ท่ามกลางความวุ่นวายในคณะวิทยาการสารสนเทศ สาขาสารสนเทศศาสตร์ นักศึกษาชั้นปีที่สองกำลังเลือกรุ่นน้องหนุ่มสาวเพื่อเป็นตัวแทนของสาขาเพื่อไปประกวดดาวและเดือนของคณะแข่งกับสาขาอื่น เพื่อหวังส่งให้ถึงการประกวดระดับมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง
“น้องคนนั้น ถ้าถอดแว่น ทำผมใหม่ น่าจะพอส่งเข้าประกวดได้” นักศึกษาปีสองคนหนึ่งพูดขึ้น หลังจากมองหาคนหน้าตาดีในสาขาวิชาแล้ว มีผู้หญิงที่พอดูได้แค่เธอเท่านั้น
“อืม งั้นก็เอาคนนี้แหละ ทำไมปีนี้สาขาเราไม่มีคนสวยๆ บ้างเลยนะ” นักศึกษาอีกคนกล่าวขึ้นมาอย่างเสียดาย
มัสยาก้มหน้านิ่ง เธอรู้ว่ารุ่นพี่หมายถึงเธอ แต่มัสยาไม่อยากร่วมกิจกรรมอะไรอย่างนี้
“น้องคนนั้นน่ะ น้องน้ำ ลุกตามพี่มาเลย” นักศึกษารุ่นพี่สั่งเสียงดัง มัสยาเลยจำเป็นต้องลุกขึ้นมา
‘ซิ่วมาเรียนที่นี่แล้วยังต้องมาโดนรับน้องอีก น่าเบื่อชะมัด’ มัสยาบ่นในใจอย่างเบื่อหน่าย
เธอถูกพาตัวไปยังห้องกิจกรรมเพื่อรอเข้าร่วมการประกวดดาวคณะในตอนเย็นวันนี้พร้อมกับเพื่อนชายร่วมสาขาอีกคนที่ผลัดหน้านวลจนแทบไม่เห็นผิวจริง ดูก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ชายแท้ถึงพยายามแอ๊บแมนเต็มที่แล้ว แต่เพราะสาขาเธอเขาดูดีที่สุดแล้วรุ่นพี่เลยต้องเรียกตัวมาเหมือนกับเธอ
การคัดเลือกดาวและเดือนของคณะไม่ได้มีการแข่งขันอะไรมาก แค่รุ่นพี่โหวตกันเองเท่านั้น มัสยาที่ใส่แว่นหนาเตอะ มัดผมรวบลวกๆ เป็นจุกไว้กลางหัว และหน้าที่ไร้การแต่งเติมก็ไม่ได้ถูกเลือก เธอโล่งใจมากเพราะไม่อยากประกวดในระดับมหาวิทยาลัยต่อ เพราะไม่อยากเป็นที่รู้จักไปมากกว่านี้
จริงๆ แล้วมัสยาคือนางแบบที่รับงานเดินแบบตามห้องเสื้อต่างๆ เป็นที่รู้จักในวงการนางแบบเป็นอย่างดี รวมทั้งเคยแสดงโฆษณาและมิวสิควีดีโออยู่หลายงาน
เธอทำงานหนักเมื่อปีที่แล้วจนดรอปเรียนทุกวิชา เลยต้องย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้แทน ในสาขาที่เธอต้องการ เมื่อเรียนจบออกไปแล้วมัสยาอยากเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด การอยู่อย่างสันโดษ หนังสือและความเงียบคือสิ่งที่เธอต้องการ
มัสยากลับจากมหาวิทยาลัยก็ตรงไปที่ห้องพักสุดหรูของเธอที่เพิ่งย้ายมาทันที แล้วโทรกลับหาเอเจนซี่ที่ดูแลงานให้เธอ
“พี่ซันนี่โทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ” มัสยาถามเธอ
“พรุ่งนี้มีงานเดินแบบห้องเสื้อสายสมร เป็นชุดเจ้าสาว น้ำได้รับเลือกให้เดินในชุดฟิเนเล่ปิดงาน งานนี้ปฏิเสธไม่ได้นะจ๊ะ แล้วค่าตัวก็สูงมากด้วย” ศรุตาบอก เธอมักหางานให้มัสยาอยู่เสมอเพราะเอ็นดูที่มัสยานั้นกำพร้า
ญาติคนสุดท้ายคือยายของเธอเสียไปในตอนที่กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย แล้วมัสยาก็เริ่มทำงานพิเศษจนศรุตาไปเจอเธอเข้าแล้วเห็นแววเลยดันเธอให้เข้าสู่วงการนางแบบจนมีงานเข้ามาเรื่อยๆ อย่างนี้
“น้ำรับงานนี้ก็ได้ค่ะ แต่ว่าน้ำขอรับเฉพาะงานกลางคืน และงานที่ไม่กระทบต่อตารางเรียนนะคะ น้ำอยากเรียนให้จบ” มัสยาบอก
“พี่รู้แล้วจ้า งั้นวันนี้ซ้อมเดินนะ ไม่ยากหรอก ส่วนคิวเดินค่อยมาซ้อมหน้างาน” ศรุตาบอกแล้ววางสายไป
มัสยาถอดแว่นตาออก แล้วมองตัวเองในกระจก แค่ปีเดียวเธอก็สามารถทำผลงานได้มากแล้ว แต่ว่างานนี้ไม่ใช่งานที่เธอรัก มันเป็นแค่งานที่ทำให้เธอมีเงินเรียนในสิ่งที่เธอรักก็เท่านั้น
**********************
“ทำไมผมต้องเดินแบบให้แม่ด้วย” คชนาถถามเสียงเครียด เขาไม่ชอบการที่ต้องออกไปเดินบนเวทีให้ใครต่อใครจับตามองเขาอย่างนั้น
“ขอไปอยู่ที่อื่นแม่ก็ให้ไปแล้ว ให้อิสระทุกอย่างเต็มที่ แค่ช้างช่วยเดินแบบให้แม่แค่งานนี้งานเดียวเท่านั้นเอง แม่ไม่เคยขออะไรช้างเลยนะ” นุชนาถพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน้อยใจ
“แม่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบออกงาน” คชนาถบอกเสียงอ่อน กลัวมารดาจะน้อยใจไปมากกว่านี้
“แค่งานเดียว งานนี้งานเดียวจริงๆ” นุชนาถบอก เธออยากให้ลูกชายเป็นที่รู้จัก เพื่อเป็นใบเบิกทางให้เขาในอนาคต เพราะงานนี้มีคนดังในแวดวงต่างๆ มาร่วมงานมากมาย
“ตกลงครับ แค่งานเดียว งานแรก และงานสุดท้าย” คชนาถ ย้ำบอกมารดา
“ตามนั้นจ๊ะลูก ขอบใจมากนะที่ช่วยงานแม่” นุชนาถบอก
ห้องเสื้อสายสมรคือห้องเสื้อที่เปิดมานานถึงสี่สิบปีตั้งแต่รุ่นยายของคชนาถ นุชนาถรับช่วงงานนี้ต่อจากมารดา และหวังให้ลูกชายรับช่วงต่อเพราะเขาเลือกเรียนดีไซเนอร์ และมีฝีมือไม่ใช่ย่อย แต่เลือกที่จะทำงานเบื้องหลัง ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนเสียที แล้วยังรับไปบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยอีกด้วย
“ชุดที่ช้างออกแบบ แม่ใช้เป็นชุดฟิเนเล่เลยนะ ช้างเดินคู่กับนางแบบที่ใส่ชุดฟิเนเล่ แบบนี้แม่ว่าดีออก” นุชนาถบอก
“ครับ” คชนาถบอกแล้วลามารดาเพื่อกลับไปยังห้องพักที่เขาเช่าเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังแวะเวียนมาทานอาหารเย็นกับมารดาเป็นประจำ
คชนาถจอดรถที่ลานจอดรถแล้วเข้าไปยังอาคารที่พักสุดหรูของเขา แล้วขึ้นลิฟต์พร้อมกับมัสยาที่เพิ่งกลับจากการลงมาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อที่ชั้นล่างของอาคาร
เขามองเธอที่แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีบานเย็นที่ไม่เข้าชุดอย่างขัดตา รวมถึงผมที่รวบแบบขี้เกียจกับแว่นตาของเธอมันทำให้เขาขัดใจเป็นอย่างมาก
มัสยายิ้มให้เขาเล็กน้อยที่เขาช่วยเอามือดันประตูเอาไว้ให้เธอ แต่คชนาถไม่ยิ้มตอบ เพราะเขาไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้า มัสยาเลยหุบยิ้มแล้วเริ่มไม่ชอบคนตรงหน้าของเธอแล้ว
คชนาถไม่ได้ถามว่าเธอจะขึ้นไปชั้นไหน เขากดแค่ชั้นของตนเองแล้วก็ยืนอยู่ด้านหลังเอามือสอดในกระเป๋ากางเกงในมาดที่ดูดี มัสยาเห็นว่าเป็นชั้นเดียวกับเธอเลยไม่ว่าอะไรแล้วไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง พอลิฟต์เปิดเธอก็เดินออกไปก่อนทันที
คชนาถเดินสาวเท้าออกทีหลังหากแต่เขาขายาวเลยเดินแซงเธอไปแล้วหยุดที่ห้องข้างๆ ของมัสยา เธอทำหน้าเซ็งเมื่อรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดห้องของเธอ
‘เพื่อนข้างห้องขี้เก๊ก หยิ่งชะมัด’ มัสยาคิดในใจ แล้วเดินเข้าห้องไป พร้อมด้วยความรู้สึกเหม็นขี้หน้าหนุ่มข้างห้องอย่างแรง
**********************
ในตอนเช้าทั้งสองออกจากห้องพร้อมกัน มัสยาในชุดนักศึกษา มัดผมรวบทรงเดิมใส่แว่นตาเปลือยหน้าสด เดินไปกดลิฟต์ก่อนเขา คชนาถเดินตามไปแล้วยืนรอลิฟต์พร้อมๆ กับเธอแล้วมองทรงผมนั้นอย่างขัดใจ
พอประตูลิฟต์เปิดคชนาถก็เดินเข้าไปในลิฟต์ก่อน มัสยาที่ก้าวพร้อมไปกับเขาก็เลยเสียหลักสะดุดล้มลงไปซบที่หน้าอกของเขา คชนาถรับเธอเอาไว้แล้วดันตัวเธอออก คิดว่าเธอนั้นคงแกล้งอยากใกล้ชิดกับเขา
“นี่เธอ ระวังหน่อยสิ” คชนาถบอกเธอแล้วผลักเธอออกไปยืนข้างๆ
“ขอโทษค่ะ” มัสยาบอกแล้วยืนออกห่างจากเขา แล้วเจ็บใจที่เขาทำเหมือนว่ารังเกียจเธออย่างนั้น
ทั้งสองแยกกันออกจากลิฟต์แล้วไปเจอกันอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มัสยาเดินไปถึงหน้าอาคารวิทยบริการที่เธอกำลังจะขึ้นไปใช้ห้องแล็บคอมพิวเตอร์ที่นั่น คชนาถที่จะมาใช้บริการที่ห้องสมุดในอาคารนี้เพื่อนำข้อมูลไปเตรียมการบรรยายในคลาสที่เขารับผิดชอบ เขาคิดว่าเธอคงตามเขามาเลยส่ายหัวเบาๆ มันทำให้มัสยานั้นรู้สึกหมั่นไส้เขามากๆ
“ตามผมมาทำไม” คชนาถถาม
“ตึกนี้เป็นของคุณงั้นหรือคะ” มัสยาไม่ตอบแต่เธอถามเขาคืนด้วยความหมั่นไส้
คชนาถจ้องหน้าเธอเขม็งไม่คิดว่าจะเจอเด็กเมื่อวานซืนพูดอย่างไร้มารยาทกับเขาแบบนี้
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ ยายเพิ้ง” คชนาถพูด เรียกเธอด้วยถ้อยคำที่ทำเอามัสยานั้นโกรธเขาเป็นอย่างมาก ถึงเธอจะแต่งตัวแบบนี้ แต่มันก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนก็แต่งทั่วไป เพียงแค่เธอไม่ชอบแต่งหน้าเพราะงานของเธอทำให้ผิวหน้าเธอไม่ได้พักผ่อน และเธอไม่อยากให้มีคนจำเธอได้ มัสยาจึงชอบเปลือยหน้าสดก็เท่านั้นเอง
“บูลลี่เก่งจังเลยนะคะ คุณขี้เก๊ก” มัสยาบอกแล้วเดินเชิดหน้าออกไปไม่สนใจว่าจะทำให้คชนาถโมโหแค่ไหน เพราะเธอเองก็โมโหเขาเช่นกัน
