"แกต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหมสาลี่" ทรงวุฒิเอ่ยขึ้นขณะที่เขากำลังลงมือแกะปูตัวใหญ่ที่ลูกสาวของเขาชอบให้เธอได้ทาน
"ขอบคุณค่ะคุณพ่อ" สาลี่ยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นพ่อก่อนจะยื่นแขนไปรับจานเนื้อปูที่พ่อส่งมาให้ "สาลี่จะดูแลตัวเองค่ะ"
"แกอยากไปหรือเปล่าสาลี่ ถ้าหากไม่ฉันจะได้ช่วยคุยกับท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเขาให้" คนเป็นพ่อที่เริ่มที่เริ่มจะรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างเอ่ยขึ้นอย่างโยนหินถามทาง ด้วยว่าไม่อยากที่จะต้องบังคับจิตใจลูกสาวอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านๆ มานั่นเอง
"สาลี่ทำได้ สาลี่จะไปจะคุณพ่อ" สาลี่ขานรับด้วยน้ำเสียงสดใส เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเธอจะยินยอมเดินทางไปภาคเหนือกับไฟท์เตอร์ ถึงแม้จะรู้ดีอยู่แก่ว่าชายหนุ่มนั้นได้วางแผนการณ์บางอย่างซุกซ่อนเอาไว้แล้วก็ตาม... แต่สาลี่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเธอจะไป และเธอจะทำให้พ่อภูมิใจในตัวลูกสาวอย่างเธอให้จงได้!
"มีอะไรหรือเปล่าทรงวุฒิ" คงจะมีเพียงแค่วิไลที่พอจะอ่านความคิดของคนเป็นสามีได้อย่างแตกฉาน "มีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่า"
"ผมไม่รู้" ทรงวุฒิเอ่ยตอบภรรยาเสียงเบา "อาจจะเพราะสาลี่ไม่เคยที่จะออกห่างไปจากบ้านไกลๆ ผมก็เลยเป็น...เป็นห่วง"
"เราปฏิเสธได้เขานะทรงวุฒิ หรือเราจะโทรไปแจ้งให้กับทางโรงเรียนทราบดีว่าลูกสาวของเราไม่พร้อมสำหรับการเดินทางไกลในครั้งนี้" วิไลรีบว่าอย่างกระตือรือร้น ด้วยหวังว่าสามีนั้นจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับเธอ ซึ่งความรู้สึกที่ว่านั้นก็คือไม่ไว้วางใจอาจารย์หนุ่มที่ชื่อว่าอนุชัยหรือไฟท์เตอร์นั่นเอง
"ฉันว่าเขาไม่น่าไว้ใจเลยนะทรงวุฒิ อาจารย์คนนั้นน่ะ" ทรงวุฒิเอี้ยวตัวกลับมามองภรรยาที่นั่งอยู่ใกล้กันอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่คนที่อ่อนต่อโลกอย่างภรรยาของเขาก็ยังพลอยรู้สึกไม่ไว้วางใจไอ้หนุ่มคนนั้นเหมือนกันกับเขา...
"อย่างนั้นฉันจะส่งตัวเจ้าสันต์ไปดูแลสาลี่อยู่ห่างๆ เธอว่าดีไหมวิไล อย่างไรเสียเจ้าสันต์มันก็เป็นว่าที่ลูกเขยของเรา ฉันว่ามันไม่น่าจะเสียหายอะไร" ทรงวุฒิว่าอย่างพยายามที่จะมองหาแนวทางแก้ไขกับเรื่องไม่คาดฝันบางประการที่อาจจะตามมาในอนาคตอันใกล้นี้
"เจ้าสันต์ลูก" วิไลไม่ได้เอ่ยตอบอันใดต่อสามี ก่อนจะหันไปเรียกคมสันต์ที่กำลังหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับลูกสาวของเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ครับคุณแม่" คมสันต์กดหน้าลงน้อยๆ เชิงขอโทษให้กับทรงวุฒิที่เขาเผลอเสียมารยาทเสียงดังระหว่างรับประทานอาหาร
"คุณแม่มีอะไรจะพูดกับสันต์หรือเปล่าครับ"
"พ่อกับแม่คุยกันแล้วว่าอยากจะให้สันต์ติดตามไปดูแลสาลี่ในช่วงที่เธอต้องไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้ที่จังหวัดน่าน ส่วนเรื่องแม่ของสันต์ พ่อกับแม่จะจัดหาพยาบาลมาดูแลเธอเป็นพิเศษแทน แบบนี้สันต์จะโอเคไหมลูก" คมสันต์ที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีอกดีใจมากเสียจนเนื้อตัวเต้นสั่นไปทั้งสรรพางค์กายจนเก็บอาการเอาไว้แทบจะไม่อยู่
"ตกลงครับคุณแม่ ขอบคุณนะครับที่จัดหาพยาบาลมาดูแลแม่ให้กับสันต์ ขอบคุณนะครับคุณพ่อ ขอบคุณนะครับคุณแม่" คราแรกสันต์นั้นก็มีความคิดที่จะติดตามไปดูแลหญิงสาวเพราะความเป็นห่วงเธอเช่นเดียวกัน หากแต่เพราะหน้าที่ของลูกที่ต้องคอยดูแลแม่ที่ล้มป่วยจึงทำให้เขาคิดทำอะไรตามแต่ใจตัวเองไม่ได้...
"พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าสันต์ เราครอบครัวเดียวกันเราก็ต้องช่วยเหลือกันถูกไหม" ทรงวุฒิเอ่ยขึ้น ในขณะที่วิไลก็เอาแต่จ้องมองไปยังคมสันต์อย่างรู้สึกชื่นชมที่เด็กหนุ่มนั้นเข้ามาเยียวยาให้ครอบครัวของเธอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อีกทั้งชายหนุ่มนั้นยังช่วยขัดเกลาให้สามีของเธอเป็นพ่อและสามีที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนเสียอีกด้วย
"ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ" น้ำตาลูกผู้ชายอย่างคมสันต์ถึงกับรินไหลหลังได้ยินประโยคดังกล่าวออกมาจากปากของทรงวุฒิ ก่อนเขาจะหันไปสบสายตากับสาลี่อย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
"เธออยากจะไปที่ไหนต่อหรือเปล่าวิไล"
"คะ?" วิไลที่นั่งประจำอยู่ที่นั่งข้างคนขับหันขวับกลับมายังต้นเสียงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะได้ยินนัก "คุณถามฉัน...อย่างนั้นนะเหรอคะทรงวุฒิ"
"ก็เห็นวันๆ อยู่แต่กับบ้าน ผมก็เลยคิดเอาไปเองว่าบางทีคุณอาจจะ...
"ฉันอยากไปทะเล!" คนที่รอคอยเวลาให้สามีที่ค่อนข้างจะมีหน้าที่การงานรัดตัวเอ่ยคำนี้กับเธอมาเนิ่นนานหลายปีร้องขึ้นเสียงดังอย่างรู้สึกตื่นเต้น "ฉันอยากไปเที่ยวทะเลสักครั้งในชีวิตค่ะทรงวุฒิ"
"เสียดายที่พรุ่งนี้สาลี่ต้องเดินทางขึ้นเหนือ ไม่อย่างนั้นผมคงจะเปิดห้องพักให้คุณได้นอนที่นั่นสักคืน ไว้วันหลังนะวิไล" ทรงวุฒิหันมากดหัวน้อยๆ เชิงขอโทษให้กับภรรยาด้วยกลัวว่าเธอนั้นจะน้อยใจที่เขาทำหน้าที่สามีได้ไม่เคยดีพอเสียที
"แค่นี้ก็มากพอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะทรงวุฒิ" วิไลคงจะรู้สึกขอบคุณเด็กชายที่ชื่อว่าคมสันต์ไปตลอดทั้งชีวิตของเธอ ที่สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงสามีของเธอไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้มากถึงขนาดนี้...
"ขนอมอยู่ใกล้ที่สุด วันนี้เราคงไปได้แค่ตรงนี้ ไว้วันหลังผมจะพาคุณ สาลี่กับเจ้าสันต์ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพกันนะ เห็นเขาว่ากันว่าสวยใช้ได้เลยทีเดียวละวิไล" สาลี่ที่นั่งฟังพ่อสนทนากับแม่อย่างเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมันมาเนิ่นนานพร้อมด้วยหัวใจดวงน้อยๆ ที่พองฟู
"สาลี่"
"คะคุณพ่อ" สาลี่ขานรับก่อนจะชะเง้อหน้าเล็กๆ ของเธอไปไว้ระหว่างเบาะของพ่อกับแม่ "มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ก็เห็นแกเงียบไป ปกติแกพูดมากจะตาย" ทรงวุฒิว่าก่อนจะหัวเราะออกมาในรอบหลายสิบปี และสิ่งนี้มันก็ทำให้ภรรยาอย่างวิไล ลูกสาวอย่างสาลี่ หรือแม้กระทั่งลูกเขย(จำเป็น) อย่างคมสันต์นั้นหัวเราะตามทรงวุฒิออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
"นั่นไง ใกล้จะถึงแล้ว สวยเนอะเธอว่าไหมละวิไล" รถกระบะสี่ประตูสีดำค่อยๆ ลดความเร็วลงก่อนจะจอดสนิทเมื่อล้อทั้งสี่นั้นได้แตะอยู่ตรงริมชายหาดสวยสะอาดตาแล้วเป็นที่เรียบร้อย
"ถ่ายรูปหน่อยไหมวิไล ผมพากล้องถ่ายรูปมาด้วยนะ สาลี่ แกจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม พาเจ้าสันต์มาตรงนี้สิแล้วเราจะได้ถ่ายรูปครอบครัวด้วยกัน" ทรงวุฒิค่อยๆ วางกล้องตัวหรูลงบนขาตั้งกล้องอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเรียกบุตรสาวที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เก่าด้วยน้ำเสียงสดใส
"ค่ะคุณพ่อ สาลี่กำลังไปค่ะ" สาลี่เองก็ขานรับคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงที่สดใสไม่ต่างกัน ก่อนจะหันไปควงแขนคมสันต์ให้ชายหนุ่มนั้นเดินไปพร้อมๆ กันกับเธอ
"ไปกันเถอะค่ะพี่สันต์ ถ่ายรูปครอบครัวของเรากันดีกว่า"
"ครับ ไปครับ"
มันจะไม่มีอะไรเลยถ้าพระเอกในคราบวรนุชของเรานั้นมันไม่ได้มีแผนการณ์ชั่วช้าอันใดอยู่ในสมองของมัน 🥹🥹🥹