ตอนที่ 7 พนักงานคนใหม่

1121 Words
หมอกลงหนาตั้งแต่เช้ามืด มองไปทางไหนก็เป็นสีขาวพร่ามัว อากาศหนาวเย็นจนเธอต้องหยิบ  เสื้อคลุมมาใส่ นรีรินยืนเหม่อมองต้นส้ม เรียงรายกันเป็นแถวกำลังออกลูกดกเต็มต้น เป็นบรรยากาศที่  สงบสุขและสวยแบบธรรมชาติ เหมาะกับฤดูท่องเที่ยวหน้าหนาว พื้นที่ปลูกส้มจากเดิมมีเพียงหลักพันไร่ แต่ปัจจุบันเริ่มขยายออกไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเจ้าใหญ่อันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ พื้นที่ส่วนหลัง ถัดออกไปจะเป็นไร่องุ่นอีกหลายร้อยไร่ ที่นายสิงห์ขยับขยายเพิ่มขึ้น และที่ได้ผลเกิดคาดคือ กาแฟ นำมาปลูกทีแรกทำท่าว่าจะไม่รอด ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญในการปลูกกาแฟมาปลูก มาดูแล หลังจากนั้นออกผลช่วยเพิ่มรายได้ให้กับไร่จนทุกคนยอมรับความสามารถของเจ้านายคนใหม่ ต้องยอมรับว่าภูสิงห์คือคนเก่งที่บริหารจัดการอะไรก็เป็นเงินเป็นทองเข้ามา และมีโชคเรื่องการทำเกษตร เพราะปีนี้ผลผลิตจากไร่ส้มภูลม ทั้งส้ม องุ่น มีปริมาณค่อนข้างเยอะ แถมช่วงนี้ยังราคาดี รสชาติอร่อยถูกใจลูกค้า “รินไปทำงานแล้วนะคะ เดี๋ยวเที่ยงๆ จะแวะมากินข้าวด้วย” “อือ...ไปเถอะ ตั้งใจทำงานล่ะ โชคดีนะเนี่ยที่นายสิงห์มีงานให้ทำ รินจะได้ไม่ต้องไปตะลอนหางานข้างนอก เห็นไหมพ่อบอกแล้ว ถึงนายเค้าจะดูดุน่ากลัว เคร่งครัด แต่ก็เป็นเฉพาะเรื่องงาน ไม่งั้นไร่เค้าจะใหญ่โตขนาดนี้เหรอ พูดถึงนายสิงห์เค้าก็แอบใจดีเหมือนกันนะ” ดีจริ้ง พ่อจะไปรู้อะไร เฮ้ยยยย.... ไม่อยากให้ไพศาลต้องมาทุกข์ใจ บางสิ่งไม่พูดออกไปก็น่าจะดีกว่า นรีรินยกมือไหว้พ่อเสร็จก็เดินออกจากบ้าน ซึ่งออฟฟิศอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักคนงานมากนัก วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรก งานที่ไม่ต้องหาให้ยุ่งยาก เจ้าของบริษัทเสนอให้ไปทำได้เลย ไม่รู้ว่าเงินเดือนเท่าไหร่ ต้องทำหน้าที่อะไร ล้วนแต่ไม่รู้สักอย่าง สั่งให้ไปก็ต้องไป เธอหยุดอยู่หน้าออฟฟิศของไร่ส้มภูลม ไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกไหม ไม่อยากเข้าไป แต่ทำไงได้ถ้าไม่ตกลงมาทำงาน เธอก็ไม่รู้จะประสบชะตากรรมอะไรบ้าง ทั้งเธอ ทั้งพ่อ และก็ราเชน เพราะคน ๆ นี้เดาใจไม่ได้ เกิดจะฆ่าพวกเธอทิ้งอย่างที่เขาขู่ไว้ ก็คงหนีไม่รอด เหมือนลูกไก่ในกำมือชัด ๆ ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง!!             นรีรินเดินเข้าไปในสำนักงาน ซึ่งยังเช้าอยู่มากยังไม่มีใครมา เห็นเพียงแม่บ้านกำลังทำความสะอาด เธอจึงเดินเข้าไปสอบถามก่อนจะทราบว่ามีเพียงตะวันลูกน้องคนสนิทและพ่วงตำแหน่งเลขาของ  ภูสิงห์ที่มาถึงออฟฟิศแล้ว ในเมื่อยังไม่มีใครมาเธอจึงเลือกที่จะเดินขึ้นไปสอบถามกับเลขานุการของเขาโดยตรง “สวัสดีค่ะพี่ตะวัน” “อ้าว น้องริน สวัสดีครับ มาแต่เช้าเลยนะ” “ก็...พอดีนายสิงห์บอกว่าให้มาทำงาน ไม่รู้ว่าจะต้องกรอกใบสมัครยังไง และไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง พี่ตะวันพอรู้ไหมคะ หรือว่ารินต้องรอนายมาก่อน” นรีรินส่งยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า ถึงแม้จะเป็นคนสนิทของภูสิงห์ แต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับดิน เจ้านายหาความเป็นมิตรไม่ได้เลย ต่างจากตะวันที่เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี น่าเข้าใกล้มากกว่า “นายสั่งไว้แล้ว มา ๆ กรอกใบสมัครเลย พี่จะได้เอาไปให้ฝ่ายบุคคลเค้าจัดการต่อ” ตะวันกวักมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานหน้าห้องของภูสิงห์ “ขอบคุณค่ะ” นรีรินก้มหน้าลงไปอ่าน และกรอกใบสมัคร พอต้องระบุตำแหน่งที่ต้องการสมัครก็เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ง่วนอยู่กับการจัดเรียงเอกสารใส่แฟ้มเสนอเซ็น “พี่ตะวันคะ แล้วรินต้องสมัครตำแหน่งอะไรคะ” “เลขานายสิงห์ครับ” “ห๊ะ!!” นรีรินตกใจ จนปากกาในมือร่วง “ฮ่า ฮ่า จริง!!” ตะวันหัวเราะออกมา “ไม่มีตำแหน่งอื่นเหรอคะ คือ รินจบ HR มา ขอไปทำที่ฝ่ายบุคคลได้ไหม” เธอมีสีหน้าอึดอัดลำบากใจ ถึงแม้เขาต้องการจับตามองเธอ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้ แค่อยู่ในออฟฟิศนี้เขาก็จับผิดเธอได้อยู่แล้ว "ไม่อยากอยู่ใกล้ แค่นี้ก็หายใจไม่ออกแล้ว" นรีรินบ่นพึมพำคนเดียว เสียงยังลอยไปถึงหูคนสนิทของภูสิงห์ "ไม่ต้องห่วงๆ ไม่ได้ตามนายหรอก จะให้มาทำงานเอกสารช่วยพี่ เพราะบางทีพี่ก็ต้องตามนายออกข้างนอก ไม่ต้องกังวล” "ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ ถ้าต้องอยู่ใกล้ทุกฝีก้าว สงสัยจะหวาดผวาตลอด อุ๊ย..ขอโทษค่ะ ลืมตัว" นรีรินที่หลงบ่นว่าที่เจ้านายไปหลายอย่างแล้ว เพิ่งคิดได้กำลังพูดอยู่กับลูกน้องคนสนิทเขา "ไอ้ตะวัน ถ้าใครมันไม่อยากทำงานก็ไล่กลับไป" เสียงตวาดดังขึ้นตรงหน้าประตูชั้นสอง นรีรินกำลังกรอกใบสมัครต้องสะดุดอีกรอบ เงยหน้าขึ้นมองตาม แต่ว่าที่เจ้านายก็เดินเข้าห้องทำงานไปแล้ว ใครเค้าอยากมาทำงานด้วย ถ้าไม่บังคับจ้างให้ก็ไม่มาเหยียบ!! นรีรินได้แต่บ่นในใจภายใต้ใบหน้าที่นิ่งสงบ คิดได้แต่ไม่กล้าพูดออกมา ถึงเขาจะข่มขวัญทุกคนได้ เธอก็ไม่สน ถ้าเมื่อไหร่ที่ราเชนปรากฏตัวขึ้นมา และเธอหางานทำได้ เธอก็พร้อมจะโบยบินออกไปจากที่ แห่งนี้             "น้องรินครับ" "เอ่อ...ค่ะ" นรีรินสะดุ้งหลุดออกจากความคิด หันมามองหน้าตะวันที่ก้มลงมาดูใบสมัครของเธอที่กรอกเรียบร้อยแล้ว "นายสิงห์เรียกพบ รีบไปเถอะ" "ค่ะ" นรีรินลุกขึ้น ก่อนจะก้าวเท้าช้าๆ ขาหนักเหมือนโดนอะไรถ่วงไว้ ยกแทบไม่ขึ้น ทำไมชีวิตมันถึงอยู่ยากอย่างนี้น้อ คนที่เธอแสนรังเกียจก็ต้องมาปั้นหน้าคุยกัน อยากออกไปให้พ้น ๆ จากที่นี่ก็ไม่มีใครเห็นด้วย พอเรียนจบมา คิดฝันว่าจะได้ออกไป ก็เป็นแค่ฝันเก้อเพราะดันมีเหตุต้องอยู่ต่อ ชีวิตที่เลือกไม่ได้ "ขออนุญาตค่ะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD