ซุปเปอร์มาร์เก็ต
"สาลี่ แกแต่งตัวอะไรของแก" ทรงวุฒิตรงเข้ามาประชิดตัวลูกสาวก่อนจะถอดเสื้อสูทของตัวเองคลุมไหล่ที่เปล่าเปลือยของเธอเอาไว้
"คุณพ่อกำลังทำให้สาลี่ดูแย่" สาลี่ก้มลงมองกางเกงยืดขายาวที่แทบจะครอบนิ้วเท้าทั้งสิบของเธอไปจนหมดด้วยความรู้สึกอนาจใจ ทั้งยังเสื้อสูทตัวใหญ่ของพ่อที่คลุมตัวเธอเอาไว้ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอนาถาตัวเองมากขึ้นไปกว่าเดิม
"แกเป็นผู้หญิงสาลี่ แกควรแต่งตัวให้เรียบร้อย มิดชิด จะบอกให้นะว่าแม่ของแกไม่แม้แต่จะเคยหยิบไอ้กางเกงที่มันสั้นจนไม่ใส่เสียยังดีกว่าแบบนั้นขึ้นมาใส่เลยแม้แต่ครั้งเดียว" ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทรงวุฒิไม่ค่อยได้มีโอกาสควบคุมพฤติกรรมของลูกสาวอย่างเช่นในตอนนี้ เพราะเขานั้นมัวแต่เอาเวลาไปจัดสรรหาผู้ชายดีๆ ให้กับสาลี่นั่นเอง และแน่นอนว่าเขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้รู้เช่นเดียวกันว่าการแต่งกายดังกล่าวนั้นนับเป็นเรื่องปกติสำหรับสาลี่ไปเสียแล้ว...
"ทรงวุฒิ อากาศมันร้อนนะ อีกอย่างเจ้าสันต์เขาก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย" วิไลที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ที่สามีของเธอเป็นคนเข็น เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวของสามี
"ใช่ครับคุณพ่อ สั้นมากครับ กางเกงสั้นมากจริงๆ ครับ" คมสันต์ที่สัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากตาคู่นั้นก็รีบออกปากพูดขึ้นมาอย่างรู้ในหน้าที่ของตัวเองทันที
"เห็นไหมละวิไล" ทรงวุฒิว่าก่อนจะออกแรงเข็นรถกับวีลแชร์ให้กับภรรยาต่อไป
"เอานมไหมวิไล ผมจำได้ว่านมคุณหมดนะ"
"ภาพหาชมยากสินะ" สาลี่ยืนยิ้มให้กับภาพตรงหน้าที่พ่อกับแม่กำลังหยอกล้อต่อกระซิกกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาชวนคมสันต์เพื่อเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับตัวเองบ้าง
"สาลี่ พี่ว่าสาลี่ไม่ไปกับเขาจะดีกว่าไหม พี่...พี่แค่รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเขา" คมสันต์เอ่ยขึ้นขณะที่เขากำลังเข็นรถเข็นซุปเปอร์มาร์เก็ตตามหลังหญิงสาวมาอย่างใกล้ชิด
"เขาเป็นอาจารย์นะคะสันต์" สาลี่เอี้ยวตัวกลับมาสบตากับคมสันต์อย่างเข้าใจในความหวังดีของชายหนุ่ม "และโครงการนี้ของเขาก็ได้รับการอนุมัติมาจากท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเลยนะคะพี่สันต์ ยังไงสาลี่ก็ดิ้นไม่หลุดอยู่ดีค่ะ สาลี่รู้ตัวดี..."
อีกอย่าง... ไฟท์เตอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตีทะเบียนของเธอนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นแค่อาจารย์ประจำวิชาพฤกษศาสตร์เบื้องต้นเพียงอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ ไฟท์เตอร์... ยังมีดีกรีเป็นถึงพ่อเลี้ยงแห่งบ้านไร่กาแฟคนดังแห่งภาคเหนือเสียอีกด้วย จึงทำให้โครงการแปลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างโรงเรียนที่แอบแฝงมาด้วยเจตนาชั่วร้ายของชายหนุ่มนั้นถูกดำเนินต่อไปท่ามกลางความดีความชอบของผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้ปกครองนักเรียนอย่างบิดาของสาลี่...
"อีกอย่าง ทั้งชีวิตนี้สาลี่ไม่เคยมีโอกาสที่จะได้รับคำชื่นชมจากพ่อเลยค่ะพี่สันต์ สาลี่ก็เลยอยากที่จะขอใช้โอกาสนี้ให้การพิสูจน์ตัวเองให้พ่อได้เห็นว่าถึงแม้สาลี่จะเป็นลูกสาวแต่สาลี่ก็สามารถที่จะสร้างเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูลของพ่อได้เหมือนกัน"
แค่คิดไปถึงคำว่า 'แกเก่งสาลี่' ของพ่อที่เอ่ยกับเธอในเมื่อวาน ก็พาลให้น้ำตาของสาลี่ถึงกับรินไหลออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
สำหรับสาลี่ที่มีความปรารถนาสูงสุดที่ว่าอยากจะได้ยินคนเป็นพ่อชื่นชมและยินดีกับการมีเธอเป็นลูกสาวเพียงสักครั้งแล้วนั้น... ถึงมันจะต้องแลกมากับการที่เธอต้องหลงกลเดินเข้าไปเป็นหมากในเกมส์ของอนุชัยทั้งที่เธอรู้ตัวก็ตามที แต่สาลี่ยอม...เธอยอมได้ทุกอย่างขอแค่เธอได้รับบางสิ่งที่เขาเรียกขานกัรว่า 'ความรัก' มาจากพ่อของเธอบ้าง แค่เศษ หรือเสี้ยวของความรักก็ยังดี...
"สาลี่เอ๋ย สาลี่..." คมสันต์ทำได้เพียงแค่จดจ้องมองไปยังร่างเล็กๆ ของเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ด้วยความรู้สึกเอ็นดู บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทรงวุฒินั้นอยากที่จะมีแค่บุตรชายมากเสียจนสังเกตไม่เห็นถึงความน่ารักน่าเอ็นดูตรงนี้ของบุตรสาวเลยหรอกหรือ... สำหรับเขาสาลี่น่ารัก น่ารักน่าเอ็นดูมากเสียจนเขาไม่อยากที่จะเห็นเด็กหญิงต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่ว่าจะมีเหตุมาจากเรื่องราวใดก็ตาม...
"สาลี่มันอารมณ์ดีอะไรเจ้าสันต์" ทรงวุฒิเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ "เห็นปกติหน้างอเป็นปลาทูตลอด"
"มันก็เพราะใครละ...
"เธอดีใจที่คุณพ่อชื่นชมว่าเธอเก่งครับ" คมสันต์กดหน้าลงน้อยๆ เพื่อเป็นการขออภัยวิไลที่เขานั้นเอ่ยแทรกเธอขึ้นมา
"เธอก็เลยมีท่าทีอย่างที่คุณพ่อกำลังเห็นนั่นแหละครับ"
"เด็กโง่..." คนเป็นพ่อที่เคยคิดการณ์บังคับและดูแคลนบุตรสาวเอาไว้สารพัดก็ถึงกับวูบไหวเมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้าของคมสันต์
"แกได้ของครบรึยังสาลี่ แล้วนั่นอะไร แกจะซื้อกิ๊บมากขนาดนั้นไปทำไมกันสาลี่ ทำไมแกถึงไม่ซื้อพวกธัญพืชอบแห้งไว้ทานบ้าง มันมีประโยชน์ต่อร่างกายนะแกรู้ไหม" ทรงวุฒิแสร้งว่าต่อว่าสาลี่ เมื่อเห็นว่าลูกสาวนั้นไม่ได้เลือกซื้อธัญพืชอบแห้งที่เธอชอบทานอย่างเช่นในทุกที
"ค่ะคุณพ่อ..." สาลี่ขานรับเสียงเบาด้วยความรู้สึกข้างในหัวใจที่สุขล้นเมื่อคิดขึ้นได้ว่าพ่อนั้นพอที่จะจดจำถึงรายละเอียดในสิ่งที่เธอชอบทานได้บ้าง
"ทานข้าวหน่อยไหมทรงวุฒิ เลยเวลาอาหารเที่ยงของคุณแล้วนะ" วิไลว่าอย่างเป็นห่วงด้วยทราบดีว่าสามีของเธอนั้นป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารและจำเป็นต้องทานข้าวทานยาให้ตรงเวลาอย่างเคร่งครัด
"เราจะทานร้านไหนกันดีวิไล ปิ้งย่างดีไหมสาลี่ชอบทาน ถือว่าเป็นการเลี้ยงส่งให้ลูกสาวของเราไปในตัวดีไหม" ทรงวุฒิไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกันว่า เพียงแค่เขาเข้าออกบริษัทเช้ายันเย็นเป็นประจำทุกวันแล้วหันมาอีกทีลูกสาวของเขานั้นจะโตขึ้นมามากถึงขนาดนี้... และพอคิดมาถึงตอนนี้ทรงวุฒิก็เริ่มที่จะรู้สึกหวงห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองและภรรยาขึ้นมาอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเช่นเดียวกัน
"สาลี่ทานอะไรก็ได้ค่ะคุณพ่อ ไปกันเถอะค่ะคุณพ่อ คุณแม่ พี่สันต์"
หรือว่าพ่อพอที่จะสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งความชั่วของอีไฟท์ได้กันนะ ฮ่าๆๆๆ 🤣🥹🤣