ตอนที่ 2 เหตุไม่คาดคิด
คิรากรเปิดไอแพดเพื่อดูตารางนัดหมายของตนเอง ชายหนุ่มจำเป็นต้องเดินทางไปเจรจาซื้อที่ที่ภาคเหนือในจังหวัดเชียงใหม่ เขตพื้นที่ติดชายแดนจังหวัดเพื่อนบ้าน ที่ดินผืนนี้เป็นทำเลทองที่จะสร้างรายได้ให้กับสุนทรกรุ๊ป โครงการกาสิโนแห่งใหม่นี้ไม่เพียงจะได้นักเสี่ยงโชคจากเมืองไทยแล้วยังจะได้นักเสี่ยงโชคจากเพื่อนบ้านอีกด้วย ผลกำไรที่จะตามมาก็มหาศาลอย่างไม่ต้องคาดเดา
"นายครับบรั่นดีครับ" สุพจน์ส่งเหล้าชั้นดีให้กับเจ้านายตนเอง เพราะบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นเจ้านายตนเองทำหน้าเครียด ก่อนหน้านั้นการปะทะฝีปากของสองพี่น้องไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาเขาเลย ถึงแม้คิรากรจะไม่พูดอะไรแต่ก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์เจ้านายตนเองไม่ดีเท่าไรนัก
"อืม ไอ้พจน์ไปบอกกัปตันให้ทำเวลาด้วย"คิรากรรับแก้วเหล้ามาและกระดกเข้าปาก ชายหนุ่มกลั้วปากให้รสชาติของเหล้าซึมเข้าไปในโพรงปากและกลืนลงคอ รสชาติบรั่นดีราคาแพงนุ่มคอทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นก่อนหน้านี้เจือจางไป แก้วต่อมาถูกยืนมาทันที
"ครับ"
บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำสั่งและขยับตัวจากไป เพียงไม่นานก็กลับเข้ามาใหม่ สุพจน์นั่งลงข้างเจ้านายตนเอง หน้าที่ของเขาคือการคุ้มครองและระวังภัยให้กับคิรากร
"นายครับ ไอ้หนานคำส่งข้อความมาบอกว่ามันขอเพิ่มเงินอีกสองเท่าครับนาย" สุพจน์เปิดอ่านข้อความที่ได้รับจากแอปพลิเคชันจากเจ้าของที่ดินผืนที่เจ้านายตนเองต้องการ
"อืม ไม่ต้องตอบเดี๋ยวไปคุยต่อหน้าถ้ามันเรื่องมากนักก็ขุดดินล้อมบ้านมันทำเป็นสระน้ำซะ และปิดทางเข้าออกทุกทาง ดูสิมันจะมีปัญญาอยู่ต่อได้ยังไง"
คิรากรเอ่ยเสียงนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ในคำพูดนั้น การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับชายหนุ่ม เพื่อผลสำเร็จคิรากรทำได้ทุกอย่าง ความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวของชายหนุ่มถอดแบบเจ้าสัวคณินผู้เป็นบิดามาทุกกระเบียดนิ้ว ร่างหนาหลับตาลงเพื่อพักสายตา ปล่อยให้สายลมปะทะใบหน้าผ่านทางหน้าต่างที่แง้มเอาไว้เพียงนิด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาทำงานหนักเพื่อตระกูลมาตลอด เจ้าสัวคณินเองก็วางใจและไว้ใจกับลูกชายคนนี้มาก อีกไม่นานคนเป็นพ่อก็จะวางมือ และให้ลูกชายคนโตที่มีคุณสมบัติครบทุกอย่างขึ้นมาบริหารอาณาจักรสุนทรกรุ๊ปต่อไป คิรากรจึงต้องตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดอย่างเต็มความสามารถ เพราะมีอีกหลายชีวิตที่ต้องเลี้ยงดู ครอบครัวของคิรากรเป็นครอบครัวใหญ่ ทว่าอำนาจเด็ดขาดกลับขึ้นอยู่ที่ผู้นำตระกูลเพียงคนเดียวเท่านั้น และอีกไม่นานอำนาจนั้นก็จะตกอยู่ในมือเขาคิรากรคนนี้
ในขณะที่ร่างหนากำลังหลับตาพักอยู่นั้น อยู่ๆเฮลิคอปเตอร์ที่เขานั่งมาก็ค่อย ๆ ลดระดับลงและยังตกหลุมอากาศจนชายหนุ่มเสียหลักกระเด้งขึ้นไปด้านบน สุพจน์รีบคว้าร่างหนาของเจ้านายเอาไว้
"เฮ้ย… ระวังหน่อยสิวะ" บอดี้การ์ดหนุ่มตวาดลั่นอย่างมีโมโหเพราะเห็นเจ้านายตนเองเกือบจะได้รับบาดเจ็บ
"ขอโทษครับนาย" กัปตันหันไปสบตาทางกระจกมองหลัง สีหน้าและแววตาที่หลุกหลิกทำให้สุพจน์รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
"นายครับฮ.เราเสียการควบคุม" กัปตันบอกออกมาเสียงนิ่ง ทว่าผู้ช่วยกัปตันกลับรู้สึกถึงความไม่ปกติ เครื่องยนต์มีปัญหาอะไร ก่อนมาเขาเช็กอย่างละเอียดแล้วนี่นา
