ราเชลยิ้มกว้างแล้วนั่งลงบนเตียงไม่พูดอะไรต่อมากแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยเรื่องงานกับพี่ฌอน ส่วนคนตัวใหญ่นอนมองตาหวานแล้วอ้อมแขนใหญ่กอดเอวเธอไว้ ริมฝีปากหยักจูบที่สะโพกและต้นขาแผ่วเบาซ้ำๆ เขาติดเธอมากจนน่ากลัวขนาดห่างกันตั้งครึ่งปียังไม่สามารถเปลี่ยนพี่สิปได้เลย ไม่แปลกใจเลยที่คนอื่นคิดว่าเราคบกันอยู่เพราะการแสดงออกแบบนี้ของเขาไง
เธอไม่สามารถบอกรักเขาได้จริงๆ
กลัวอาการหนักกว่านี้
ความรู้สึกของเธอยังไม่ชัดเจนว่ารู้สึกอะไรกับเขากันแน่ เรารู้จักกันมาตั้งนานและไม่เคยมีสักช่วงเวลาที่เขาจะอยู่ห่างเลย เขาอยู่ข้างเธอเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนที่เจอปัญหาหนักๆเขาก็เข้ามาเอาตัวเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ใครทำอะไรง่ายๆ เขารู้จักเธอดีมากและไม่มีใครรู้ใจได้เท่าเขาอีกแล้ว แต่ในตอนนั้นเขาทำทุกอย่างในฐานะพี่ชายจนกระทั่งคืนวันเกิดที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดกาล เธอไม่รับรักในฐานะคู่รัก เขาเลยขอให้เธออย่ารักใครทั้งนั้นและขอให้ใส่แหวนวงนี้ตลอด
มีหลายครั้งที่เธอลืมแหวนไว้ที่บ้าน
เขาไปเอามาให้ใส่จนได้
ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่มีคนสนใจเธอเลยนะ แต่เพราะว่ามีคนตัวใหญ่แบบนี้ขัดขวางด้วยวิธีการรุนแรงตลอด เขาอ่อนโยนแค่กับเธอคนเดียวแต่กับคนอื่นไม่ใช่เลย ขนาดน้องชายแท้ๆอย่างพี่ศิยังบ่นเรื่องนี้ให้ฟังบ่อยๆเกี่ยวกับความรุนแรงที่พี่สิปใช้แก้ปัญหาจนบางครั้งมันดูเกินเหตุ
“อาทิตย์หน้าหนูจะไปที่เกาะส่วนตัวนะ แล้วก็เช็คเรือสำราญที่จะใช้ด้วย”
“พี่ไปด้วย”
“แต่พี่ศิก็จะไปด้วยนะ ห้ามตีกัน”
“มันรู้ก่อนพี่อีกเหรอ!?”
“ก็หนูพึ่งคุยกับพี่ฌอนเรื่องนี้ตอนพี่สิปอยู่ที่บาร์ไงเลยยังไม่ได้บอก”
“ของฝากมันก็ได้ก่อนพี่!”
“ถ้าพาลแบบนี้ก็ไม่ต้องไป!”
“ถ้าพี่ไม่ได้ไปไอ้ศิก็ไม่มีวันไปกับยัยหนูได้เหมือนกัน!”
“พี่จะบ้าเหรอ!?”
“ถ้าวันนั้นพี่ไม่ได้ไปด้วยแล้วหนูหนีไปกับมันสองคน พี่จะหักขามันเป็นสองท่อนทันทีที่เห็นหน้า!” ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดมากที่ยัยหนูทำเหมือนว่าเขาคือตัวปัญหาทั้งที่มันไม่ใช่เลย เขาไม่ชอบเวลาที่เธอไม่อยู่ในสายตา เธอไม่เข้าใจความกระวนกระวายว่ามันทำร้ายมากชนิดที่อาละวาดจนหมดแรงก็ไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น อ้อมกอดกระชับเอวบางแน่นขึ้นด้วยความไม่ชอบใจมากและหวงเธอมาก เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนผิด
น้องชายเขาไงที่ผิด
หักขาศิรากรสักหน่อยพ่อไม่น่าจะด่า
ฟอด…
“หอมแก้มแล้วยิ้มให้หนูได้รึยัง?”
“จูบด้วยไม่ได้เหรอ?”
“เป็นอะไรห่ะถึงจะจูบ?”
“เป็นคนที่รักหนูที่สุดในราเชล”
“บางเรื่องพี่สิปต้องใจเย็นๆนะ”
“บางครั้งพี่ก็ควบคุมไม่ได้”
“ยิ่งแก่ยิ่งคิดมาก นอนดีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปดูคลังของพี่สิป” เธอขยับตัวแล้วนอนลงในอ้อมกอดแสนอบอุ่นของพี่สิป ครึ่งปีที่เธอทิ้งเขาไปเที่ยวอย่างมีอิสระและคนทางนี้ใกล้จะทนไม่ไหวแล้วล่ะ นี่ถ้าเธอยังไม่กลับมาเขาน่าจะออกไปตามหา เขาคือคนยึดติดมากเกินไปจนน่ากลัว เขารู้ว่าเธอไม่รักก็ยังหลอกตัวเองว่าเรารักกัน นี่ถ้าวันหนึ่งเธอบอกรักเขาขึ้นมาจะไม่หัวใจวายหรืออาการหนักกว่านี้รึไง
“ฝันดีนะราเชล”
“เจอกันในฝันนะพี่สิป”
“มันต้องเป็นฝันที่หวานมากแน่เลย”
“ฝันหวานขนาดไหนก็ต้องตื่นนะ”
เช้าวันต่อมาสิปปกรค่อยๆลุกจากเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบาแล้วหอมแก้มยัยหนูด้วยความรักมาก เขาอาบน้ำไม่นานให้สดชื่นขึ้นและหยิบชุดสีดำสนิททั้งตัวขึ้นมาใส่ จากนั้นก็หยิบถุงมือชั้นดีมาสวมไว้ก่อนจะเดินไปที่ชั้นหนังสือแล้วกดรหัสเพื่อเปิดประตูเข้าไปสู่ห้องลับที่มีลิฟต์พาลงไปทุกชั้นที่ต้องการ ทันทีที่มาถึงห้องใต้ดินรันก็เดินยิ้มหน้าระรื่นเข้ามาเพื่อรายงานทันที แล้วคนที่ถูกจับมัดห้อยอยู่ในห้องกระจกตัวโชกไปด้วยเลือดอย่างไม่น่าสงสาร แต่น่าสมเพชมากกว่า
“มันไม่พูดอะไรเลยครับคุณสิป”
“กูไปเอง”
“ครับ”
“อาทิตย์หน้ากูจะไปธุระกับยัยหนู เตรียมพร้อมด้วย”
“ครับคุณสิป”
ห้องกระจกเก็บเสียงอย่างดีและป้องกันแรงกระแทกชนิดที่ต้องยิงปืนหลายนัดซ้ำรอยเดิมกว่าจะทะลุเข้าไปได้ หรือหยิบเหล็กมาฟาดก็ไม่มีทางแตกลงง่ายๆ ทางหนีมีแค่คนออกแบบที่รู้ซึ่งเขาไม่เคยหลุดปากบอกใครเลยสักคนนอกจากยัยหนูราเชลคนเดียว เขาบอกเธอหลายเรื่องที่เป็นความลับและไม่ใช่ความลับ เขาปิดบังด้านไม่ดีของตัวเองเสมอ คนด้านนอกมองเห็นคนด้านในตลอดเวลาแต่คนด้านในจะไม่สามารถมองทะลุออกมาได้ ชั้นใต้ดินเต็มไปด้วยกล้องและระบบป้องกันภัย ที่นี่มีทางหนีออกไปถึงแม่น้ำใหญ่หากมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น แต่แทบไม่เคยได้ใช้ทางนั้นเท่าไรเพราะไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงมากขนาดนั้น ส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นสถานแห่งความตายมากกว่า
ช่วงเวลาสนุกของคุณสิปปกรมาแล้ว
ปากแข็งดีนักก็เตรียมอยากตายทั้งเป็นได้เลย