**********************
วันงานเดินแบบในตอนเย็นมัสยาขับรถมาถึงสถานที่จัดงานก็รีบเข้าไปแต่งหน้าทำผมทันที เธอใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการจัดการความเรียบร้อยและเตรียมตัวเดินเป็นลำดับสุดท้าย
เธอถูกพาตัวไปยืนอยู่ด้านหลังเวทีในชุดเจ้าสาวที่คชนาถเป็นคนออกแบบและตัดเย็บด้วยตัวเอง
คชนาถที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วเขาหันหน้ามา เห็นมัสยาที่แต่งหน้าทำผมเข้ากับชุดเขาได้อย่างลงตัวก็ถึงกับตะลึงกับความสวยงามที่สมบูรณ์แบบนั้น
“นี่น้องน้ำ นางแบบที่จะมาใส่ชุดฟินาเล่ให้กับคุณช้างค่ะ” ศรุตาบอกคชนาถที่กำลังตกตะลึงอยู่
“สวยมากครับ เอ่อ ผมหมายถึง นางแบบใส่ชุดนี้ได้ออกมาสมบูรณ์แบบมาก” คชนาถบอกแล้วมองมัสยาไม่วางตา
“นี่คุณช้าง เป็นลูกชายเจ้าของห้องเสื้อนี้ และเป็นคนออกแบบชุดนี้เอง” ศรุตาบอกมัสยารู้ว่าเขาจำเธอไม่ได้ เธอก็ยิ้มให้เขาแล้วไหว้เขาอย่างอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะคุณช้าง ชุดสวยมากเลยนะคะ” มัสยาชมเขา
คชนาถยังคงมองเธอไม่วางตาจนศรุตาต้องกระแอมใส่เขา คชนาถถึงได้หลุดจากภวังค์
“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ” คชนาถถามตรงๆ ออกมาแล้วส่งยิ้มให้เธอ
“นี่คุณช้างพูดจริง หรือแค่พูดเพื่อชวนน้ำคุยคะ” มัสยาถามเขายิ้มๆ
“ผมคุ้นหน้าคุณจริงๆ นะครับ” คชนาถบอก
“น้องน้ำเรียนที่มหาวิทยาลัยที่คุณช้างไปเป็นวิทยากรพิเศษการออกแบบแฟชั่นไงล่ะคะ” ศรุตาบอกเขา
คชนาถยิ้มแล้วพลางคิดว่าอาจจะเป็นอย่างที่ศรุตาพูด
‘ฉันก็ยายเพิ้งของคุณไงคะ ไอ้คุณช้างขี้เก๊ก’ มัสยาพูดแขวะเขาในใจ
เมื่อได้เวลา มัสยาก็เดินคล้องแขนคชนาถออกไป เดินตามคิวที่วางไว้ตรงจุดที่กำหนดหน้าเวที พร้อมกับคล้องคอซบหน้าลงที่หน้าอกของเขา และผละออกจากอกเขา ควงแขนกันเดินไปยืนตรงจุดสุดท้ายแล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน เรียกเสียงปรบมือจากบรรดาผู้ที่มาร่วมงานอย่างเกรียวกราว
นางแบบคนอื่นๆ ทยอยเดินออกมายืนหน้าเวทีแล้วนุชนาถก็เดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อยืนแทรกกลางระหว่างคชนาถและมัสยาเพื่อถ่ายรูป เธอยิ้มกว้างที่งานในครั้งนี้เป็นไปตามที่กำหนดและผลตอบรับดีเกินคาด
หลังงานเดินแบบมัสยาเปลี่ยนชุดเตรียมตัวจะกลับ แต่ว่านุชนาถให้ศรุตามาชวนเธอไปทานอาหารเย็นร่วมกันก่อน มัสยาจึงต้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดีที่เธอมีชุดสำรองมาเปลี่ยนไม่อย่างนั้นคงได้ใส่ชุดนักศึกษาไปแน่นอน
‘ดีนะที่ยังไม่ล้างเครื่องสำอางออก ไม่อย่างนั้นอีตาช้างขี้เก๊กคงจำเราได้แน่’ มัสยาคิดอย่างโล่งใจ เอาชุดเดรสและรองเท้าที่ติดรถไว้ออกมาเปลี่ยนแล้วขับรถไปร้านอาหารที่ศรุตาส่งพิกัดมาให้
คชนาถมองมัสยาที่เดินเข้ามาด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอสวยและสดใสในชุดเดรสสีส้มอ่อนนั้น
“ป้าเลือกหนูน้ำเพราะได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะจ๊ะ” นุชนาถบอก
“น้ำต้องขอบคุณมากกว่าค่ะที่ให้โอกาสน้ำ” มัสยาพูดเสียงหวานอย่างเอาใจ
คชนาถลอบมองเธออยู่บ่อยครั้งด้วยความสนใจ เขาไม่เคยรู้สึกว่าอยากทำความรู้จักกับใครเลยนอกจากคนตรงหน้าในตอนนี้
“ถ้าป้าจะให้น้ำมาเดินแบบให้ป้าอีกในงานการกุศลเดือนหน้า น้ำจะมาให้ป้าได้หรือเปล่า” นุชนาถถาม ศรุตาหันไปมองหน้ามัสยา อยากให้เธอตัดสินใจเอง
“ถ้าช่วงเวลาไม่กระทบกับการเรียนของน้ำ น้ำก็ยินดีค่ะ” มัสยาบอกแล้วยิ้มให้อย่างสุภาพ นุชนาถยิ้มอย่างพอใจที่เธอตอบออกมาตามตรง
“ช่วงนี้น้ำไม่ค่อยรับงานเยอะค่ะคุณนุชนาถ เพราะว่าอยากตั้งใจเรียน ปีที่แล้วทำงานเจ็ดวันไม่ได้พักจนต้องหยุดเรียนไปกลางคัน ปีนี้เลยตั้งใจว่าจะเรียนเป็นหลักค่ะ” ศรุตารีบอธิบายกลัวนุชนาถไม่เข้าใจ
“อืม งานนี้เดินแบบตอนเย็น ไม่น่าจะกระทบกับการเรียนหรอก ป้ารับรอง” นุชนาถบอกแล้วยิ้มให้มัสยา
“แล้วงานก็ตรงกับวันเสาร์ด้วยนะครับ รับรองว่าไม่กระทบกับการเรียนแน่นอน” คชนาถบอก
“ถ้าอย่างนั้น น้ำก็ขอรับเกียรตินี้ไว้เลยนะคะ” มัสยาบอกแล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน จนคชนาถแทบจะทนไม่ไหวที่อยากจะสานต่อความสัมพันธ์กับเธอ
เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกย้าย มัสยาที่ทำเป็นขอตัวกลับก่อน เธอเดินหลบไปในห้องน้ำเพื่อไม่ให้คชนาถเห็นรถเธอ กลัวเขาจะจำรถได้ มัสยารอสักพักจนมั่นใจว่าคชนาถกลับไปแล้วเธอจึงรีบเดินกลับมาที่รถแล้วขับไปแวะเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาที่ปั๊มน้ำมัน ลบเครื่องสำอางออก ถอดคอนแทคเลนใส่แว่นตาเอาไว้ แล้วจะแกะผมลงมาแต่ว่าติดที่โดนสเปรย์แต่งผมมัสยาเลยตัดสินใจเอาผ้าพันคอมาคลุมผมเอาไว้
เธอกลับไปที่ห้องพักเวลาไล่ๆ กับคชนาถที่แวะไปส่งมารดามา คชนาถมองมัสยาที่อยู่ในลิฟต์ก่อนแล้วทำหน้าเหมือนขำเธอ
“ขำอะไรมิทราบคะ” มัสยาถามเขาเสียงห้วน
“ไปเรียนแต่งตัวแบบนี้มาจากไหน ผ้าคลุมไม่เข้ากับชุดนักศึกษาเลยสักนิด ตลกดี” คชนาถบอก
มัสยาเงียบไปเธอไม่ตอบโต้เขาจนประตูลิฟต์เปิด เธอก็เดินตรงไปที่ห้องแล้วหันมาหาเขาที่กำลังเปิดห้องอยู่
“ปากของคุณก็ไม่เข้ากับหน้าของคุณเลยนะคะ ตลกดี” มัสยาพูดแล้วปิดประตูห้องแล้วเบ๊ะปากด้วยความหมั่นไส้
‘ตอนฉันสวยก็มองไม่วางตา พอล้างหน้าก็ทำเป็นรังเกียจ’ มัสยาคิดในใจ แล้วรีบไปอาบน้ำสระผม เพราะพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า
**********************