"มีปัญหายังไง แก้ไขได้ไหม" คิรากรเอ่ยถามเสียงนิ่ง เขาไม่แสดงท่าทางตกใจ เหตุการณ์แบบนี้เขาเจอมาบ่อยครั้ง เพียงแต่เกิดขึ้นบนอากาศเป็นครั้งแรกก็เท่านั้น ไม่ต้องเดาให้ยากว่าเป็นฝีมือใคร จะมีสักกี่คนที่สามารถเข้าใกล้เฮลิคอปเตอร์และตัวเขาได้เช่นนี้
"ผมพยายามอยู่ครับนาย" กัปตันเองก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยทว่าแววตากลับสั่นไหวระคนหวาดหวั่น
"นายจะทำอะไร อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ" ผู้ช่วยกัปตันรีบเข้าควบคุมยื้อแย่งบังคับเฮลิคอปเตอร์ต่อทันที ทว่าไม่ง่ายอย่างนั้น กัปตันกลับไม่ยินยอม ทั้งสองแย่งกันไปมาผู้ช่วยกัปตันนำเครื่องร่อนลงจนอยู่ระดับปลายต้นไม้ กัปตันเห็นดังนั้นก็ไม่ยินยอม เขาพยายามจะเชิดหัวเครื่องขึ้นไปอีกครั้ง สงครามการยื้อแย่งกันของกัปตันและผู้ช่วยไม่ได้หลุดรอดสายตาของสุพจน์และคิรากรไปได้ ชายหนุ่มเริ่มระวังตัวเองไว้ตลอด
สุพจน์ประกาศกร้าวให้ผู้ช่วยกัปตันเข้าควบคุมแต่เพียงคนเดียว เขาล้วงปืนยิงเข้าไปที่ศีรษะของกัปตันอย่างจัง เลือดสีแดงสดไหลออกจากรูแผลเล็ก ๆ กระเซ็นไปทั่วบริเวณ ทว่าการทำเช่นนั้นเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ลูกปืนแฉลบลงแผงควบคุม เฮลิคอปเตอร์ลำหรูเสียการควบคุมอย่างแท้จริง เครื่องเสียหลักร่อนลงสู่ภาคพื้นอย่างรวดเร็ว
"นายครับเซฟตัวเองด่วน" เร็วเกินกว่าที่ทุกคนจะตั้งตัวได้ทัน เฮลิคอปเตอร์ลำหรูร่อนลงกระแทกกับต้นไม้ แรงเหวี่ยงทำให้คนบนเครื่องกระเด้งกระดอน สุพจน์อาศัยความไวเข้ากอดรัดร่างกายของคิรากรเอาไว้ บอดี้การ์ดหนุ่มยอมเอาตัวเองเป็นโล่กําบังรองรับแรงกระแทกเพื่อให้เจ้านายตนเองปลอดภัย สุพจน์คิดเพียงว่าเจ้านายตนเองต้องรอด หากตัวเองต้องตายก็เป็นไปตามหน้าที่ เขาปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว อย่างไรครอบครัวเขาก็จะไม่ลำบาก เพราะเชื่อว่าเจ้าสัวจะไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี ผู้ช่วยกัปตันที่มีสติสามารถดึงเครื่องลงในระดับที่ต่ำมากแล้ว
ปั้ง!!!!
เสียงของเฮลิคอปเตอร์ที่กระแทกพื้นดังขึ้นทั่วบริเวณ ไม่รู้เป็นโชคดีหรือเพราะการช่วยเหลือของสุพจน์คิรากรไม่สลบไปในทันที ทว่าร่างกายก็สะบักสะบอม ชายหนุ่มหันไปมองสุพจน์ที่นอนแน่นิ่งทว่าลำแขนยังคงกอดรัดเขาเอาไว้แน่น เป็นภาพที่สะเทือนใจเป็นอย่างมาก คิรากรยืนมือไปอังที่จมูก ไร้ลมหายใจจากร่างบอดี้การ์ดฝีมือดี เขาปฏิบัติหน้าที่ของตนเองจนนาทีสุดท้าย ชายหนุ่มหลับตาลงเพื่อเรียกสติตนเอง เขารีบขยับไปที่หน้าเครื่องผู้ช่วยกัปตันใส่เสื้อสีขาวที่ตอนนี้กับย้อมไปด้วยสีแดงสดของเลือด ลำคอหมุนรอบไม่ต้องจับดูก็รู้ว่าคาที่ อีกคนต้องไม่ต้องหันไปดูกระสุนเจาะเข้าไปอย่างจังตั้งแต่บนอากาศแล้ว
กลิ่นน้ำมันโชยมาเข้าจมูกโด่ง ชายหนุ่มรับรู้ทันทีว่าเหตุการณ์ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น ร่างหนาตะเกียกตะกายออกมาจากซากเฮลิคอปเตอร์อย่างทุลักทุเล เมื่อหลุดออกมาได้เขาก็รีบวิ่งลากขาที่เหมือนจะหักออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ คิรากรวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวเฮลิคอปเตอร์ลำหรูก็ระเบิดออกมาเสียงดัง แรงระเบิดซัดร่างหนาให้กระเด็นไปด้านหน้า แผ่นหลังร้อนผ่าวเพราะไฟจากแรงปะทุ ชายหนุ่มกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ หนังตาหนักอึ้งความเจ็บปวดจนแทบขาดใจถาโถมเข้ามา คิรากรไม่อาจฝืนร่างกายตนเองเอาไว้ได้อีก หนังตาค่อย ๆ ปิดลง ความมืดเข้าครอบงำพร้อมสติสัมปชัญญะที่หมดลง ชายหนุ่มไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว