CHAPTER 5

1056 Words
CHAPTER 5 “ขออนุญาตครับคุณหนึ่งครับ... โทรศัพท์จากนายครับ” ฉันรู้ว่าอีกฝ่ายเขาก็เกรงใจตัวเองเช่นกันที่ต้องคอยเข้ามาบริการต่างๆ ให้กับฉันตามคำสั่งของผู้เป็นนายทั้งที่ก่อนหน้าได้รับคำสั่งจากฉันว่าห้ามรบกวน การพักผ่อนของฉันที่เกิดขึ้นหลังจากทำงานไม่ว่าจะเวลาไหวก็ตามมักไม่อยากให้ใครได้รบกวนทั้งนั้นเพียงแค่ว่าเขาคือข้อยกเว้น ข้อยกเว้นที่ฉันต้องทำตามไม่ใช่ว่าเขาต้องทำตาม เขาคือทุกอย่าง การกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสีหน้าท่าทางอีกฝ่ายทำให้ฉันยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์เครื่องเจ้าปัญหานั้นมาให้มันเสร็จๆ ไปหลังจากนั้นซันก็รู้งานด้วยการเดินออกจากห้องโถงฝั่งตะวันตกไปในทันที ด้วยความที่ว่าคฤหาสน์ทรงยุโรปของตระกูลวัฒธนาจักรที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีพื้นที่กินพื้นที่ไปเท่าไหร่ข้อนี้ฉันก็ไม่ทราบแต่เนื้อที่มันต้องไม่ต่ำกว่าร้อยไร่โดยประมาณแน่นอน คฤหาสน์ใหญ่ถูกออกแบบเป็นสีน้ำเงินเข้มให้ความรู้สึกมั่นคงอีกทั้งยังมีสีทองจากดวงไฟส่องออกมาในยามค่ำคืนยิ่งเสริมเป็นตัวเด่นสะกดสายตาไม่รู้ลืม วัฒธนาจักรตระกูลที่ไม่ธรรมดา วัฒธนาจักรมีอาณาจักรเป็นของตัวเอง ทุกอย่างของวัฒธนาจักรไม่เคยมีคำว่าด้อยเลยสักครั้ง หากคนอื่นๆ ได้เข้ามารับรู้ทุกอย่างบอกเลยว่ามันมีอะไรซุกซ่อนมากกว่าที่เป็นอยู่ ภายนอกรับรู้ว่ายิ่งใหญ่แต่ความจริงมันยิ่งไปกว่านั้นหลายเท่าตัว “ฮัลโหล... หนึ่งพูดสายค่ะ” [ไอ้ซันมันทำงานยังไง ช้ายิ่งกว่าเต่า] แค่ได้ยินเสียงฉันเปรยออกไปตามสายน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้ประกอบประโยคพูดมันชัดเจนบ่งบอกถึงความไม่พอใจในลูกน้องตัวเองมากๆ นี่แหละนิสัยนายใหญ่กุมบังเ**ยนวัฒธนาจักรตัวจริงและยังมีมากกว่านี้อีกเหมือนว่าอีกฝ่ายพยายามทำตัวเองให้อารมณ์คงที่มากๆ ก่อนจะเอ่ยอีกประโยคขึ้นตามมา “แล้วทำอะไรอยู่” “นอนดูพระอาทิตย์ตกค่ะ” [หึ...] เขารู้ไงว่าฉันชอบพระอาทิตย์ เขาถึงได้ส่งเสียงแบบนั้นตามมา “…” [ชอบมากเหรอ...] ถามในสิ่งที่รู้อยู่แล้ว ถามในสิ่งที่ฉันต้องตอบทุกครั้ง “ค่ะชอบ ยิ่งโดนปฏิเสธงานก็ยิ่งมีเวลาว่างนั่งดู” [ดูเหมือนจะพูดผิดนะ] “พูดถูกแล้วนะคะไม่ผิดสักนิด” [ใครบอกโดนปฏิเสธงาน] ฉันยืดตัวขึ้นในทันทีที่อีกฝ่ายน้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมแบบมากๆ สายตาละจากพระอาทิตย์ตกมายังกรอบรูปขนาดใหญ่ของห้องโถงนี้ ร่างกายที่ขยับปรับเปลี่ยนทิศทางการนั่งในชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูอ่อนตัวยาวแต่แหวกโชว์เรียวขาขึ้นสูงไม่เป็นอุปสรรคสักนิดเดียว นัยน์ตาขยับแต่ยังจดจ้องภาพวาดจากฝีมือจิตกรระดับโลกในกรอบทองคำแท้บนผนังไม่ต้องคำนวณมูลค่ามันเพราะแพงหูฉี่ทุกอย่างในคฤหาสน์ทรงยุโรปหลังนี้ไม่มีอะไรไม่มีราคาแพง “…” [เวลาถามก็ตอบอย่าให้รอ] “หนึ่งพูดผิดค่ะ” [แน่ใจ?] เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อใจฉันในทันที เขาพยายามทวนถามย้ำซ้ำหลายรอบเข้าด้วยกันตามอุปนิสัยส่วนตัว [แน่ใจใช่มั้ยว่าแค่พูดผิดไป] “ค่ะ” เขาเหมือนเสือโคร่งสีขาวเด่นด้วยลวดลายสีดำตัวนั้นบนผนัง เขาเหมือนไม่พอใจถึงจะเป็นเรื่องผิดพลาดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เขาจะใช้สายตาอันแข็งแกร่งมองเหมือนกำลังจะเขมือบในยามไม่ได้ดั่งใจ เขาเป็นแบบนั้น เป็นเหมือนภาพวาดบนผนังตรงหน้าฉันไม่ผิดพลาดสักนิดเดียว [เธอไม่เคยโดนปฏิเสธงาน] “…” [เธอต่างหากที่มีสิทธิเลือกงานพวกนั้น] “…” [หรืออยากนั่งกินนอนกินอย่างเดียว เอามั้ย?] “อย่านะคะ” [ไม่ทำงานแต่รับเงินเดือนไม่ชอบเหรอ] “แต่เราตกลงกันแล้วนะคะว่าจะให้หนึ่งทำงานที่ชอบก่อน...” เพราะฉันกำลังกลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาจริงต่างหากในตอนนี้ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครสามารถบังคับอีกฝ่ายได้หากเขาเอาจริงแบบที่พูดขึ้นมาแต่ฉันก็ยังพยายามอยู่ทุกครั้ง เขาบอกว่าไม่ได้บังคับแค่เสนอทางเลือกเท่านั้น “หนึ่งเลือกงานเอง เป็นฝ่ายเลือกไม่ได้ถูกปฏิเสธแบบที่พูดไปค่ะ” ภาวนาให้เขาใจดี ภาวนาให้เขาให้ทำงาน ภาวนา ภาวนาและก็ภาวนาซ้ำๆ [มีอะไรแลกเปลี่ยน] เพราะเขาคือนักธุรกิจ เพราะเขาไม่ยอมขาดทุน ข้อนี้ฉันรู้ดี “มี...” ฉันรนจนคิดไม่ทันแล้ว มีแค่เอ่ยปากพูดออกไปเพื่อให้ผ่านพ้นตัวเองกระทั่งพึ่งมาคิดได้ตอนที่เอ่ยปากออกไปแล้ว นี่แหละที่ปากต่อปากพูดกันว่าคำพูดจะเป็นนายเราก็ต่อเมื่อมันออกจากปากไป [อ่าห้ะ] “…” [มีก็ดี ถามอีกครั้ง] “…” ปลายสายเงียบไป ปลายสายไม่เอ่ยอะไรออกมา ส่วนฉันนั้นไม่ต้องถามว่าตอนนี้ลุ้นกับคำถามที่กำลังจะถูกเอ่ยออกมามากแค่ไหน ทุกวินาทีมันช่างยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้จนในที่สุดมันก็กลายเป็นแรงกดดันที่มีมวลมหาศาลตามออกมาแทน เวลาที่เขาเงียบไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไร เวลาที่เขาเงียบมันเหมือนคลื่นลูกหนึ่งกำลังก่อตัว เวลาที่เขาเงียบมันคิดดีเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องรุนแรง ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์ คำพูด สายตา ทุกอย่างพอผสมลงตัวกันแทบไม่ต้องถามเลยว่าใครชอบบ้าง ไม่ใช่แค่เพียงตัวฉันเองเท่านั้นแต่ยังมีคนอื่นๆ อีกมากมาย [มีจริง?] อนุภาคมันมหาศาลเลยนะสองพยางค์นี้ “มีค่ะ” [คิดไว้แล้ว?] “ค่ะ” ตอบไปได้แค่นี้จริงๆ มันแก้ไขอะไรไม่ทันอีกแล้ว คำพูดกลายเป็นนายของฉันไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว นับจากนี้ไปฉันจะพยายามไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว [อย่ารับปากพล่อยๆ] “…” [รู้ใช่มั้ย] “รู้ค่ะว่าไม่ชอบ” [หึ] แค่เสียงออกมาให้ได้ยิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD