“อึก...หยุด”
ฉันพยายามบอกเจ้าของร่างสูงที่ดูไม่ทุกข์ร้อน ซึ่งในจะหวะที่เราสบตากัน เตโชย่อตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อให้รัศมีสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน
เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างในแววตาของเขา
ภาพของฉันสะท้อนอยู่ในนั้น มันชัดเจนมากจนรู้สึกสั่นไหวด้วยความกลัว
“หื้ม? หนาวล่ะสิ ตัวสั่นเป็นลูกหมาเลย” เตโชทำเสียงกวนประสาทก่อนหลุบตาลงต่ำ มองทุกจุดบนร่างกายจนฉันต้องพยายามขยับตัวเพื่อหันหลังให้ แต่... “ทำตัวเป็นนางเอกไปได้น่า เห็นจนจำได้หมดละว่าตรงไหนเป็นยังไง อิ ๆ”
“ไอ้ชั่ว” ฉันกดเสียงต่ำอย่างคับแค้น อยากสลัดกุญแจข้อมือนี้ออกไปแล้วตบหน้ามันสักสิบทีให้ช้ำเลือด แต่กลับเป็นฉันซะเองที่เจ็บ...
กุญแจนี่ทำด้วยเหล็ก ทุกครั้งที่มันครูดกับข้อมือฉันมักจะได้รอยแดงกลับมา นานเข้าก็เริ่มถลอกจนเลือดซิบ
ให้ตาย ชาตินี้จะหนีไอ้วิปริตนี่ไม่พ้นเลยใช่ไหม
“โดนเมียด่าแล้วจั๊กจี้หัวใจดีเนอะ” เตโชยิ้มมุมปาก น้ำเสียงของมันน่าขนลุกสิ้นดี
ถือโอกาสทำเรื่องเฮงซวยแล้วยังมีหน้ามาโยนตำแหน่งน่าขยะแขยงนั่นให้ฉัน ถามกันสักคำหรือยังว่าอยากเป็นหรือเปล่า
“แกต้องการอะไรจากฉันกันแน่ มาจับฉันไว้ทำไม” ฉันเปล่งเสียงแหบแห้งถาม เตโชเลิกคิ้วขึ้นและลดฝักบัวลงให้น้ำไหลใส่อ่างแทน
คนถูกถามยิ้มอีกครั้ง ยิ้มเหมือนปีศาจไร้หัวใจ
“นี่จำที่บอกไม่ได้เหรอ ตายจริง...” มือใหญ่เท้าขอบอ่างขณะโน้มตัวเข้ามาใกล้ฉันอย่างคุกคาม
ฉันรีบหดตัวหนี แต่โชคร้ายที่ขยับไปบริเวณไหนก็เจอแต่ทางตัน
หนาวก็หนาว
เจ็บก็เจ็บ
แรงก็แทบไม่มี
นอน...ยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้จะเอาอะไรไปสู้มันได้
“...” ฉันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อปลายจมูกโด่งแตะโดนปลายจมูกฉันอย่างจงใจและเห็นริมฝีปากสีคล้ำบิดยิ้มอย่างน่าตบในระยะเผาขน
หัวใจเต้นระทึก ถ้าดูดี ๆ ตอนนี้ฉันสั่นไปทั้งตัว สั่นยันริมฝีปาก
“จำไม่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ เพิ่งบอกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงเองนะ” เตโชเปลี่ยนโทนเสียงให้กลายเป็นเสียงกระซิบ “ความจำสั้นนะเรา”
“จะสั้นหรือยาวแล้วมันไปหนักหัวแกเหรอ” ฉันตอบโต้อย่างเหลืออด แป๊บเดียวเตโชก็ยิ้มแยกเขี้ยวกลับมา
“ไม่ได้หนักหัวเตหรอกครับ หนักช่วงล่างมากกว่า” มันหลุบตาลงต่ำอีกครั้ง สายตาและรอยยิ้มแบบนั้นกำลังสื่ออะไรสักอย่างที่ดูสองแง่สองง่าม
“อะ...อะไร!”
ฉันผวา ยกมือทั้งสองไว้ระดับอก ห่อตัวไม่ให้อะไร ๆ มันโชว์หราต่อสายตาของไอ้คนไร้หัวใจมากไปกว่านี้
“อ้าว ก็พูดเรื่องสั้น ๆ ยาว ๆ”
“...”
“ของแบบนี้ไม่อยู่ที่ขนาดหรือความยาวหรอกเนอะ...มันวัดกันที่ความ ‘อึด’” รอยยิ้มยังคงปรากฏชัด “แต่เอาจริง ๆ ของฉันก็ใหญ่กว่าแขนเธอ”
“อย่ามาพูดจาทราม ๆ กับฉันนะ!!” เลือดขึ้นหน้าจนร้อนไปหมด ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนจิตเสื่อม ทำตัวสารเลวและพูดจาต่ำตมได้ขนาดนี้
ควรไปพบหมอ...แล้วให้หมอฉีดยาตายซะ
อยู่ไปก็รกโลก
“หรือไม่จริง?”
“แนะนำให้ไปตาย” ฉันกดเสียงบอกมันอย่างนั้นเมื่อตระหนักได้ว่าผู้ชายตรงหน้าก็แค่ไอ้จิตป่วยคนหนึ่ง ทว่าคนถูกด่ากลับยิ้มตาหยีและเคลื่อนปลายจมูกไปยังแก้มด้านซ้าย...
“ปากหมา” ก่อนที่เสียงกระซิบอันเป็นเอกลักษณ์จะดังอยู่จุดนั้น... “โดนบนเตียงไม่พอ สงสัยอยากโดนในอ่างด้วยใช่ไหม หื้ม?” ทุกประโยคที่เตโชเน้นย้ำชิดผิวแก้ม ทำให้ฉันสะอึกและมีปฏิกิริยาต่อต้านมากกว่าที่เคยเป็น
“อ๊ะ...” ในขณะที่ฉันกลับมาตัวสั่นอีกครั้งเพราะความกลัว เตโชก็ทำให้ฉันหลุดเสียงอุทานกับการกระทำของเขา...
เขาจูบแก้มของฉัน
จูบเบา ๆ
กดเน้น ๆ แต่ไม่รุนแรงนัก
“เป็นเด็กดีแล้วจะไม่รังแก อย่าให้ฉันต้องโหดนะเข้าใจไหม”
เตโชยกมือข้างหนึ่งขยี้ศีรษะฉันสองสามทีแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องน้ำไป แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ชะโงกหน้าเข้ามาจนฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ “ยังไม่ได้นอนนี่...รีบ ๆ ล้างตัวแล้วกลับมานอนนะ อิ ๆ”
ว่าจบก็หายไปพร้อมกับความเงียบที่เข้ามามีบทบาทอย่างเต็มรูปแบบ ฉันหลุบตามองกุญแจข้อมือซึ่งพันธนาการตัวเองเอาไว้จนหมดอิสระในทุก ๆ ด้าน ยังคงคิดหาวิธีหนีอยู่ตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางทำได้
แล้วให้ตายเถอะ...ที่เตโชบอกว่าฉันความจำสั้น ความจริงแล้วฉันไม่ได้ลืม...
ฉันรู้ว่ามันไม่น่าจดจำ แต่คนชั่ว ๆ อย่างหมอนั่น ไม่ว่าจะทำอะไรฉันก็เก็บเอาไปฝังใจหมด
รวมถึงสิ่งที่มันกระซิบบอกฉันเมื่อคืนนั่นด้วย...
“เพราะนอกจากเธอแล้ว...ก็ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกสนุกได้เท่านี้อีกแล้วเอื้องขวัญ”
กลับมาทรมานฉันด้วยเหตุผลสุดเฮงซวยพรรค์นั้น คิดว่าฉันควรรู้สึกยังไงที่ได้ฟังล่ะ
เหอะ...
ฉันแค่นหัวเราะทั้งน้ำตา ยิ่งเห็นสารรูปของตัวเองในขณะนี้ก็ยิ่งโกรธเคืองโชคชะตาที่ผลักให้ฉันมาเจอผู้ชายแบบนี้ ต้องมาเจ็บปวดซ้ำสองทั้ง ๆ ที่รอดพ้นมาได้ตั้งหลายปี
เอาดี ๆ ไหม ฉันเจ็บมาก...แต่เหตุผลที่ทำให้ฉันกัดฟันทนและอดกลั้นถึงขนาดนี้มันมีมากกว่าการไม่อยากยอมแพ้
มีหลายเหตุผลที่ฉันต้องเข้มแข็ง
และเด็กคนนั้นคือหนึ่งในเหตุผลทั้งหมด...
Techo Describe.
สงสัยอืดตายคาห้องน้ำไปแล้วแน่ ๆ
ผมขมวดคิ้วขณะนั่งไถโทรศัพท์รอเวลาให้เอื้องขวัญออกมาจากห้องน้ำ คือผมทิ้งยัยนั่นไว้ในนั้นเพราะอยากให้เวลาส่วนตัว...
แหม พูดจาดูดี จริง ๆ ไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก
แต่ก็อย่างว่า ถูกล็อกไว้ขนาดนั้นจะมีปัญญาทำอะไรนอกจากนั่งทำหน้างง ๆ โง่ ๆ อยู่ในอ่าง
ไม่นานผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปดูยัยเด็กก้าวร้าวที่เงียบมาสักระยะหนึ่งแล้ว และทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าไปหาก็พบกับร่างบางเปล่าเปลือยหมดสติในอ่าง...อ่างที่ถูกเปิดน้ำจนเต็ม
ถ้าจะพูดให้ถูก เอื้องขวัญนอนหงายในขณะที่น้ำเย็น ๆ ท่วมร่าง เห็นแค่เส้นผมที่สยายไปตามสายน้ำจนเหมือนว่าเจ้าตัวตายไปแล้ว
ผมค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้ มั่นใจว่ายัยนั่นไม่มีทางฆ่าตัวตาย แต่คงหมดสติไหลลงไปในท่านี้มากกว่า
ดวงตาหลุบมองร่างบางที่ซีดเซียวจากการแช่น้ำเป็นเวลานาน หมดสติจมอยู่ในน้ำนานแค่ไหนแล้วนะ?...กี่นาทีแล้วที่เอื้องขวัญอยู่ในสภาพนี้
ผมไหวไหล่ ก่อนดึงร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เนื้อตัวเปียกชุ่มพลอยทำให้ผมเปียกปอนไปด้วย แต่ก็ช่างมันเถอะ อะไรเปียก ๆ ผมเจอมาหมดแล้ว
โดยเฉพาะฝันเปียก...
แปะ ๆ
แปะ ๆ
เมื่อนำเอื้องขวัญมาวางไว้บนเตียง ผมก็ใช้ฝ่ามือตบเบา ๆ บนผิวแก้มซีดเซียวหวังจะเรียกให้เจ้าตัวตื่น แต่กลับไร้การตอบสนอง
แปะ ๆ
ลองอีกที
แปะ
อีกทีดิ๊
“...” ยังไงเอื้องขวัญก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา สุดท้ายผมเลยถอนหายใจ...
“อ่อนแอกับสำออยมันมีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่นะรู้เปล่า” ปากพูด แต่รู้ตัวอีกทีผมก็ปลดล็อกกุญแจ หาเสื้อตัวใหญ่ ๆ มาให้ยัยนั่นสวมซะแล้ว สารรูปแบบนี้สงสัยต้องพาไปหาหมอ แล้วให้หมอเอาเข็มฉีดก้น
ไม่ยอมให้ตายง่าย ๆ หรอกน่า
อยู่ให้ฉันทรมานเล่นอีกสักหน่อย...พอใจเมื่อไหร่จะไปเอง