'สันต์'
"แหม...พ่อคุณ แค่เลือกของฝากมันจะยากขนาดนั้นเลยเหรอคะ" สาลี่หลุดยิ้มเมื่อมีสายเรียกเข้าจากช่องแชทของสันต์ขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะกดรับในวินาทีถัดมา
(ไงคะเบบี๋...)
(ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีความเกี่ยวพันธ์อะไรกับเจ้าของมือถือเครื่องนี้หรือเปล่าครับ)
(คะ... เอ่อ... ฉันเป็นน้องสาวพี่สันต์ค่ะ)
(ตอนนี้เจ้าของมือถือโดนทำร้ายร่างกายจนหมดสติอยู่ในลานจอดรถของซุปเปอร์มาร์เก็ตครับ ผมกับเพื่อนๆ กำลังจะพาตัวเขาไปส่งโรงพยาบาล)
"พี่สันต์..." ปากเล็กเริ่มสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวในทันทีที่ได้รับรู้ถึงข่าวร้ายข้างต้นของชายที่ตนรักเสมือนพี่ชาย ก่อนจะรีบก้าวขาเพื่อมุ่งไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองเพื่อไปดูอาการของคมสันต์ในทันที
"นั่นแกกำลังจะไปไหนสาลี่ วันนี้เจ้าสันต์เขาจะเข้ามาทานข้าวที่บ้านไม่ใช่รึไง" ทรงวุฒิตรงเข้ามาดักทางบุตรสาวที่มีท่าทีร้อนรนด้วยความรู้สึกแปลกใจ ก่อนที่นาทีต่อมาหัวใจของคนเป็นพ่อจะวูบไหวเมื่อได้เห็นว่าลูกสาวของตัวเองกำลังร้องไห้เสียใจอยู่
"แกร้องไห้ทำไมสาลี่ ใครทำอะไรแก" แม้น้ำเสียงนั้นจะยังคงความแข็งกระด้างเอาไว้อย่างเช่นทุกที แต่ก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยลูกสาวอยู่ในนั้น
"ไม่มีใครทำสาลี่ แต่พี่สันต์... ฮึก... มีคนทำร่างกายพี่สันต์ค่ะคุณพ่อ" สาลี่โผเข้ากอดร่างแกร่งของคนเป็นพ่ออย่างที่เธอไม่เคยกระทำมาก่อน จนทรงวุฒิต้องยกมือขึ้นมาลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆ เพื่อปลอบขวัญ
"อะไรนะ!" วิไลที่กำลังจะมาแจ้งให้สามีได้ทราบว่าเธอได้ลงมือปรุงแกงเขียวหวานไก่ที่คมสันต์ชอบทานเสร็จแล้วก็ถึงกับทรุดลงนั่งพร้อมด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดตรงหน้าอกด้านซ้ายในทันที
"วิไล!" ทรงวุฒิออกปากเรียกภรรยาเสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งตรงไปช้อนร่างเล็กๆ ของภรรยามาไว้ในอ้อมอกเพื่อนำตัวเธอไปส่งโรงพยาบาลในทันที
"ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ซื้อที่ร้านประจำเอา!" ทรงวุฒิแผดเสียงใส่ภรรยาที่นอนอ่อนแรงอยู่บนเบาะที่นั่งข้างคนขับด้วยความโมโหระคนเป็นห่วง โดยที่สาลี่นั่นนั่งอยู่ด้านหลังอย่างคอยเฝ้าระวังอีกที
"แม่ง! นานฉิบหาย!" ทรงวุฒิเอะอะโวยวายด้วยดวงใจที่หวาดวิตกเมื่อพวกเขาทั้งสามนั้นต้องมาติดอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลเพียงสองร้อยเมตร
"สาลี่! แกเฝ้ารถไว้แล้วฉันจะโทรบอกให้ไอ้เชิดมารับ ส่วนตาสันต์เดี๋ยวฉันจะไปดูเอง!" ก่อนจะหันมาสั่งการณ์เด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังและเปิดประตูลงจากรถเพื่ออุ้มภรรยาไปโรงพยาบาลในทันที
"ค่ะพ่อ สาลี่เข้าใจแล้วค่ะ"
โชคยังดีที่อีกเพียงสองร้อยเมตรก็จะถึงโรงพยาบาล จึงทำให้ทรงวุฒินั้นส่งตัวภรรยาเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลได้อย่างทันเวลาพอดี
"เพราะความดื้อด้านของเธอแท้ๆ เลยวิไล!" แม้จะออกปากก่นด่าภรรยาไปอย่างนั้นแต่ดวงตาคู่คมกลับมีหยดน้ำใสๆ ไหลออกมาไม่หยุดเมื่อนึกไปถึงขั้นที่ว่าวันพรุ่งนี้เขาจะไม่มีภรรยาที่เขาเกลียดแสนเกลียดที่ชื่อว่าวิไลอีกต่อไปแล้ว...
"ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันจะผูกคอตายไปจองเวรจองกรรมกับเธอถึงในยมโลกเลยคอยดู!"
วิไล...ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วประกอบกับโรคหอบหืดตั้งแต่กำเนิด จึงทำให้เธอต้องมีเหตุให้เข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง และด้วยฐานะทางครอบครัวที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยต่อค่ารักษาโรคร้ายทั้งสองที่เธอกำลังเผชิญ จึงเป็นเหตุให้บิดาและมารดาของเธอตัดสินใจที่จะมอบตัวเธอให้กับบิดามารดาของทรงวุฒิ ที่ปรารถนาจะมีลูกสาวและมีฐานะที่ดีกว่า...
หากแต่ทรงวุฒิกลับไม่ยอมให้เป็นดังนั้น เขา...ไม่ยินยอมที่จะยอมรับวิไลในฐานะน้องสาว จนเป็นเหตุให้วิไลต้องเข้าพิธีวิวาห์กับทรงวุฒิตั้งแต่หญิงสาวมีอายุเพียงสิบห้าปี...
กระทั่งทรงวุฒิได้มารับรู้ทีหลังว่าหญิงสาวนั้นมีโรคประจำตัวและสิ่งนี้อาจจะส่งผลให้หญิงสาวมีบุตรไม่ได้ ประกอบกับอยู่กินฉันท์ภรรยาสามีมาหลายปีแต่วิไลก็ไม่มีท่าทีว่าจะตั้งครรภ์เสียที จึงเป็นเหตุให้ทรงวุฒิที่อยากจะมีลูกชายไว้สืบสกุลเริ่มมองภรรยาในแง่ลบมาเสียตั้งแต่ตอนนั้น และถึงแม้หลายปีถัดไปวิไลจะให้กำเนิดบุตรสาวมาหนึ่งคน ซึ่งก็คือสาลี่ แต่สำหรับทรงวุฒิที่ปรารถนาจะมีลูกชายจนถึงที่สุดของหัวใจแล้วนั้นกลับมองภรรยาของตัวเองในแง่ลบมากไปยิ่งกว่าเดิม...
"ญาติของคุณวิไล บริบูรณ์ทินยไทครับ"
"ผมเป็นสามีของเธอครับ" ทรงวุฒิในสภาพน้ำหูน้ำตาไหลออกมารวมกันรีบตรงเข้าหาหมอหนุ่มที่เปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมาในทันที
"คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่จะมีอยู่หนึ่งเรื่องที่หมออยากจะขอความร่วมมือจากญาติคนไข้นะครับ ในช่วงนี้พยายามอย่าให้มีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจคนไข้นะครับ"
"ครับหมอ ขอบคุณครับ"
ห้องพักพิเศษสำหรับผู้ป่วย
"ฉันละเกลียดเธอจริงๆ วิไล ทั้งดื้อทั้งด้าน" ทรงวุฒิเอ่ยปากบ่นภรรยาลากยาวมาร่วมชั่วโมงเศษเห็นจะได้ ในขณะที่ภรรยาอย่างวิไลก็ได้แต่นิ่งเงียบอย่างยอมรับในข้อกล่าวหาข้างต้นของสามี
"ฉันขอโทษ"
"พอ! ตื่นขึ้นมาหายใจต่อก็พอไม่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อขอโทษฉันหรือใครหน้าไหน แล้วจะกินไหมข้าว ไม่กินฉันจะได้เก็บ"
"กินสิ แต่คุณไม่ส่งช้อนมาแล้วฉันจะกินได้ยังไงละทรงวุฒิ" วิไลร้องบอกอย่างรู้สึกเหนื่อยอ่อน ขณะที่สายตาก็จดจ้องไปยังมือข้างขวาของสามีที่กำช้อนและส้อมเอาไว้เสียแน่นหนา
"อ้าปากอย่างเดียวก็พอวิไล" ทรงวุฒิว่าด้วยน้ำเสียงติดฉุน ก่อนจะค่อยๆ ใช้ช้อนเขี่ยผักชีและต้นหอมออกไปจากชามข้าวต้มเพราะภรรยาของเขาไม่ชอบทาน
"ทรงวุฒิ..."
"อะไรอีก! ไม่ร้อนแล้ว ทีนี้เธอจะกินเข้าไปได้รึยังวิไล!" ทรงวุฒิว่าอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อภรรยานั้นยังคงยึกยักไม่ยอมทานข้าวต้มสำหรับผู้ป่วยเสียที...
"สาลี่ละ ลูกสาวของเราอยู่ที่ไหนทรงวุฒิ เชิดมารับสาลี่ไปแล้วรึยัง"
"ฉิบหายแล้ววิไล ฉันลืมโทรบอกไอ้เชิด!"
อ้าว... น้องลี่ถูกลืม 🥹🥹🥹