ตอนที่ 5 ฟื้นแล้ว

1416 Words
ตอนที่ 5 ฟื้นแล้ว พิมพ์มาดาเพียรเฝ้าดูชายหนุ่มอยู่สามวันสามคืน สามวันที่คิรากรไม่ฟื้นขึ้นมาเลย เธอไม่สามารถพาเขาไปส่งโรงพยาบาลได้ตามที่ใจหวัง เพราะทางเข้าออกหมู่บ้านถูกน้ำซัดถนนขาด ต้นไม้ใหญ่ก็หักโค่นปิดทางเข้าออกเพราะพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทางบ้านของพนาจึงต้องรับคิรากรไว้ดูแลกันเอง ดีที่บ้านเขายังพอมียาและอุปกรณ์รักษาอยู่บ้าง แต่ก็มีไม่มากพอหากถนนยังเปิดไม่ได้ ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป อาจจะต้องใช้สมุนไพรในการรักษาเพียงอย่างเดียว "เมื่อไรคุณจะฟื้นสักทีคะ ฉันขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองคุณ ให้คุณฟื้นขึ้นมาทุกวันเลยนะคะ คุณนอนนานเกินไปแล้วนะคะ" พิมพ์มาดาเข้ามาเช็ดตัวให้กับร่างหนาที่นอนไม่ได้สติ ส่วนมากแล้วเธอก็เช็ดเพียงแขนและขา หากเช็ดทั้งตัวก็จะเป็นหน้าที่ของพลพัชร์หรือไม่ก็พนาสองคนนี้เท่านั้น เพราะอย่างไรเธอก็เป็นเพียงหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน "ป่านนี้ไม่รู้ว่าครอบครัวคุณจะเป็นห่วงมากแค่ไหน สามวันแล้วนะคะ เขาคงตามหาคุณให้วุ่น หรือไม่เขาอาจจะคิดว่า..."ร่างบางพลิกตะแคงร่างหนาเพื่อเช็ดด้านหลัง อีกอย่างเธอก็อยากให้เขาได้ขยับร่างกายบ้าง กล้ามเนื้อจะได้มีเรี่ยวแรง พิมพ์มาดามักจะพูดคุยกับชายหนุ่มทุกวัน ถีงแม้เขาจะไม่รับรู้ แต่เธอก็อยากจะพูด "คิดว่า...ผม… ตายไปแล้ว… ใช่ไหม" เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหยักที่ซีดเซียวอย่างแผ่วเบา พิมพ์มาดาเบิกตากว้างอย่างตกใจ หญิงสาวชะโงกเข้าไปดูก็เห็นว่าชายหนุ่มที่เธอกำลังเช็ดตัวให้นั้นลืมตาขึ้น ทว่าคิ้วหนากลับขมวดยุ่ง "คุณ! คุณฟื้นแล้วรอสักครู่นะคะ อย่าเพิ่งขยับ" คิรากรพยายามจะยันศีรษะขึ้นมอง ทว่าก็ไม่สามารถขยับได้ดั่งใจ ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง สมองค่อย ๆ ประมวลผลถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา "แม่! แม่จ๋า...คุณเขาฟื้นแล้วจ้ะ" พิมพ์มาดาเห็นว่าชายหนุ่มยอมเชื่อฟัง เธอก็รีบออกไปตะโกนเรียกมารดาที่ที่อยู่ด้านนอก พิมลกำลังเตรียมยาสมุนไพรอยู่ก็หันไปมองดุใส่ลูกสาว ไม่เพียงแค่พิมลจะเรียนด้านพยาบาลมาเท่านั้น แต่พิมลยังมีความรู้เรื่องสมุนไพรอย่างแตกฉานอีกด้วย และคนที่สอนให้หญิงสาวใช้สมุนไพรก็คือสามีชาวเขาของเธอนั่นเอง "ทำไมตะโกนเสียงดังอย่างนั้นล่ะลูก ไม่น่ารักเลย" พิมพ์มาดาหน้าเจื่อนลงเมื่อโดนดุ ทว่าเธอก็รีบบอกจุดประสงค์ที่ต้องเสียงดังให้กับมารดารับรู้ "ขอโทษจ้ะแม่ พิมพ์ตื่นเต้นไปหน่อย พอดีว่าคุณคนนั้นเขาฟื้นแล้วน่ะจ้ะ พิมพ์เลยรีบมาตามแม่ แม่ไปดูเขาหน่อยสิ" "อืมไปสิ" พิมลก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย ก็เธอรักษาเขามากับมือนี่นา เธอย่อมต้องอยากให้คนไข้เธอปลอดภัย พิมลพยักหน้าและเดินนำลูกสาวเข้าไปในห้อง พิมลเดินมานั่งที่ข้างแคร่ไม้ไผ่ที่เอาฟูกมาปูไว้เป็นเตียงนอน ทว่าที่นอนฟูกนั้นกลับนอนดีกว่าที่นอนสปริงเสียอีก ไม่ทำให้ปวดหลังอีกด้วย ที่นี่ไม่มีใครนอนเตียงกัน ส่วนมากหมอนผ้าห่มที่นอนก็ทำมาจากนุ่นที่ปลูกไว้ตามริมทางเท่านั้น ใครใคร่จะทำอะไรก็เพียงแค่ไปเก็บเอามาใช้ไม่ต้องเสียเงินเสียทองให้วุ่นวาย คิรากรลืมตาขึ้นมามองสองแม่ลูก ชายหนุ่มรับรู้ได้ไม่ยากว่าสองแม่สองลูกนี้คงช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิด ทว่าเขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน และเขาหลับไปนานเท่าไรแล้ว จากการขยับร่างกายของตนเอง คงจะมีแค่ที่ขาเท่านั้นที่รู้สึกเจ็บ เมื่อมองดูก็เห็นว่าขาเขากำลังอยู่ในเผือกไม้เหมือนสมัยโบราณ ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองเขม็ง "เป็นยังไงบ้างล่ะคุณ จำได้ไหมว่าตัวเองชื่ออะไรมาจากไหน" พิมลเอ่ยถามพลางทำการตรวจร่างกายของชายหนุ่มไปด้วย เครื่องมือเครื่องไม้ที่ใช้เป็นการผสมผสานกันระหว่างการรักษายุคปัจจุบันและการรักษาแบบคนรุ่นเก่า คิรากรขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะเขาเองเติบโตจากเมืองนอกเมืองนาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน พิมลมองท่าทางที่สงสัยก็ยิ้มให้อย่างใจดี "จำได้ครับ ผมหลับไปนานแค่ไหน" คิรากรอาจจะเป็นคนเย็นชา ทว่าก็ไม่ใช่คนไร้มารยาท ในเมื่อเห็นแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นคนรักษาตนเอง และอายุอานามก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับกรุณาแม่เลี้ยงคนที่สามของตน ชายหนุ่มจึงแสดงความนอบน้อมออกมา "คุณหลับไปสามวันค่ะ นับจากวันที่น้องพิมพ์ไปเจอคุณนอนสลบอยู่ที่ใต้ต้นไม้นั่นน่ะนะ" พิมลเป็นคนตอบข้อสงสัยให้ชายหนุ่ม พิมพ์มาดาก็ยืนมองอย่างนิ่ง ๆ "น้องพิมพ์…" ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย "น้องพิมพ์ก็คนนั้นไง ลูกสาวน้าเอง น้าชื่อพิมล แล้วเราล่ะชื่ออะไร”พิมลบุ้ยปากไปทางลูกสาวที่ยืนมองตาแป๋ว คิรากรมองดูก่อนจะส่งยิ้มให้บาง ๆ เขาจำได้ในขณะที่กำลังนอนอยู่ เหมือนอยู่ในห้วงแห่งความฝันเขาได้ยินเสียงใสกังวานใสของใครสักคนพร่ำเรียกหาเขาตลอดเวลา เสียงหวานคอยกระซิบพร่ำบอกให้เขาฟื้นขึ้นมา คิรากรรู้ในนาทีนี้เองว่าคนนั้นคือหญิงสาวหน้าใสคนนี้ "สวัสดีครับน้าพิมล เรียกผมว่ากรก็ได้ครับ ขอบคุณน้องพิมพ์กับคุณน้าพิมลที่ช่วยผมนะครับ เอาไว้ให้ผมกลับบ้านได้เมื่อไร ผมจะตอบแทนให้อย่างแน่นอน คุณน้าเรียกเงินได้เต็มที่เลยนะครับ" ขอแค่เขารอดชีวิต เงินเท่าไรเขาก็ทุ่มให้ได้ทั้งนั้น ทว่าพิมพ์มาดาได้ฟังกลับรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดนั้น ต่างจากพิมลที่ได้เพียงแต่หัวเราะขำออกมาเท่านั้น "เราไม่ได้ต้องการเงินของพี่กรหรอก เราแค่ต้องการให้พี่กรหายก็เท่านั้น" หญิงสาวตอบเสียงขุ่น จะมีคนอย่างนี้จริงหรือ ช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน คิรากรหันไปมองร่างบางอย่างพิจารณา ใบหน้าสวยหวานบูดบึ้ง ไม่สวยเหมือนคนในเมือง ทว่าก็สวยหวานตามสไตล์ของเธอ หน้าเนียนไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม ร่างหนาขมวดคิ้วสงสัย ผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้ามีด้วยหรือแปลก! ขนาดกนกวรรณน้องสาวเขายังไม่เคยหน้าสดให้เขาเห็นเลยสักครั้ง "ผมก็แค่อยากตอบแทน" ชายหนุ่มบอกออกไปด้วยความจริงใจอีกนัยหนึ่งคือบุญคุณต้องทดแทน หากแค้นก็ต้องชำระ ดวงตาของคิรากรแข็งกร้าวขึ้นมาเพียงแค่นึกถึงความแค้น บุรินทร์ไอ้น้องเวรครั้งนี้มันเล่นแรงเกินไป เหตุการณ์ครั้งนี้หมายเอาชีวิตเขาเลย หากบุรินทร์ต้องการเช่นนั้นจริง ๆ เขาก็คงต้องเตรียมรับมือ หากแต่มีคนอยู่เบื้องหลังเล่า "เอาเถอะ อย่าเพิ่งพูดมากเลย น้าว่าตากรรักษาตัวให้หายดีก่อนเถอะนะ ส่วนเรื่องเงินทองน่ะ ถ้าอยากจะให้จริง ๆ ก็เอาไปบริจาคให้คนยากไร้เถอะจ้ะ" พิมลดูแค่แวบเดียวก็รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ธรรมดา ทว่าจะไม่ธรรมดายังไงเธอก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกัน พิมลไม่ใช่ชาวเขาแต่กำเนิด บ้านเกิดเธอก็อยู่ในเมืองเช่นกัน ถึงจะไม่ได้เกิดกรุงเทพ ทว่าพิมลก็เรียนจบวิชาชีพพยาบาลจนสามารถเปิดคลินิกได้ เพราะฉะนั้นเธอเองก็ไม่ได้โง่และลูกสองคนของเธอนั้น เธอกับสามีก็ส่งไปเรียนในเมืองเช่นกัน "ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เพราะตอนนี้เขาเองก็ยังคงเพลียอยู่ สิ่งที่เขาต้องทำคือการพักผ่อนเยอะ ๆ ให้ร่างกายฟื้นคืนตัวอย่างเหมือนเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD