Chapter.3 เลี้ยงเด็ก

1188 Words
ผมเป็นหมอ ผมทำถูกแล้วใช่ไหม หลังจากที่นั่งวินิจฉัยและวิเคราะห์แนวทางการรักษา ก่อนจะได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดก็คือพู่ไหมควรรับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด แต่เจ้าตัวก็ยังดื้อไม่ยอมผ่าท่าเดียว ทำให้ผมเครียดมาก ไม่มีเคสไหนที่ทำให้หนักใจเท่าเคสนี้มาก่อน หลังจากแจ้งว่าต้องผ่าตัดพยาบาลก็พาเธอไปเจาะเลือดให้น้ำเกลือเตรียมงดน้ำงดอาหารเพื่อเข้าห้องผ่าตัด ส่วนผมก็เตรียมตัวด้วยเหมือนกัน ผมให้ทางโรงพยาบาลติดต่อญาติ อีกไม่นานคงมาถึง พู่ไหมต้องได้รับการเซ็นยินยอมก่อนถึงจะเข้าห้องผ่าตัดได้ เรื่องนี้ผมจัดการได้ไม่มีปัญหา ........... "สวัสดีค่ะคุณหมอ/สวัสดีครับ" ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งเข้ามาพบผมในห้อง ตรงเวลาเป๊ะ ดี ผมมีเวลาเจรจาเรื่องนี้สิบนาทีก่อนเข้าห้องผ่าตัด "สวัสดีครับ เข้าเรื่องเลยแล้วกันครับ พู่ไหมลูกสาวของพวกคุณต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ถ้าช้าอาการของจะทรุดลง และอยู่ได้อีกไม่นาน" ทั้งสองคนมองหน้ากัน พอมองออกว่าไม่อยากให้พู่ไหมเข้ารับการผ่าตัด ที่จริงก็ไม่อยากวิเคราะห์ให้ผลออกมาเป็นแบบนี้ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทำแบบนี้กับลูกหรอกครับ แต่การคิดวิเคราะห์ของผมบอกว่าเป็นแบบนั้น "เอ่อ พวกเราไม่มีตังค์หรอกจ๊ะ ถ้าผ่าก็คงต้องย้ายไปโรงพยาบาลรัฐบาล ผ่าที่นี่เราไม่มีปัญญาจ่ายหรอก" " เอาแบบนี้นะ ค่าใช้จ่ายผมจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ขอแค่พวกคุณสองคนเซ็นเอกสารยินยอมให้พู่ไหมผ่าตัด " ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ย้ายไปที่อื่นก็เท่ากับไปนอนรอความตาย เหอะ เรื่องอะไรผมจะยอม ผมไม่ได้ดูถูกหรือว่าเหยียดการรักษาของโรงพยาบาลอื่น ในเมื่อกำลังจะได้ผ่าอยู่แล้วทำไมต้องทำเรื่องย้ายให้มันวุ่นวายด้วย "ผ่าออกมาแล้วต้องพักฟื้นนานมั้ยจ๊ะ เอ่อ คือ พู่มันต้องทำงาน ลานานไม่ได้เดี๋ยวเถ้าแก่จะไล่ออกเอา" ผมเลิกคิ้วให้กับคำถามของคนเป็นแม่ เวลานี้เด็กอย่างเธอต้องเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว พู่ไหมเพิ่งสิบแปดย่างเข้าสิบเก้า ทำไมถึงเอาแต่ห่วงงานไม่เอาเวลาไปอ่านหนังสือหรือเตรียมเอ็นตามมหาวิทยาลัยที่เขาเปิดรับสมัคร "เอาล่ะ หมอไม่รู้หรอกนะว่าบ้านของพวกคุณมีปัญหาอะไร แต่ลูกสาวของคุณควรศึกษาต่อ สมัยนี้การเรียนสำคัญที่สุด อนาคตเขายังอีกไกล ไม่เรียนต่อแล้วจะเอาความรู้จะเอาวุฒิที่ไหนไปสมัครงาน หางานดีๆ ทำ เอาเป็นว่าเซ็นเอกสารให้ผมก่อน ออกจากห้องผ่าตัดผมจะคุยเรื่องนี้กับพวกคุณอีกครั้ง" ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่ออนาคตของพู่ไหม เธอยังเด็กมาก ไม่เหมาะที่จะต้องมาทำงานเป็นลูกจ้างรายวันแบบนี้ "หมอสนใจลูกสาวผมหรือครับ " "พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ ลูกคุณเป็นคนไข้ผม ผมก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา " "ผมก็นึกว่าหมออยากได้มันไปเป็นเมียซะอีก" "ทำไมคุณพูดแบบนี้ คนอย่างผมมีจรรยาบรรณ พูดจาแบบนี้ผมสามารถฟ้องคุณได้นะ " คำพูดก็รู้ว่าอยากขายลูกสาวกิน เป็นพ่อแม่ภาษาอะไร ลูกตัวเองนอนทรมานจะแย่อยู่แล้วยังห่วงเรื่องงานเรื่องเงินอยู่ได้ ต้องคิดใหม่แล้วว่าสองคนนี้ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอหรือเปล่า "ผะ ผม ขอโทษครับหมอ " ผมไม่อยากขู่ใคร แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาพูดจาแบบนี้กับผม คนอย่างผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วแค่ไม่อยากทำ แค่นี้ชีวิตพวกเขาก็แย่มากพออยู่แล้ว "พู่ไหมอดทนมากพวกคุณรู้ไหม? เธอกินยาลดปวดมานานแค่ไหนแล้ว" "ก็...ไม่ทราบเหมือนกันค่ะหมอ" แม่ของเธอตอบเสียงเบา ตอนนี้ไตและตับของเธอเริ่มมีปัญหา ผลพวงมาจากยาลดปวดที่กินเป็นประจำ วันหนึ่งก็คงมากอยู่ ยาลดปวดธรรมดาออกฤทธิ์แค่4-6 ชั่วโมง ดีแค่ไหนที่เธอยังไม่ไปซื้อยาลดปวดขนานรุนแรงมากิน "ผมถามจริงๆ พู่ไหมใช่ลูกแท้ๆ ของพวกคุณไหม " "เอ่อ คือ ชะ ใช่ค่ะ/ครับ" จากคำตอบที่ตะกุกตะกักก็พอรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร คนเป็นแม่นั่งก้มหน้าไม่แม้จะเงยขึ้นมาสบตา ส่วนคนเป็นพ่อก็มีท่าทีที่ลุกลี้ลุกลน "เอาเถอะ ผมรีบ ออกจากห้องผ่าตัดเมื่อไหร่เราได้คุยกันยาวแน่ ผมขอตัวก่อนนะครับ" ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผู้หญิงคนนี้ด้วย รู้แค่ว่าอยากจัดการเรื่องนี้จบ ปล่อยไว้แบบไม่ได้ ................. "พี่จิ้งพี่จกครับ ผมมีงานให้ทำ" "ได้ครับคุณหมอ มีอะไรให้พวกผมรับใช้ บอกมาได้เลยครับ" "ผมต้องการประวัติของคนคนหนึ่ง ผมจะส่งรูปและชื่อนามสกุลไปให้ทางไลน์นะครับ ขอด่วนที่สุด" "ได้ครับคุณหมอ" งานนี้คงต้องให้พี่สองคนช่วย หลังจากโทรสั่งงานเสร็จผมก็แอบเข้าไอจีของเธอ ก๊อบรูปมาประมาณสามสี่รูปเพื่อส่งให้พี่จิ้งพี่จกดู รวมทั้งชื่อนามสกุลของเธอ ผมเป็นทั้งมาเฟียและหมอ พ่อของผมเป็นมาเฟียมาก่อน เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะมีอะไรยาก .............. ถึงเวลาต้องเข้าห้องผ่าตัด เด็กผู้หญิงตัวเล็กนอนรอความช่วยเหลืออยู่อย่างไม่เต็มใจ ผมล้างมือทำความสะอาดสวมเครื่องแบบ ถุงมือ หมวก แมสปิดปาก เข้ามาในห้องก่อนเวลาตอนนี้เธอกำลังจะดมยาสลบ "หมอ หนูกลัว " เธอหันหน้ามาทางผมแล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจ แววตามีแต่ความหวาดกลัวและความกังวลเต็มไปหมด "ไม่ต้องกลัวนะ ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี ทำใจให้สบาย หลับแค่แป๊บเดียว ตื่นมาก็หายแล้ว" "หมอช่วยโทรบอกพ่อกับแม่ให้หน่อยนะคะเดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง" "ได้สิ ไม่ต้องเป็นห่วง เอาล่ะยาสลบกำลังจะออกฤทธิ์ " ไม่นานเธอก็หลับลงอย่างช้าๆ ต่อไปก็คือหน้าที่หมออย่างผม "หมอคะ " ผมยื่นมือไปรับมีดผ่าตัด จากนั้นก็เริ่มลงมีดที่ผิวบางๆ ของเธอ ไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน ผมจะทำให้เต็มที่เพื่อเด็กน้อยคนนี้ เด็กในอุปการะของผม เอาละ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะรับพู่ไหมมาดูแล จะส่งให้เธอเรียนจนจบ คงไม่ยากถ้าจะตกลงเรื่องนี้กับพ่อแม่จอมปลอมของเธอ .............................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD