้าเรียกต้องเข้ามาทันที ฉันไม่ชอบรอ จำไว้!!” น้ำเสียงดุดัน ออกอาการไม่พอใจ แต่  นรีรินไม่สนใจ “ถ้าไม่มีอะไร รินขอตัวนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป เรียกมาด่าจะมาทนนั่งฟังทำไม “ถ้าเธอกล้าออกไป ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าการขัดคำสั่งของฉัน ผลมันจะเป็นยังไง” “นายสิงห์มีอะไรก็สั่งมาสิ จะเรียกรินเข้ามาด่าทำไม” หญิงสาวเริ่มโมโหที่เขามีแต่ว่าและคอยกดดันเธอ ภูสิงห์ได้ยินเสียงเธอโต้ตอบกลับมา ค่อยรู้สึกดีขึ้น เขาไม่ชอบที่เห็นเธอดูเซื่องซึม เอาแต่ก้มหน้า ก้มตา พอพูดออกมาได้ค่อยดูคล้ายผู้คนหน่อย “ต่อไปนี้ถ้าฉันมาถึงเธอต้องเข้ามาหาฉันทุกเช้า” “ทำไม...คะ พี่ตะวันก็เข้ารายงานนายทุกวันอยู่แล้ว” “เธอก็ต้องมารายงานเหมือนกัน เป็นเลขาประสาอะไรไม่เคยเข้ามารายงานสักครั้ง” เมื่อเขาให้เหตุผลที่พอฟังได้ เธอจึงนิ่งเงียบ มันคือเรื่องจริงที่ผ่านมาเธอคอยแต่จะฝากตะวันเข้ามารายงานเรื่องที่เขาสั่งตลอด ก็เธอกำลังปฏิบัติตามที่เขาต้องการ ไม่เข้าไปยุ่มย่ามกับเขา ตั้งแต่ข่าวลือในครั้งนั้น มันจึงเข้าทางเธอพอดี ถือโอกาสไม่ต้องเข้ามาเจอหน้าเขาอีก “ได้ค่ะ” “แค่นี้แหละออกไปได้” “คะ??” เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำหน้าตาทะมึนใส่เธอ ด้วยความสงสัยจึงเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ภูสิงห์จ้องตาเธอ ดวงตาคู่คมคู่นั้น ทำให้เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ คิดเห็นภาพที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะหลบสายตาและรีบหันหลัง ยังไม่ทันก้าวเดินด้วยซ้ำ เขาก็มายืนประชิดอยู่ด้านหลัง และจับตัวเธอหันมาเผชิญหน้ากัน “นาย..นายสิงห์จะทำอะไร” นรีรินหน้าตาตื่นตกใจ กลัวเขาจะทำอะไรเธอในห้องทำงาน และข้างนอกยังมีตะวันอีก หากเปิดประตูเข้ามาเห็น แล้วเธอจะทำยังไง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร” ภูสิงห์ประชิดตัวหญิงสาว เท้าแขนบนโต๊ะและกักตัวเธอไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ต้องยอมรับว่านรีรินเป็นคนสวย หน้าเรียว ปากบางอิ่มน่าจูบ จมูกโด่งเชิดขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าดื้อเงียบเหมือนกัน ยิ่งเห็นหน้าแดงปลั่งก็ทำให้เขาอดใจไม่ได้ “อย่านะ...พะ... พี่ตะวันก็อยู่ข้างนอก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD