วันต่อมาพลอยไพลินเดินถือถาดอาหารเข้ามาแล้วนำไปวางไว้ที่ข้างเตียงแล้วพยุงแพรวพราวลุกขึ้นนั่ง
“ต้มยำปลากะพงร้านเจ้าประจำที่พี่สั่งได้มาหรือเปล่า” เธอถามพลอยไพลินด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ได้ค่ะพี่แพรว แต่ว่าพี่แพรวจะทานจริงๆ หรือคะ หมอบอกว่าพี่แพรวทานอาหารรสจัดไม่ได้นี่ค่ะ” เธอถามแพรวพราวเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้
“พี่อยู่ได้อีกไม่นาน เรื่องนี้เป็นความสุขอย่างเดียวที่พี่สามารถคว้ามันเอาไว้ได้ก่อนตาย ให้พี่ได้กินมันเถอะนะพลอย” เธอบอกพลอยไพลินแล้วค่อยๆ ตักอาหารทานอย่างช้าๆ และยิ้มออกมา
“อร่อยเหมือนเดิมเลย” แพรวพราวบอก
เธอทานต่อจนเกือบหมดด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุข พลอยไพลินเห็นพี่สาวทานได้เยอะก็ทั้งดีใจและเป็นกังวลว่ามันก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพเธอ เพราะโรคไตกินเยอะก็ขับของเสียออกไม่ทัน ทั้งวันสามารถดื่มน้ำได้ไม่เกินสองแก้วด้วยซ้ำ
สัตยาเดินตรงไปยังพลอยไพลินแล้วกระชากให้เธอลุกขึ้นยืน
“นี่จงใจจะฆ่าพี่สาวตัวเองหรือว่าไม่รู้กันแน่ว่าแพรวทานอาหารรสจัดไม่ได้ เธอนี่มันใจร้ายใจดำจริงๆ” สัตยาตวาดเสียงดัง
“อย่าโทษพลอยเลยค่ะ แพรวอยากทานเอง” แพรวพราวแก้ตัวให้พลอยไพลิน
“ถึงจะเป็นความต้องการของแพรว แต่เธอก็ไม่ควรทำตาม ไม่รักพี่สาวของตัวเองหรือไง มีสมองก็คิดให้มันเยอะกว่านี้สิ” สัตยาหันไปตวาดพลอยไพลินต่อจ้องเธอด้วยสายตาที่โกรธและไม่พอใจ
“พี่ใหญ่คะ แพรวแน่นท้อง” แพรวพราวบอกสัตยาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
สัตยาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แพรวพราวแล้วโทรเรียกรถพยาบาลทันที พลอยไพลินกลัวแพรวพราวจะเป็นอะไรไป เธอร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดว่าเธอเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่สาวต้องอาการทรุดลง
“พี่ใหญ่ สัญญากับแพรวนะคะ ว่าจะไม่ทิ้งพลอย จะดูแลพลอยแทนแพรว” แพรวพราวบอกเสียงเบา
“ไม่นะแพรว อย่าหลับนะ” สัตยาร้องบอกเธอ
“รับปากสิคะ” แพรวพราวถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนใกล้หมดลมหายใจ
“พี่สัญญาว่าพี่จะดูแลพลอยเหมือนที่แพรวดูแล” สัตยารับปากเธอขยับไปนอนอีกข้างของแพรวพราว แล้วโอบกอดเธอเอาไว้เพื่อให้กำลังใจเธอ
“พลอย” เธอเรียกพลอยไพลินเสียงเบา
“ขา พี่แพรว” พลอยไพลินเดินเข้าไป แล้วจับมือเธอเอาไว้
“พลอยอยู่ที่นี่ อย่าย้ายไปไหน ดูแลพี่ใหญ่แทนพี่ เข้าใจหรือเปล่า” แพรวพราวบอก
“พลอยรับปากค่ะ พี่แพรวอย่าเป็นอะไรนะ” พลอยไพลินบอกแล้วร้องไห้ออกมา
แพรวพราวยิ้มอ่อนลงเรื่อยๆ แล้วเธอก็หลับตาลงในอ้อมแขนของสัตยา ในขณะที่สัตยาและแพรวพราวนั้นร้องเรียกเธอด้วยความเป็นกังวลกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
**********************
แพรวพราวไม่ได้เสียชีวิตในทันทีเธอถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล โรคแทรกซ้อนที่เพิ่มเข้ามาทำให้ร่างกายเธออ่อนแอ และทนต่อการรักษาไม่ไหว เธอเสียชีวิตหลังจากถูกนำส่งโรงพยาบาลเพียงแค่สามวัน ทำให้สัตยาและพลอยไพลินนั้นเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก
งานศพของเธอถูกจัดขึ้นมาอย่างเรียบง่ายแต่ว่าสมเกียรติ แขกส่วนใหญ่ก็คือพนักงานบริษัทของสัตยาที่เข้ามาช่วยงาน และเพื่อนสมัยเรียนไม่กี่คนเท่านั้น ตลอดช่วงเวลาที่จัดงานศพสัตยาไม่ได้พูดหรือมองหน้าพลอยไพลินเลยแม้แต่น้อย เพราะโกรธที่เธอนำอาหารแสลงให้แพรวพราวทานจนอาการทรุดหนัก
ทั้งที่หมอบอกแล้วว่าไม่เกี่ยวกับสาเหตุการตาย เป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น แต่สัตยาที่มีอคติกับพลอยไพลินอยู่แล้ว เขาเลยตั้งใจโยนความผิดให้เธอ รวมถึงคำขอสุดท้ายที่ภรรยานั้นบอกเขาก่อนหมดสติ ทำให้เขาลำบากใจที่จะพบหน้าพลอยไพลิน
หลังจากงานศพเสร็จสิ้น สัตยาก็เก็บเสื้อผ้าเพื่อไปพักใจที่ทะเล เขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องนอนอยู่ห้องที่มีแต่ความหลังของเขากับแพรวพราว ส่วนพลอยไพลินเองก็เริ่มหางานทำโดยใช้วุฒิปริญญาตรีของเธอ และได้งานในตำแหน่งพนักงานบัญชีในบริษัทแห่งหนึ่ง
สัตยากลับมาในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ เขาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางของเขาอีกสองใบ พลอยไพลินรีบเดินเข้าไปหาเขาเพื่อจะช่วยเขาถือของ
“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันถือเองได้” สัตยาบอกเสียงเข้ม แล้วมองพลอยไพลินด้วยสายตาที่รังเกียจ
“ให้ฉันช่วยเถอะนะคะ คุณใหญ่ถือกระเป๋ามาตั้งหลายใบ คงหนักแย่”
“อย่าเอามือสกปรกของเธอมาแตะต้องข้าวของๆ ฉัน ที่เธออยู่ที่นี่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะฉันรับปากพี่สาวเธอเอาไว้ ดังนั้นต่างคนต่างอยู่ ถ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างมีความสุข” สัตยาตวาดขึ้นมาเสียงดัง แล้วคนขับรถที่พ่วงตำแหน่งคนสวนก็มาช่วยเขาถือกระเป๋าขึ้นไปเก็บยังห้องชั้นบน
พลอยไพลินมองเขาด้วยสายตาที่ตัดพ้อ น้ำตารื้นขึ้นมา ส่วนสัตยาเองก็มองเธออย่างเกลียดชัง เพราะเธอทำให้เขาต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ
พอถึงเวลาอาหารเย็น สัตยานั่งอยู่หัวโต๊ะ และพลอยไพลินก็ยกอาหารมาเสิร์ฟเขาพร้อมกับแม่บ้านอีกคน
“วันนี้มีแกงส้มที่คุณใหญ่ชอบด้วยนะคะ” เธอบอกแล้วเลื่อนถ้วยแกงส้มมาใกล้เขา สัตยาเงียบไม่พูดแล้วทานอาหารตรงหน้า ก่อนจะคายออกมาแล้วทิ้งช้อนส้อมลงที่จานเสียงดัง
“ใครเป็นคนทำ” เขาถามเสียงดัง
“เอ่อ ฉันเองค่ะ” พลอยไพลินบอก แม่บ้านที่ยืนอยู่ใกล้โต๊ะก็ก้มหน้านิ่ง
สัตยาถือถ้วยแกงส้มขึ้นมาแล้วสาดใส่พลอยไพลินก่อนจะโยนถ้วยแกงส้มทิ้งจนแตกกระจายเต็มพื้น
“วันหลังถ้าไม่รู้ว่าฉันกินเผ็ดไม่ได้ ก็ไม่ต้องสะเออะเข้าครัวอีก” สัตยาบอก พลอยไพลินกลั้นน้ำตาแล้วเดินไปหยิบถ้วยที่แตก แล้วเศษของถ้วยที่แตกบาดนิ้วมือของเธอ
“แค่เก็บเศษถ้วยก็ยังปล่อยให้บาดมือตัวเอง ซุ่มซ่าม” สัตยาบอกแล้วเดินไปหาพลอยไพลิน จับต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นยืน จ้องตาเธออย่างสมเพช
“จำเอาไว้ไม่ต้องทำอาหารให้ฉันกิน ไม่ต้องเอาหน้าของเธอมาให้ฉันเห็นตอนกินข้าว มันทำให้ฉันสะอิดสะเอียนและกินอะไรไม่ลง เพราะต้องทนเห็นฆาตกรที่ฆ่าพี่สาวอย่างเธอ” สัตยาตวาดขึ้นมาเสียงดัง ก่อนที่จะผลักเธอให้ล้มลงไปกับพื้นแล้วเดินออกไป
**********************
หนึ่งเดือนผ่านไปสัตยากลับมาถึงบ้านก็เอาแต่ดื่มเหล้า พลอยไพลินพยายามแอบดูแลเขาห่างๆ ทุกวิถีทางเพื่อทำตามคำขอร้องครั้งสุดท้ายของพี่สาว เธอยังคงช่วยแม่บ้านทำอาหารบางอย่างโดยไม่บอกสัตยาให้รู้ว่าเธอเป็นคนทำ
แต่ลึกๆ สัตยาก็รู้ว่าเป็นฝีมือเธอ เพราะรสชาติมันต่างจากแม่บ้านที่เคยทำแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะลึกๆ แล้วเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าพลอยไพลินแค่อยากทำตามที่แพรวพราวขอร้องและทางโรงพยาบาลก็บอกแล้วว่าแพรวพราวนั้นมีโรคแทรกซ้อนอยู่แล้วและเธอก็เสียชีวิตด้วยโรคแทรกซ้อนดังกล่าวด้วยตัวเธอเอง
ในวันธรรมดาสัตยาดื่มเหล้าแค่พอประมาณ แต่ถ้าเป็นคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์เขาจะดื่มหนักเป็นพิเศษ เพราะวันเสาร์เขาเข้าสายได้และวันอาทิตย์ก็เป็นวันหยุด
ทุกคืนวันศุกร์และเสาร์พลอยไพลินเลยต้องขอแรงให้คนในบ้านมาช่วยแบกสัตยากลับห้อง แล้วช่วยกันเช็ดตัวให้เขา แล้วจึงแยกย้ายกันกลับเข้าห้องนอนไป
“คุณพลอยคะ พอดีป้ากับลุงมีธุระด่วนต้องกลับต่างจังหวัด เพราะญาติเสียกะทันหันกว่าจะกลับอีกทีก็วันจันทร์ ช่วงที่ป้าไม่อยู่นี้รบกวนคุณพลอยดูแลเรื่องเสิร์ฟอาหารเย็นให้คุณใหญ่ด้วยนะคะ ป้าเตรียมไว้หมดแล้วเหลือแค่อุ่นก็พอ” แม่บ้านบอกพลอยไพลินในตอนเย็นวันเสาร์ที่เธอเลิกงาน
“ได้ค่ะป้า ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ” พลอยไพลินบอกเธอ แล้วเธอกับสามีก็รีบเข้าไปช่วยกันเก็บเสื้อผ้าทันที วันนี้เป็นคืนวันสุดสัปดาห์สัตยาคงดื่มหนักอย่างแน่นอน และพลอยไพลินคิดว่าเธอคงจะรับมือไหว
พอสักพักสัตยาก็กลับมาถึงทันก่อนที่พวกเขากำลังจะไป สัตยาให้เงินทั้งสองคนเป็นค่าเดินทางและช่วยค่าจัดงานศพเป็นจำนวนหนึ่งหมื่นบาทเพราะทั้งสองคนนั้นก็ดูแลเขามานาน และอนุญาตให้เอารถอีกคันกลับไปที่ต่างจังหวัดได้ พลอยไพลินอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เธอรู้ว่าสัตยานั้นเป็นคนที่มีจิตใจดีไม่น้อย
‘ดีกับทุกคน อ่อนโยนกับทุกคน ยกเว้นเราสินะ’ พลอยไพลินได้แต่คิดในใจ แล้วหลบไปในครัวเมื่อเขากำลังจะเดินเข้ามาในบ้าน
สัตยาขึ้นไปอาบน้ำพอลงมาก็พบว่ามีอาหารวางบนโต๊ะแล้ว เขารู้ว่าพลอยไพลินเป็นคนจัดการทั้งหมด และเธอก็ยังอยู่แถวนั้น
“มานั่งกินด้วยกันสิ” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ
พลอยไพลินสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะเดินไปหยิบจานกับช้อนส้อมเพื่อเดินไปนั่งทานข้าวกับเขาด้วยความกังวล
“งานเป็นอย่างไรบ้าง” สัตยาถามเสียงเรียบและทานอาหารไปด้วย
“ก็ดีค่ะ” พลอยไพลินตอบสั้นๆ
“เงินพอใช้หรือเปล่า” เขาถามต่อโดยไม่มองหน้าเธอ
“พอค่ะ ขอบคุณคุณใหญ่นะคะที่เป็นห่วง” เธอบอกเขา
“ฉันไม่ได้เป็นห่วง แค่กลัวว่าแพรวอาจไม่สบายใจถ้ารู้ว่าฉันไม่ได้ดูแลเธอเท่าที่ควร” สัตยาบอกแล้ววางช้อนส้อมลงหลังจากทานไปไม่กี่คำ
“คุณใหญ่อิ่มแล้วหรือคะ” พลอยไพลินถาม
“อืม” สัตยาบอกแล้วเดินไปหยิบเหล้าออกมาถือไปนั่งดื่มที่ห้องนั่งเล่น พลอยไพลินเลยพลอยทานอะไรไม่ลงเพราะบรรยากาศดูอึมครึมแปลกๆ เธอเก็บโต๊ะแล้วรีบขึ้นห้องไปปล่อยให้เขานั่งดื่มอย่างเป็นส่วนตัว
**********************
พลอยไพลินรอจนเกือบเที่ยงคืนก็ไม่มีวี่แววว่าสัตยาจะขึ้นมานอน เธอเลยตัดสินใจเดินลงไปดูและพบว่าเขานั้นเมาหลับอยู่ที่โซฟาแล้ว เธอคิดว่าเธอไม่สามารถพยุงเขาขึ้นห้องได้อย่างแน่นอน พลอยไพลินจึงเก็บขวดเหล้าและข้าวของบนโต๊ะก่อน แล้วจึงเดินไปหยิบอ่างใบเล็กและผ้าขนหนูมานั่งข้างๆ เขาแล้วเริ่มเช็ดตัวให้เขา
สัตยาลืมตาขึ้นมาเขามองเห็นเธอเป็นแพรวพราวแล้วยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้นะคะ นอนนิ่งๆ” พลอยไพลินบอกแล้วเช็ดหน้าและลำคอให้เขาก่อน สัตยายิ้มให้เธอแล้วจับมือของเธอไว้ พลอยไพลินแกะมือเขาออกแล้วแกะกระดุมเสื้อของเขาและเช็ดหน้าอกให้เขา
“ผมคิดถึงแพรวจัง” เขาพูดออกมาเสียงเบา
“ฉันรู้ค่ะ แต่คุณใหญ่ก็ไม่ควรดื่มหนักแบบนี้ พี่แพรวจะไม่สบายใจเปล่าๆ” พลอยไพลินบอกแล้วเช็ดแขนให้เขาทีละข้าง
“แพรว” สัตยาเรียกชื่อแพรวพราวออกมา
“นี่พลอยเองค่ะ ไม่ใช่พี่แพรว” พลอยไพลินบอกแล้ววางผ้าขนหนูใส่อ่างน้ำเตรียมจะเอาไปเก็บ
“พลอยอย่างนั้นหรือ” เขาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
“คุณใหญ่ลุกไหวหรือเปล่าคะ ถ้าไหวพลอยจะช่วยพาขึ้นไปนอนบนห้อง นอนที่นี่จะปวดหลังเปล่าๆ” พลอยไพลินถามอย่างห่วงใย จนสัตยานั้นอดสบตาเธอไม่ได้ ตอนนี้เขาเห็นชัดเจนแล้วว่าคนตรงหน้าคือพลอยไพลินจริงๆ ไม่ใช่แพรวพราว
“เธอรู้หรือเปล่า ว่าวันนั้นแพรวพูดอะไรกับฉันก่อนเข้าห้องไอซียูแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาอีก” สัตยาถามเธอ แต่พลอยไพลินไม่ตอบ
“แพรวอยากให้ฉันดูแลเธอในฐานะสามีภรรยา” สัตยาบอก มันเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของเธอก่อนที่เธอจะสิ้นใจโดยมีเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
“คุณใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำตามที่พี่แพรวบอกหรอกค่ะ เพราะว่าพลอยรู้ว่ามันคงเป็นอะไรที่ฝืนใจมาก” พลอยไพลินบอกเขาแล้วจะลุกเดินหนีไป แต่สัตยาคว้าข้อมือเธอเอาไว้
“เธอรังเกียจฉันอย่างนั้นหรือ” สัตยาถาม
“เปล่าค่ะ แค่เราไม่ได้รักกัน” พลอยไพลินพูดแล้วแกะมือเขาออก แต่สัตยาก็ไม่ยอมปล่อย
“งั้นก็รักฉันสิพลอย” สัตยาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เขากังวลเรื่องนี้มาตั้งแต่หลังงานศพของอดีตภรรยา เขารู้ว่าพลอยไพลินเป็นคนดี และเธอก็พยายามทำดีกับเขามาตลอด แอบดูแลเขาอยู่ห่างๆ แต่เขาเองที่ปิดกั้นทำเป็นไม่รับรู้อะไร
“คุณใหญ่เมาแล้ว ไปนอนเถอะค่ะ” พลอยไพลินบอกแล้วพยายามแกะมือเขาออกอีกครั้ง แต่สัตยาดึงเธอเข้ามาจนล้มทับตัวเขาแล้วรั้งท้ายทอยเธอเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม พลอยไพลินดิ้นรนอยู่สักพักก็หยุดดิ้นแล้วปล่อยให้เขาจูบต่อไปเรื่อยๆ
สัตยาเลื่อนมืออีกข้างไปโอบแผ่นหลังเธอให้แนบเข้ามาหาเขา แล้วค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่งแล้วจูบเธอต่ออย่างนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนไปจูบไซร้ซอกคอของเธอ แล้วล้วงเข้าไปในเสื้อเพื่อปลดชุดชั้นใน แต่มันทำให้พลอยไพลินได้สติ เธอดันตัวออกจากเขา ต่างฝ่ายต่างสบตากันด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
พลอยไพลินอับอายที่ตัวเองปล่อยให้เขาจูบเธอจนเคลิบเคลิ้ม ส่วนสัตยาเองก็หัวใจเต้นแรงกับจูบนี้ และเขาไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีกับสิ่งที่เขาทำ แต่ว่าด้วยทิฐิที่มีและกลัวเสียหน้าที่แสดงความรู้สึกออกไป เขาเลยแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้
“จูบแค่นี้ก็ยอมแล้ว ง่ายชะมัด คงอยากได้ฉันอยู่แล้วสินะ” สัตยาแกล้งพูดดูถูกเธอ แล้วก็ต้องแอบด่าตัวเองในใจที่ปากเสีย
พลอยไพลินเสียใจที่เขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เธอผลักเขาสุดแรงจนสัตยาล้มไปนอนที่โซฟาตามเดิม แล้วรีบขึ้นห้องไปด้วยความอับอาย และโกรธสัตยาที่ดูถูกเธอ
**********************
หลังจากคืนนั้นพลอยไพลินก็หลบหน้าเขาตลอด ทำเหมือนอย่างที่เคยทำอย่างแต่ก่อน ตื่นเช้าเพื่อรีบไปทำงานก่อนเขา และอยู่ทำงานล่วงเวลาจนค่ำเพื่อกลับมาทีหลังเขา เธอต้องการหาเงินให้มากพอแล้วรีบย้ายออกไปจากบ้านของสัตยา แม้ว่าจะรับปากพี่สาวเอาไว้แล้วก็ตาม เพราะเธอรู้ว่าเธอคงอยู่ร่วมกับเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเขานั้นเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ
พลอยไพลินอยู่ทำงานล่วงเวลาจนดึก เพื่อนร่วมงานของเธอจึงอาสามาส่งเพราะเป็นทางผ่าน สัตยามองเห็นเธอเดินลงมาจากรถและมีผู้ชายเดินมาส่งเขาก็หงุดหงิดแล้วตัดสินใจเดินลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าเธอมากับใคร
พอสัตยาลงมาถึงก็พบว่าพลอยไพลินกำลังเดินเข้ามาในบ้าน เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา แต่พลอยไพลินก็ไม่อยากทักทายหรือมองเขาให้เขานั้นไม่พอใจเลยรีบเดินหนีขึ้นห้องไป สัตยาเดินตามพลอยไพลินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านแล้วดึงแขนเธอไว้ก่อนเธอจะเข้าห้อง
“ปล่อยฉันนะคะ” เธอบอกเขาแล้วสะบัดมือออก
“วันนี้ใครมาส่ง” สัตยาถามเสียงเข้ม
“มันไม่ใช่เรื่องของคุณใหญ่นี่ค่ะ” พลอยไพลินบอกเสียงแข็ง ตั้งแต่วันนั้นเขายังไม่ได้ขอโทษเธอสักคำ และพลอยไพลินคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป เพราะสำหรับเขาเธอก็เหมือนแมลงสาบที่น่ารังเกียจ
“นี่บ้านฉัน เธอเองก็เป็นคนในปกครองของฉัน ฉันมีสิทธิรู้ทุกเรื่องของเธอ” สัตยาบอกโดยอ้างความเป็นใหญ่ในบ้าน
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเขาห่วงพลอยไพลิน ตั้งแต่คืนนั้นเขาก็อดคิดถึงแต่เธอไม่ได้ พยายามควบคุมหัวใจให้นึกถึงแต่แพรวพราว แต่ก็กลับนึกถึงคำพูดที่แพรวพราวขอให้เขาดูแลพลอยไพลินในฐานะภรรยา มันก็ทำให้เขาไม่ค่อยรู้สึกผิดเท่าไรนักหากจะมีใจให้พลอยไพลินจริงๆ
แต่สัตยาก็ยังคงเป็นสัตยา เขายังคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี เพราะแต่ก่อนว่าให้เธอเอาไว้มาก อยู่ๆ จะให้ทำดีด้วย สัตยาก็รู้สึกว่าเขาเสียหน้า ไม่อยากให้พลอยไพลินได้ใจ เพราะอาจจะเสียการปกครองหากต้องลงเอยกันจริงๆ
“งั้นพรุ่งนี้ฉันก็จะออกไปจากที่นี่” พลอยไพลินบอกแล้วเปิดประตูจะเดินเข้าห้องไป แต่ว่าสัตยาก็เดินตามเข้ามาแล้วคว้าตัวเธอเอาไว้ดึงเข้ามาจนพลอยไพลินชนกับแผงอกกว้างของเขา แล้วสบตาเขาที่กำลังไม่พอใจ
“ฉันไม่ให้เธอไป” สัตยาบอกเสียงเบา
พลอยไพลินลดท่าทีลงเมื่อได้ฟังน้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
“ทำไมคะ” เธอถามเขาเสียงเบา สบตาเขาที่กำลังสั่นไหวและมองเธอด้วยสายตาที่อาวรณ์ แต่สักพักสายตานั้นก็แสร้งทำเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา
“เพราะแพรวฝากให้ฉันดูแลเธอ และเธอก็มีหน้าที่ดูแลฉัน”
“ไม่ต้องทำตามสัญญาหรอกค่ะ เราต่างคนต่างรู้ดีว่ารับปากเพื่อให้พี่แพรวสบายใจ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เต็มใจอยากทำตามที่พี่แพรวขอเลยสักนิด คุณใหญ่ก็เกลียดฉัน ฉันก็เกลียดคุณ คนเกลียดกันอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกค่ะ” พลอยไพลินพูดด้วยอารมณ์ที่น้อยใจ
ทั้งๆ ที่ตั้งแต่โดนเขาจูบวันนั้น เธอเอาแต่คิดถึงจูบนั่นอยู่ตลอดถึงแม้จะโกรธที่เขาใช้คำพูดรุนแรงกันเธอก็ตาม เธอไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเผลอใจรักเขาไปแล้ว
“เกลียดฉันอย่างนั้นหรือ เธอบอกว่าเธอเกลียดฉันใช่ไหม” สัตยาตวาดขึ้นมา
“ใช่ค่ะ ฉันเกลียดคุณ เกลียด เกลียด เกลีย...อื้อ” พลอยไพลินขึ้นเสียงใส่เขา ย้ำบอกเขาว่าเธอนั้นเกลียดเขา แล้วก็โดนสัตยารั้งท้ายทอยมาจูบ เธอผลักเขาออกแล้วตบหน้าเขาไปหนึ่งที
“เลว” พลอยไพลินด่าเขาด้วยความน้อยใจ สัตยาก็ดึงเธอเข้ามาแล้วจูบอีกครั้ง
พลอยไพลินก็ผลักเขาออกอีกรอบแล้วตบหน้าเขาอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วก็โดนสัตยาดึงเข้าไปจูบอีกเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้เขารั้งเธอเอาไว้แน่น จูบบดริมฝีปากของเธอแล้วแทรกลิ้นเข้าไปจูบเธออย่างดูดดื่ม จนพลอยไพลินอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาก่อนที่สัตยาจะดันตัวเธอออก
“เธอไม่มีสิทธิ์เกลียดฉัน ฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์เกลียดเธอ” สัตยาบอกแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความสับสนที่เกิดขึ้นในใจ พลอยไพลินทรุดตัวลงที่พื้นแล้วปล่อยโฮออกมาไม่คิดว่าสัตยาจะทำทุกอย่างเพราะเกลียดเธอ
**********************