Midnight Talk
ผมลืมตามองเพดานสีขาวมาพักใหญ่พร้อมกับฟังบทสนทนาภาษาญี่ปุ่นที่ดังมาจากอีกฝากของฉากกั้น ผมพยายามบิดเพื่อแกะเชือกที่รัดข้อมือตัวเองทั้งสองข้างออก ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมตัวเองถึงได้ถูกมัดแน่นหนาแบบนี้ จำได้แค่ว่าผมนั่งดื่มเบียร์อยู่หน้าโรงพยาบาลแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบก่อนที่เสียงส้นสูงจะดังเข้ามาใกล้ และนั่นทำให้ผมต้องเงยหน้ามองคนที่กำลังเดินเข้ามาในนี้
สิ่งที่ผมเห็นคือผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา ริมฝีอวบอิ่มทาลิปแดงสด ผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยเป็นลอนยาวถึงแผ่นหลัง ดวงตาสีดำสนิทมองตรงมาที่ผมก่อนที่เธอจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา
"คุณเป็นคนมัดข้อมือผม?"
ผมเอ่ยถามเธอด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากล ซึ่งมั่นใจแล้วว่าคนระดับหมอแบบเธอน่าจะฟังออกและตอบคำถามผมได้
"คุณเมา พูดไม่รู้เรื่อง แล้วก็อาละวาดรบกวนคนอื่น"
"คุณพูดภาษาไทยได้?"
"ฉันเป็นคนไทย"
น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยตอบสั้นๆก่อนที่เธอจะหยิบคัตเตอร์ตรงเข้ามาตัดเชือกที่มัดข้อมือผมออก ทันทีที่เป็นอิสระผมก็ค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆเพราะยังคงรู้สึกหนักหัวอยู่นิดหน่อยจากอาการเมาค้าง
"คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้มั๊ย"
ผมส่ายหน้าช้าๆ ถึงแม้ผมจะเลือกมาเรียนต่อที่นี่แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มต้นเรียนภาษาเลยสักนิดเดียวเพราะไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรนอกจากซื้อเบียร์มานั่งดื่มและเดินไปเดินมาเหมือนคนไร้จุดหมายปลายทาง
"คุณถามผมทำไม"
เธอไม่ได้ให้คำตอบในทันทีแต่เลือกที่จะเดินไปรินไวน์ใส่แก้วและกระดกดื่มรวดเดียวแบบไม่กลัวเมา สายตาเรียบนิ่งปรายมองมาทางผมก่อนที่เธอจะปิดตู้เย็นและกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม
"คนป่วยแบบคุณลงทุนเดินทางมาไกลบ้านแต่ไม่มีความรู้เรื่องภาษาแบบนี้อาจจะใช้ชีวิตลำบาก"
"ผมไม่ได้ป่วย!"
ปฏิเสธเสียงแข็งจนเกือบตวาดใส่แต่คนตรงหน้าก็ทำแค่นั่งกอดอกจ้องผมนิ่ง ผู้หญิงตรงหน้ากล้าดียังไงมากล่าวหาว่าผมป่วย ถึงเธอจะเป็นหมอแต่ก็ใช่ว่าจะรู้ดีไปหมดซะทุกเรื่อง
...คนอะไรวะ น่าหงุดหงิดชะมัด!
"คนบ้ามักจะพูดว่าตัวเองไม่บ้า คนป่วยแบบคุณก็เช่นกัน"
"ผมไม่ได้บ้าแล้วก็ไม่ได้ป่วย!"
ร่างกายและจิตใจนี้เป็นของผม คนเดียวที่มีสิทธ์รู้ว่ามันผิดปกติหรือไม่ก็มีแค่ผม ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดพล่อยๆ ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นผู้หญิงผมไม่มีทางนั่งเฉยๆแบบนี้แน่
"คุณไม่ยอมรับก็เรื่องของคุณ แต่ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าคุณน่ะป่วย"
"หุบปาก! อย่าให้ผมหมดความอดทนกับคุณ"
เธอเลิกคิ้วยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ที่เธอสวมอยู่ รูปถ่ายของเมล่อนในมือเธอทำให้ผมนั่งไม่ติดตรงเข้าไปกระชากมันออกมาและเก็บใส่กระเป๋าเสื้ออย่างหวงแหน
"คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องของๆผม!"
"ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณป่วย"
"เลิกพูดคำว่าป่วยสักที!"
มุมปากเธอยกยิ้มเล็กน้อยและนั่นทำให้ผมรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง เกิดมาผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนกวนประสาทขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะผมไม่คิดจะทำร้ายผู้หญิงจึงได้แต่ยืนกำหมัดแน่นระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน
"คุณน่ะป่วย"
เพล้ง!
แจกันที่อยู่ใกล้มือถูกคว้าและปาใส่กำแพงใกล้ๆเธอ ผู้หญิงตรงหน้าที่ยังคงกระตุกยิ้มไม่สะทกสะท้านกับอะไรทั้งนั้นแถมเธอยังยกแก้วไวน์ขึ้นจิบและมองผมด้วยสายตาเป็นประกาย เพียงแต่มันไม่ใช่ความเสน่หาแต่เหมือนเธอกำลังหัวเราเยาะผมผ่านแววตาคู่นั้น
"อยากปาอะไรอีกมั๊ย"
"ผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิงหรอกนะ!"
ผมพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้เผลอหยิบอะไรขว้างใส่ผู้หญิงตรงหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง บนใบหน้าสวยยังคงมีรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นมัน เธอไม่ได้กลัวคำขู่ของผมแม้แต่นิดเดียวแถมยังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อกาวน์และวางมันลงบนโต๊ะจงใจให้ผมเห็นแบบชัดๆ
...บัตรประชาชนที่อยู่ในกระเป๋าเงิน ทำไมมาอยู่ที่ผู้หญิงคนนี้!
"ฉันเก็บของคุณไว้ทุกอย่าง"
"ผมขอคืน"
"ได้ แต่ฉันมีข้อแม้"
ผมมองเธออย่างไม่ไว้ใจ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ผมรู้สึกว่าเธอนั้นไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ผมเคยทำตัวเป็นเสือมองผู้หญิงเป็นแค่เหยื่อ ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมารู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อซะเองแบบนี้
"ข้อแม้อะไร"
"คุณต้องเข้ารับการรักษาจากฉัน"
"ไม่มีทาง!"
ผมเอ่ยสวนอย่างไม่คิด ถึงผมจะเพิ่งผิดหวังในความรักมาแต่ผมเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ป่วย ยังไงผมก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วยเด็ดขาด ไม่มีวัน!