เกร้ง...
อ่า...
ล็อกหรือไม่ล็อก?
ผมขมวดคิ้วพลางเอียงคออย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นก็หลุบตามองกุญแจข้อมือขนาดเขื่องที่ตัวเองถือไว้สลับมองร่างบางของเอื้องขวัญบนเตียงซึ่งยังคงหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราว
ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมยัยนั่นถึงมาอยู่ที่นี่...
“เพราะนอกจากเธอแล้ว...”
กึก!
ผมจำได้ว่าสิ้นคำสารภาพ ยัยเด็กอวดดีนั่นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และใช้คมฟันงับใบหูผมอย่างแรง มันแรงมากจนได้ยินเสียงของเนื้อ...
ยัยหมาบ้าทำผมเลือดออก ต่างหูราคาสองพันที่ผมใส่ก็โดนคมฟันเกี่ยวหลุดจนกระเด็นตกลงไปในท่อระบายน้ำโสโครก
อา ไม่ได้เสียดายหรอก แต่กลิ่นเลือดทำให้ผมเดือดอยู่ไม่น้อย
ในช่วงเวลานั้นผมจึงสั่งสอนเอื้องขวัญด้วยวิธีของตัวเอง
"อื้อ!"
จูบเหรอ...ก็คลับคล้ายคลับคลา แต่สำหรับผมการใช้ริมฝีปากกระแทกลงไปด้วยความรุนแรงระดับนั้น ใช้คำว่า ‘บดขยี้’ น่าจะเหมาะกว่า ผมยังจำวินาทีที่ไรฟันของเรากระทบกันได้อย่างดิบดี ไหนจะกลิ่นเลือดของเราสองคนที่ซึมซ่านผ่านปลายลิ้นนี่ด้วย
นั่นเป็นแค่บทลงโทษขั้นเบสิก...
ของจริงยังไม่ทันได้เริ่ม ยัยนั่นก็ตัวสั่น หอบหายใจจะเป็นจะตายก่อนหมดสติไปพร้อมกับเนื้อตัวที่ร้อนรุ่มด้วยพิษไข้ เมื่อวานโง่เดินตากฝนเองไม่ใช่เหรอ สมควรไหมล่ะนั่น
โอ๊ะ ลืมตัว
ความแตกซะแล้ว แย่จัง...
อันที่จริง...ผมกลับมามีบทบาทในวงจรชีวิตยัยนี่อีกครั้งราว ๆ สองอาทิตย์เห็นจะได้แล้ว เพียงแค่หลบอยู่ในเงามืดไม่ให้เจ้าตัวรับรู้ก็เท่านั้น เพราะครั้งนี้ผมมีจุดประสงค์ที่เด่นชัด การทิ้งเอื้องขวัญไว้ตรงนั้นจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ผมต้องการ
สุดท้ายจึงหิ้วยัยนั่นขึ้นรถมาด้วย แต่ก็นะ...เพราะกลัวยัยเด็กแสบตื่นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ ผมจึงจับมัดข้อมือ หาผ้ามาพันรอบดวงตาก่อนจับยัดไว้ท้ายรถ
เชื่อเถอะว่าตอนนั้นผมนึกสนุกแบบสุด ๆ มีความคิดแผลง ๆ นับร้อยพันสั่งให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ อย่างเช่น...
ขับรถออกนอกเมืองซึ่งค่อนข้างจะเปลี่ยวและไร้ผู้คน ทว่าสุดท้ายผมก็วกกลับมา...พายัยนั่นมาคอนโดฯ ของตัวเอง
ผมถอดเสื้อผ้ายัยนั่นออกทุกชิ้น ไม่เหลือติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วอย่าคิดว่าผมจะหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนป่วยล่ะ
ก็แค่จับโยนลงอ่างพอให้ตัวเปียกแล้วพามาบนเตียงเหมือนเดิม และมันก็จบตรงที่ผมสับสนว่าควรล็อกข้อมือยัยนี่ไว้ดีไหม
ล็อกดีไหมน้า...อิ ๆ
ผมยังคงชั่งใจและยืนอยู่จุดเดิมขณะที่สายตาเปลี่ยนมาโฟกัสร่างบางบนเตียงนุ่ม เอื้องขวัญเวอร์ชันโตเต็มวัยนี่มัน ‘น่ากิน’ ชะมัด...แต่ใช้คำว่า ‘น่าเอา’ ก็คงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนกว่า
อืม...น่าเอา
เมื่อความคิดอกุศลโฉบเข้ามาในหัว สายตาของผมก็เคลื่อนต่ำลงมายังไหปลาร้าลึกที่เคยฝากร่องรอย รวมถึงหัวไหล่มนที่เคยสัมผัสเมื่อเธอยังเป็นเพียงเด็กมอ.ปลาย
เชื่อเถอะว่าเนินอกอวบอิ่มซึ่งกำลังกระเพื่อมไหวตามการหายใจเข้าออกทำเอาผมสติหลุดไปพักหนึ่ง
อา มึงจะมารู้สึกกับผู้หญิงที่ตัวเองเคยบอกว่าน่ารังเกียจไม่ได้นะไอ้เต
ผมไม่เคยมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนเดิมมากกว่าสองครั้ง ก็นะ ผมกลายเป็นผู้ชายสำส่อนไปแล้ว แต่ทำไงได้...กระดิกนิ้วสองที ผู้หญิงหุ่นเอ็กซ์ก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาหาผมจนฝุ่นตลบ ปฏิเสธไปก็เสียมารยาทแย่
จะมีก็แต่ยัยเด็กตรงหน้าที่ใช้วิธีไหนก็รั้นแต่จะหนี ดั้นด้นจะไปให้ได้...
“...แกกลับมาทำไม!” ผมหลุดจากความคิดเมื่อเสียงหวานที่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวตวาดขึ้นมา ยัยนั่นยังหลับอยู่ แต่การกลับมาของผมคงทำให้เจ้าตัวเก็บเอาไปฝันเลยมั้ง
เอ๊ะ หรือฝันถึงผมทุกคืนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนะ?
“คิก” ผมหัวเราะคิกคักก่อนก้าวเท้าเข้าไปหาร่างบางที่เริ่มตัวสั่น กระสับกระส่ายเหงื่อแตกพลั่กประหนึ่งว่ากำลังโดนความฝันตามฆ่า
ใช้เวลาไม่นานผมก็ขึ้นมานั่งยอง ๆ ข้าง ๆ ยัยเด็กปากดี การยุบตัวของฟูกทำให้เอื้องขวัญขยุ้มมือกับหมอนแน่น ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ผมเอียงคออีกครั้ง...ใช้ปลายนิ้วแข็งกระด้างปัดปอยผมที่ปรกใบหน้าออกไป ไม่แน่ใจว่าผิวหนังของยัยนั่นร้อนผ่าวหรือนิ้วของผมเย็นเฉียบมากเกินไป วินาทีที่สัมผัส ผมจึงรู้สึกถึงความต่าง และความต่างนั้นทำให้เอื้องขวัญสะดุ้งโหยง
“อย่ามายุ่งกับฉัน...”
ยัยนั่นพึมพำเสียงพร่าทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา ยกมือสะเปะสะปะจนสัมผัสโดนริมฝีปาก ผมเลยใช้จังหวะนั่นงับปลายนิ้วร้อนผ่าวเอาไว้และขบแผ่วเบา
“กำลังหิวอยู่นะ อยู่นิ่ง ๆ ดีกว่า”
ผมกระซิบผ่านช่องว่างของริมฝีปาก...จากการงับเพียงเบา ๆ มันได้กลายมาเป็นการ ‘ดูด’ จนรสชาติหวานแปร่ง ๆ ซึมผ่านปลายลิ้น
“อ๊ะ...อะไรน่ะ กะ แก!” คิดไว้ไม่มีผิดว่าการกระทำของผมทำให้เอื้องขวัญสะดุ้งตื่น และสิ่งแรกที่ยัยนั่นทำคือดีดตัวออกห่าง ตวาดใส่หน้าผมอย่างเดือดดาล
ผมยิ้มมุมปากขณะมองสภาพของเอื้องขวัญ เธอมีท่าทีแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งกลัว ทั้งตกใจ
ผมไม่ใช่ผีนะ โอเวอร์แอ็กติงไปได้ โถ...
“ถอยอีกนิดระวังตีลังกาตกเตียงนะครับ” เธอกระเถิบถอยจนติดขอบเตียง อีกนิดจะตกแล้ว
“แกพาฉันมาที่นี่ทำไม!” เอื้องขวัญไม่สนใจคำพูดผม แต่มีท่าทีหวาดผวาอย่างหนักเมื่อเห็นว่าสถานที่แห่งนี้คือคอนโดฯ ของผมเอง
“จำได้ด้วยเหรอ...” ผมถามจนเอื้องขวัญเงียบไป แววตาแสดงออกว่ากำลังนึกถึงเรื่องในอดีต
ที่นี่คือนรกสำหรับเอื้องขวัญ แต่เป็นสวรรค์ของผม
“...ฉะ ฉันจะออกไปจากที่นี่” เงียบได้เพียงครู่สั้น ๆ ยัยนั่นก็พยายามลุกขึ้น หาทางออกอย่างร้อนรน “เสื้อผ้าล่ะ เสื้อผ้า...” แต่เมื่อเห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีสิ่งใดปกปิด ยัยนั่นก็สะอื้น ยกมือปิดบังตัวเองอย่างน่าสงสาร
“หนีไปสิ ถ้าหนีได้” ผมคว้ากุญแจข้อมือติดมาด้วยพร้อมก้าวลงจากเตียง เอื้องขวัญส่ายหน้าไปมาขณะที่แผ่นหลังเปล่าเปลือยแนบติดกับบานประตู
“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ไอ้นรกส่งมาเกิด...”
โอ๊ะ เจ็บจึก ๆ
“ไม่เอาสิเด็กดี ถ้าทำตัวน่ารัก ๆ ฉันจะปรานีเธอ”