หลังจากพายัยหนูทัวร์แล้วก็ถึงเวลาพากลับไปเรือนหอของเราดีกว่า ครึ่งปีที่ผ่านมาเขาปรับแต่งหลายอย่างเพื่อรอวันที่เธอตัดสินใจกลับมาอยู่ด้วยกัน คฤหาสน์ของปู่ที่มีเขาเป็นเจ้าของคนเดียว ส่วนน้องชายอยู่บ้านของพ่อแม่ซึ่งปู่เป็นคนยกให้มันและไล่พ่อแม่ไปอยู่ที่อื่น ที่นี่ราเชลเคยมาอยู่ไม่กี่เดือนในช่วงที่มีใครหลายคนพยายามจะฆ่าเธอให้ได้ เขาเอาตัวเองมาเป็นเกราะกำบังให้ได้เสมอไม่ว่าจะเป็นตอนไหน
ถ้าได้ตายเพื่อคนที่รักเขายินดีเสมอ
แต่ใครจะฆ่าเขาได้ล่ะ
“ถึงแล้ว”
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ”
“แต่ราเชลก็ชอบไม่ใช่เหรอ?”
“ชอบสิคะ ที่นี่สวยมากๆเลย”
“ไปที่ห้องเรากันเถอะ”
“ห้องเรา?”
“พี่พูดผิด พี่ต้องบอกว่าทั้งชั้นนั้นเป็นของเรามากกว่า” เขาโอบไหล่เธอด้วยความสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อมาถึงบ้านที่อบอุ่นและปลอดภัยเสมอมา
ราเชลขยับตัวออกจากอ้อมกอดเพราะมันค่อนข้างอึดอัด พี่สิปเลยเปลี่ยนเป็นจับมือเธอแทนแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปห้องพักของเขา ไม่รู้สิว่ามันเปลี่ยนแปลงขนาดไหนบ้างในระยะเวลาครึ่งปีที่เราห่างกันไปด้วยความตั้งใจ เธอเคยมีอยู่ที่นี่เลยรู้ดีว่าที่ไหนเป็นอะไรบ้างและลิฟต์มาถึงชั้นสี่ทุกอย่างที่เคยมีนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตรงหน้าคือประตูห้องนอนและถัดจากนั้นคือระเบียงเปิดโล่งสามารถนั่งเล่นได้ หรือนอนดูดาวก็ยังทำได้สบายๆ ถัดจากประตูห้องไปอีกด้านมีชั้นวางหนังสืออยู่ตรงมุมและโซฟากำมะหยี่ตัวใหญ่
ที่นี่เปลี่ยนไปหมดภายในหกเดือน
“พี่สิปคะ?”
“เข้าไปสิ ห้องนี้พี่ตั้งลายนิ้วมือของหนูไว้แล้ว หรือใช้แค่หน้าก็ยังได้ พี่เตรียมทุกอย่างไว้เพื่อหนูคนเดียวเลยนะ”
“ทำขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
“ก็ถ้าหนูมาอยู่จะได้ไม่ต้องลำบากไง พี่มีห้องแต่งตัวแบบที่หนูชอบให้ด้วยนะ มีห้องน้ำแบบที่หนูชอบ เตียงขนาดคิงไซซ์สั่งทำมาเป็นอย่างดี ทีวีจอใหญ่เท่าผนังให้หนูนอนดูหนังหรือบาร์เล็กๆที่ระเบียงตรงนั้น พี่เตรียมทุกอย่างที่หนูชอบไว้หมดแล้ว”
“แต่ว่าหนูไม่เคยบอกว่าจะมาอยู่กับพี่สิปเลยนะคะ อันที่จริงเรายังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ”
“เข้าไปดูเถอะ วันนี้หนูจะต้องนอนที่นี่ ส่วนฌอนพี่ให้นอนที่บ้านพักใกล้กับรันแทนแล้วกัน ยังไงอนาคตมันก็ต้องอยู่ที่นี่”
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมากกว่าที่คิดเอาไว้หลายเท่า พี่สิปจับมือเธอเดินไปสำรวจด้วยความสุขมากและพูดไม่หยุดเลยว่าทุกอย่างนั้นทำเพื่อเธอ เขารู้ว่าเธอชอบอะไรบ้างเลยจัดแจงให้ทุกอย่างเป็นสัดส่วน หลังจากเดินดูห้องที่รีโนเวทใหม่จนเหนื่อยก็เลยนั่งลงบนเตียงนุ่มและทุกอย่างก็เหมือนเดิม พี่สิปล้มตัวนอนกอดเอวเธอเอาไว้เหมือนกลัวว่าจะหายไป จากนั้นเขาก็จับมือไปจูบซ้ำๆก่อนจะปล่อยแล้วยิ้มกว้างให้กัน
“ชอบไหม?”
“ก็ดีค่ะ”
“เย็นนี้หนูอยากกินอะไรพิเศษไหม?”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้ขอนอนก่อนดีกว่า”
“นอนจริงๆใช่ไหม?”
“แล้วคิดว่าจะทำอะไรคะ?”
“ก็ยัยหนูของพี่เนี่ยติดเกมมากเลยนี่”
“หนูอยากจะนอนพักสายตาสักชั่วโมง”
“พี่สั่งทำคอมประกอบไว้ให้แล้วนะ อีกไม่กี่วันน่าจะเสร็จแล้วมาส่งที่นี่ หนูจะเล่นเกมทั้งวันทั้งคืนก็ได้เลย”
“พี่สิปนี่ใจดีที่สุดเลย”
“แต่ก็ยังดีไม่พอจะให้หนูรักใช่ไหม?”
“คือว่า…”
“จริงๆแล้วคนที่ใจดีมันคือหนูต่างหากล่ะราเชล คนที่ใจร้ายและเห็นแก่ตัวมันคือพี่”
“ไม่ว่ายังไงพี่สิปคือคนที่ดีของหนูเสมอค่ะ”
เธอลูบหัวเขาเบาๆก่อนจะขยับตัวนอนบนเตียงใหญ่ พี่สิปหยิบรีโมทปิดผ้าม่านหนึ่งชั้นเพื่อกันแสงสว่างมากเกินไปจากแสงแดดจ้าและห้องจะไม่มืดจนเกินไปด้วย เขาขยับเข้ามานอนสบตาเธออยู่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นปลายจมูกโด่งก็กดลงมาที่แก้มและหอมไปฟอดใหญ่
พี่สิปเสพติดสกินชิพมาก
เขาเป็นแบบนี้มาสองปีจนชินแล้ว
“ขอบคุณนะที่ทำตามที่พี่ขอมาตลอด”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หรอก วันนี้เห็นแบบนั้นแล้วรังเกียจพี่ไหม ยัยหนูกลัวพี่รึเปล่า?”
“เดี๋ยวหนูก็ชินเองค่ะ”
“มันเป็นสิ่งที่หนูไม่ควรได้เห็นเลย”
“แต่นั่นมันคือตัวตนของพี่สิปไม่ใช่เหรอคะ?”
“ใช่ มันคือตัวตนของพี่”
“เดี๋ยวสักวันก็คงรับได้เองค่ะ”
เขาขยับเข้าไปจูบที่หน้าผากแผ่วเบาด้วยความเอ็นดูอย่างมาก ริมฝีปากเคลื่อนลงมาที่สันจมูกไล่ไปที่พวงแก้มก่อนจะบดเบียดลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบทับด้วยลิปสติกสีชมพูดอ่อน เขาจูบเธออย่างอ่อนโยนแฝงไปด้วยความต้องการครอบครองทั้งกายใจ เมื่อได้จูบแล้วไม่เคยหยุดง่ายๆเพราะโอกาสมีน้อยและเธอทิ้งเขาไปเพื่อทบทวนหัวใจยาวนานถึงครึ่งปี ความคิดถึงที่มีล้นทะลักออกมาเกินกว่าจะกดมันไว้ได้อีกต่อไป เขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเติมเต็มความฝันให้จินตนาการไปถึงวันที่เราสองคนเข้าหอกัน ภาพวันวิวาห์ลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง เพียงสัมผัสแผ่วเบาที่โต้ตอบกลับมานั้นทำให้หัวใจสั่นไหวอย่างหนักและเผลอเข้าข้างตัวเองมาเรารักกันมาโดยตลอด
แม้ว่าความจริงเธอไม่ได้รักเขา
แต่ก็ใจดีเกินกว่าจะปฏิเสธและทำร้ายจิตใจ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วมากจนแทบไม่ทันตั้งตัว ราเชลเดินทางมาพร้อมกับพี่ฌอนที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว พี่สิปมาพร้อมกับพี่รัน พี่ศิมาพร้อมกับพี่โท พวกเราเดินทางมาเงียบๆไม่เอาลูกน้องคนอื่นมาจนคนจะให้ความสนใจ เธอมาเพื่อสำรวจความพร้อมต่างๆก่อนจะสั่งให้คนปรับปรุงแก้ไข อีกข้อคือต้องวางแผนความปลอดภัยให้รัดกุมและรอบคอบที่สุด ทั้งบนเรือสำราญที่จะใช้ในการประมูลคืนนั้นและเกาะส่วนตัวที่พาทุกคนมาพักผ่อนสองคืนสามวันต้องไม่มีการตายของแขกที่เชิญมา
งานใหญ่ครั้งนี้ต้องออกมาดีที่สุด
ใครก็ห้ามทำลาย
“คืนนี้เราค้างบ้านพักแล้วพรุ่งนี้ค่อยนั่งสปีดโบ๊ทไปดูพื้นที่รอบๆต่อดีกว่าค่ะ ช่วงเที่ยงค่อยไปขึ้นเรือสำราญกัน” น้ำเสียงหวานบอกขณะที่เดินเข้าบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ ตอนนี้สี่โมงเย็นแล้วเราพึ่งจะมาถึงเอง เธอยังมีเวลาอีกเยอะที่ปรับปรุงแบบแผนหลายอย่างและทำโชว์ให้สนุกสนานถูกใจแขกหลายคน
อีกสามเดือนคือวันที่รอคอย
ตื่นเต้นจังเลย
“งั้นปาร์ตี้กันไหม?” ศิรากรเสนอพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเพราะนี่ถือว่าเป็นการมาพักผ่อน
“มึงก็ชวนแต่ยัยหนูปาร์ตี้ตลอด!” สิปปกรพูดขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ถ้ากูไม่ชวนแล้วคืนนี้มึงจะได้นอนกอดยัยหนูเหรอ?” ศิรากรกระซิบข้างหูพี่ชายแผ่วเบาแล้วมันก็ยิ้มกว้างทันที อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะว่าหลังจากวันนั้นที่พาราเชลไปค้างด้วยก็ไม่ได้นอนกอดอีกเลย ยัยหนูราเชลอ้างเรื่องงานยุ่งตลอดเลยไม่อยากเจอใคร แต่พี่ชายมันก็หน้ามึนไปหาทุกวันเหมือนเดิม
ดูก็รู้ว่าอยากนอนกอดราเชลใจแทบขาด
นี่ถ้าเข้าสิงได้คงทำไปแล้ว