5.2 ตัวตายตัวแทน

1670 Words
นางค่อยๆ หย่อนไข่มุกทีละเม็ดโดยนับเวลาในใจ ในที่สุดก็ไม่มีไข่มุกเม็ดอื่นที่อยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึงได้อีก เสียงลอบถอนหายใจดังขึ้น รู้ว่าด้วยความสามารถของตนคงจะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ จึงหย่อนกายพิงรถม้าอย่างหมดแรง ความแสบร้อนทำให้เจ้าตัวยกปลายนิ้วขึ้นมาแตะที่ลำคอ ผิวของเด็กช่างบอบบางนัก เหอซิงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อพบว่ามีเลือดติดนิ้วมาด้วย สายสร้อยที่ถูกดึงขาดคงบาดลำคอของนาง เด็กวัยแปดขวบเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกสมเพชตนเอง นอกจากรอให้คนมาช่วยนางคงไม่มีปัญญาหนีออกไปได้เอง ต่อให้กำลังภายในเริ่มฟื้นคืนมา แต่ก็ไม่มากพอที่จะบุกออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน เทียบกับนางแล้วคงไม่ต่างจากมดสู้กับช้าง เหอซิงกลอกตาไปมาก่อนจะสังเกตว่าขายังถูกเชือกมัดเอาไว้ นางจึงค่อยๆ จัดการคลายปมเชือกออกอย่างเชื่องช้า ระยะเวลาผ่านไปประมาณสองเค่อตะวันก็ขึ้นเต็มดวงสาดแสงเต็มท้องฟ้า แสดงถึงการมาเยือนของรุ่งอรุณวันใหม่ ค่ำคืนที่แสนสั้นสำหรับใครบางคนให้ความรู้สึกที่ยาวนานเสียเหลือเกิน จู่ๆ รถม้าก็หยุดลงส่งผลให้เหอซิงเผลอสะดุ้งตกใจ ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นหวาดหวั่นเมื่อหันไปพบว่าชายซึ่งมีผ้าผืนดำปิดใบหน้าซีกล่างยืนมองนางจากหน้าต่างนอกรถม้าซึ่งมีลูกกรงปิดทับเอาไว้อีกชั้น แม้ใกล้จะแกะเชือกที่มัดเท้าออกได้แล้วแต่ก็จำต้องหยุดมือ พร้อมกับดึงขาตัวเองไปซ่อนเอาไว้โดยนั่งท่าพับเพียบ นางปิดปากเงียบไม่กล้าส่งเสียงร้อง รีบเบือนสายตาหนีจากแววตาเฉียบคมน่ากลัว คนเหล่านี้มีความสามารถถึงขนาดบุกเข้ามาในจวนเจ้ากรมการคลังที่มีการวางเวรยามแน่นหนา ทั้งยังลักพาตัวนางออกมาได้ แม้จะไม่เห็นเองกับตาก็เดาได้ไม่ยากว่าโจรกลุ่มนี้คงสังหารคนไปมากมายจนนางไม่อยากจินตนาการถึง คิดพลางลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ไม่รู้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงหยุดรถ หรือเป็นเพราะถึงที่หมายแล้ว นางครุ่นคิดในใจแต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย จนกระทั่งความดุดันที่แผ่ออกมาได้ละจากไป ใบหน้าน่ารักจึงเงยขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าคนร้ายได้เดินจากไปแล้ว หลังจากนับหนึ่งถึงสิบในใจ เมื่อรถม้าไม่ขยับต่อและไร้เสียงพูดคุยจนเรียกได้ว่าเงียบสงัด เหอซิงจึงรวบรวมความกล้าพร้อมกับลอบมองออกไปนอกหน้าต่าง พวกเขามิได้พูดคุยกันด้วยเสียงแต่มือก็ขยับไปมาเป็นลักษณะและสัญลักษณ์ต่างๆ ‘ภาษามือ!’ นางฉุกคิดในขณะที่เริ่มนับจำนวนคนในชุดดำที่อยู่ด้านนอก พบว่ามีอยู่ทั้งหมดสิบสามคน ทัศนียภาพรอบข้างพวกเขาและรถม้าที่นางอยู่คือชายป่าโปร่ง นางมั่นใจว่าพวกนางยังไม่ได้ออกจากเมืองหลวง หากรถม้าแล่นผ่านประตูเมืองคงจะมีการปะทะกับทหารผู้ดูแลประตูเมืองไปแล้ว ชายฉกรรจ์ในชุดสีดำทั้งสิบสามคนต่างพากันยืนเรียงแถวบนผืนหญ้าอย่างเป็นระเบียบ เหอซิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นเมื่อพวกเขาทิ้งตัวคุกเข่าลงบนพื้นหญ้า จากทิศทางที่หันหน้าเข้าหาคือทิศตะวันออกที่พระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาประนมมือพร้อมกับกราบลงบนพื้น ทำเช่นนั้นสามครั้งราวกับว่ากำลังสักการะเทพเจ้าอะไรบางอย่าง ทว่าจู่ๆ ชายฉกรรจ์ในชุดดำต่างพากันชะงัก ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะหันไปสื่อสารภาษามือเพื่อสื่อสารกับคนอื่นๆ ซึ่งนางไม่เข้าใจ ดูเหมือนกลุ่มโจรจะไม่ปล่อยให้นางเดานานเมื่อประตูรถม้าถูกกระชากจนเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่สีดำที่จ้องเขม็งมาที่นาง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังไข่มุกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ตามซอกพื้น เหอซิงกระถดหนีเข้าไปด้านในอย่างหวาดกลัวทว่าคนร้ายกลับไร้ความปรานี มือหยาบกร้านคว้าเข้าที่ไหล่เล็ก ก่อนจะฉุดรั้งร่างของเด็กหญิงจนลอยติดมือเขาออกมาจากรถม้า! ขาทั้งสองข้างของนางลอยขึ้นจากพื้นหญ้า ขณะที่ลำคอซึ่งบาดเจ็บเป็นทุนเดิมถูกแขนใหญ่กำยำล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา ความเจ็บปวดทำให้เสียงเล็กแหบแห้งร้องคราง นอกจากจะไม่ได้รับความเห็นใจแล้ว ยังกระตุ้นให้แรงรัดมากยิ่งขึ้นจนน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตา เหอซิงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก ริมฝีปากเม้มแน่นเสียจนห้อเลือด ในขณะที่มือใหญ่ซึ่งเว้นว่างจากการจับนาง ก็ชักดาบยาวออกมาจากฝัก พาดโลหะเย็นลงบนบ่าเล็กๆ จนเด็กหญิงรับรู้ถึงความเย็นจากโลหะบริเวณผิวหนัง ขณะที่นางกำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างที่ดิ้นรนในอ้อมแขนแข็งแกร่งกลับหยุดดิ้นเสียดื้อๆ เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าอย่างเต็มตา ทหารประมาณครึ่งร้อยต่างยืนแบ่งแยกอย่างชัดเจน ฝั่งด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีเลือดหมูเหมือนทหารจวนเจ้ากรมการคลัง ส่วนฝั่งด้านขวากลับแต่งกายด้วยสีเขียวเข้ม ทางด้านหลังทหารกลุ่มนั้นมีหนึ่งชายสูงวัยกับหนึ่งเด็กชายนั่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่บนหลังม้า เขาทั้งสองขี่ม้าคนละตัว คนหนึ่งคือท่านเจ้ากรมการคลัง ส่วนอีกคนคือพี่ชายคนรองของนาง! ความดีใจทำให้เด็กหญิงหยุดดิ้นรน แต่ในจังหวะต่อมาก็รู้สึกกังวล จนกระทั่งตอนนี้นางยังไม่พบเหอลั่วแม้แต่เงา ได้แต่หวังว่าเขาคงจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทว่าแรงกดหนักๆ ตรงไหล่บางซึ่งเกิดจากคมดาบวาววับดึงสติให้นางตระหนักถึงสถานการณ์อันตรายที่กำลังเผชิญ ความเจ็บปวดจากแผลที่ลำคอซึ่งถูกกดทับผสมผสานกับความกลัว ทำให้นางแทบจะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่อยู่ เหอซิงไม่เคยต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้แต่นางก็เลือกที่จะเม้มริมฝีปากเพื่อข่มกลั้นเสียงร้องไว้อย่างมิดชิด เกรงว่าเสียงร้องของนางจะสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่พาดดาบลงบนคอจนเขาตัดสินใจปลิดชีพของนางเสีย “ปล่อยคน!” สิ้นเสียงตะโกนทรงอำนาจของจางจื่อหมิง เหล่าทหารหาญก็เคลื่อนมือไปจับด้ามดาบที่ข้างเอว ดึงโลหะสีเงินที่สะท้อนกับแสงแดดออกมาจากฝักอย่างพร้อมเพรียง โจรเหล่านี้ก็หาได้เกรงกลัวไม่ แม้จำนวนคนของพวกเขาจะน้อยกว่า แต่ก็มิได้แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาในแววตา คนร้ายต่างพากันชักอาวุธออกมาบ้าง คนที่รั้งคอนางเอาไว้เคลื่อนกายกระโดดหลบไปอยู่ทางด้านในสุด โดยที่กลุ่มคนในชุดดำที่เหลือต่างวิ่งกรูขึ้นมายืนเบื้องหน้า สถานการณ์ในเวลานี้กดดันยิ่งนัก เหอฟงมองตามน้องสาวที่ถูกจับตัวหนีไปยืนอยู่ด้านในก็รู้สึกเป็นห่วงจนร้อนรุ่ม ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าดาบใหญ่เคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของน้องสาวมากกว่าเดิม จึงเผลอตะโกนเรียกชื่อนางออกมาอย่างลืมตัว “เสี่ยวซิง!” ‘ยะ...แย่แล้ว!’ คนถูกเรียกตกใจจนใบหน้าเปลี่ยนสี เหอฟงเผลอเรียกชื่อของนางออกมา ก็ไม่ต่างจากป่าวประกาศให้คนร้ายรู้ว่าพวกเขาลักพาตัวเด็กมาผิดคน แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้เมื่อดวงตาดุดันก้มลงมามองทันควัน กายของเด็กหญิงเริ่มสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุม เมื่อแววตาดุดันเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ เขารู้แน่แล้วว่านางไม่ใช่จางโม่! ความโกรธของเขาพุ่งสูงจนอุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนเป็นร้อนจัด แม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่การแสดงออกก็ชัดเจน ดาบใหญ่ในมือสั่นระริก ก่อนที่เจ้าตัวจะเงื้อมันสูงขึ้นหมายจะฟันลงบนร่างที่ดิ้นรนเพื่อดับความโกรธของตนเอง เหอซิงพยายามออกแรงขยับเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการ แต่แขนใหญ่กำยำกลับล็อกคอเล็กๆ ที่แสนเปราะบางเสียแน่นไม่ยอมปล่อย ก้อนเนื้อในอกเล็กเต้นถี่รัวอย่างบ้าคลั่ง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดพลุ่งพล่าน แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์กับคมดาบสีเงินพาดทับลงมาบนดวงตาจนนางเผลอหลับตาแน่น นางเพิ่งเกิดใหม่ได้เพียงแปดปีก็จะต้องกลับไปเจอท่านเทพตรงสะพานแห่งดวงดาวอีกแล้วหรือ! คราวนี้จะไปทวงคำอวยพรเพียงลมปากของเขา คนโชคดีบ้าอะไรจะมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยกัน! น่าเสียดายที่นางไม่อาจเติบโตขึ้นมาทดแทนบุญคุณของบุพการีทั้งสอง เหอซิงกล่าวขอโทษพวกเขาในใจ ฉับพลันนั้นเองกลับรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะที่คมดาบมัจจุราชฟาดฟันลงมา เคร้ง! แรงปะทะในระยะใกล้แค่เอื้อมทำให้เด็กหญิงลืมตาขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก ความตายกลับไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อสิ่งที่เห็นคือคมดาบสีเงินยาวสลักลวดลายด้วยอักษรจีนโบราณที่ต่างออกไป มันทั้งสวยงามและไร้ที่ติ เหอซิงมองไล่ไปยังมือใหญ่แข็งแกร่งที่กุมดาบกันตนเองเอาไว้อย่างอึ้งและทึ่ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD