ตอนที่ 6
“คุณป้าคะชุรบกวนรอชุแป๊ปหนึ่งนะ เดี๋ยวชุไปเอาของให้คุณแม่ก่อน” ชุติมาบอกรสรินทร์หลังจากที่ให้คนรถจอดรอหน้าร้านตัดเสื้อผ้าชั้นนำ
“ไม่เป็นไรจ้ะไม่ต้องรีบก็ได้ ป้าไม่รีบไปไหน” “ค่ะ” ชุติมารับคำแล้วก็วิ่งเข้าไปในร้าน
“เอ๊ะนั่นมันรถเจ้าธรรนี่ใช่มั้ยนายใหญ่” รสรินทร์ถามคนขับรถเมื่อเห็นรถธรรทรจอดตรงหน้าร้านดอกไม้ พร้อมกับเห็นลูกชายหอบช่อดอกไม้ช่อโตออกมากับหญิงสาว ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นคนๆ เดียวกับที่ไปบ้านเธอวันนั้น
“เอ่อ! ครับๆ ใช่ครับคุณหญิง” นายใหญ่คนขับรถตอบ
“แล้วนั่นมาทำอะไรกับแม่นั่นล่ะ ดูสิเขาไม่ยอมมากับหนูชุแต่มากับแม่นี่ พักนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเจ้าธรรนี่สงสัยจะต้องกำราบสักครั้งแล้ว”
เธอบ่นพร้อมกับนั่งดูพฤติกรรมของลูกชายกับเทียมหทัยที่มีท่าทีที่สนิทสนมกันมากเป็นพิเศษเกินความเป็นคนรู้จัก ซึ่งทำให้เธอนึกสงสัยอะไรขึ้นมาได้ทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะธรรทรกำลังขับรถออกไปจากหน้าร้านโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นว่ากำลังเป็นเป้าสายตาของใคร
“เสร็จแล้วค่ะคุณป้า” ชุติมาบอกขณะเข้ามานั่งในรถ
“จ้ะ งั้นเราไปกันเลยนะ” รสรินทร์บอกพร้อมอาการโล่งใจที่ชุติมาไม่ทันได้เห็นสิ่งที่เธอเห็นเมื่อสักครู่นี้
“คุณหญิงเรียกผมมามีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ”
อลงกรณ์เข้ามาหารสรินทร์ด้วยท่าทางไม่สบายใจนัก ซึ่งเธอและแม่ของเขานั่งรอที่โต๊ะในสวนหลังบ้าน
“นั่งก่อนสิพ่อกรณ์ ก็ไม่มีอะไรหรอกฉันแค่อยากจะรู้ว่าตอนนี้ลูกชายของฉันไปมีใครที่ไหนนอกจากหนูชุบ้างหรือเปล่า” เธอบอกพร้อมหยั่งเชิงดูอลงกรณ์ว่าจะรู้เรื่องๆ นี้ด้วยหรือไม่
“เอ่อ! คุณหญิงหมายถึงใครครับ” อลงกรณ์ถามด้วยอาการอ้ำอึ้ง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเขาที่รู้เรื่องมาโดยตลอด
“ฉันหมายถึงว่าคนพิเศษที่เจ้าธรรเขาคบอยู่น่ะ มีมั้ย”
“เอ..ไม่เห็นคุณธรรพูดถึงใครนะครับ”
“แล้วแม่เทียมหทัยลูกเลี้ยงคุณกรรชัยกับแม่พรรณีล่ะ” รสรินทร์รีบเข้าประเด็นเพราะรู้ดีว่าอลงกรณ์จะต้องรู้ดีที่สุด
“คุณเทียมหทัยก็เป็นคนที่เราร่วมงานด้วยครับ คุณธรรก็รู้จักพอๆ กับที่ผมรู้จักครับ ไม่มีอะไรพิเศษมากไปกว่านี้ครับคุณหญิง”
อลงกรณ์ตอบด้วยอาการนิ่ง เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาเผลอไปบอกอะไรรสรินทร์จะต้องเล่นงานธรรทรแน่ๆ เลย
“จริงเหรอเจ้ากรณ์ อย่าโกหกฉันนะ เพราะฉันไม่ชอบ” รสรินทร์พูดท่าทางเอาจริง เล่นเอาอลงกรณ์ถึงกับหน้าถอดสี
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วขอบใจนะ ไปพักเถอะทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วเจ้าธรรไปไหนหรือนี่ ฉันไม่เห็นหน้าลูกฉันมาหลายวันแล้วนะ” รสรินทร์นึกได้
“วันนี้โทรมาบอกว่าจะพาลูกค้าไปเลี้ยงข้าวค่ะคุณ เห็นว่าจะกลับดึกไม่ต้องรอทานข้าว” สายชลรีบชิงตอบแทนลูกชาย
“จริงหรือสายชล” “จริงค่ะคุณหญิง”
“งั้นไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”
“ตามสบายจ้ะพ่อกรณ์ เธอด้วยสายชล วันนี้ช่วยฉันหลายอย่างแล้วไปพักผ่อนกับลูกเถอะ ขอบใจมาก” รสรินทร์บอกเพื่อนรัก
“ค่ะขอบคุณค่ะคุณหญิง”
สายชลกล่าวด้วยความนอบน้อม แล้วก็เดินผละไป ทิ้งให้รสรินทร์นั่งอยู่คนเดียว และก็กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้พบเห็นมาเมื่อวันก่อน ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้จะพอใจนัก แล้วเธอจะทำยังไงกับลูกชายคนนี้ดี ถึงจะทำให้เขาทำอย่างที่เธอตั้งใจเอาไว้ และเธอก็รู้ว่าการใช้วิธีที่รุนแรงกับเขานั้นไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่ จะเหลือก็วิธีเดียวที่เธอยังไม่ได้งัดออกมาใช้
“ไม่ยักรู้นะคะว่านักธุรกิจอย่างคุณธรรนี่จะยอมคุณแก้วทุกเรื่องเลย”
เทียมหทัยแซวอลงกรณ์เพราะเห็นยอมให้ดวงแก้วใช้หยิบโน่นนี่อยู่ตลอดตั้งแต่มาถึงจนตั้งเตาบาร์บีคิวเสร็จ เพราะทั้งสี่คนพากันยกขบวนมาพักที่บ้านพักของกรรชัยที่ภูเก็ต โดยเธอใช้เหตุผลกับกรรชัยว่าจะมาประชุม เพราะถ้ากรรชัยรู้ก็คงจะไม่พอใจแน่ๆ เลย ส่วนธรรทรกับพรรคพวกก็หาเรื่องโกหกคุณหญิงได้ไม่ยาก เพราะมีคนรู้เห็นเรื่องนี้หลายคน
“ก็คนเรามันก็ต้องมีจุดอ่อนกันบ้างนะครับคุณขิม ดูอย่างเจ้ากรณ์สิยังยอมคุณขิมไปทุกเรื่องเลย จริงมั้ยกรณ์”
อลงกรณ์แซวเจ้านายบ้าง เพราะอาการที่ธรรทรเป็นก็ไม่แตกต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะคอยบริการโน่นนี่ให้เทียมหทัย ดูแล้วทำให้เขารู้สึกเห็นใจเจ้านายเขามากๆ เลย เพราะเขารู้ดีว่าคุณหญิงรสรินทร์น่าจะระแคะระคายอะไรบางอย่างแล้ว แต่ยังไม่ทำอะไรให้เด็ดขาดเท่านั้นเอง คิดแล้วพลอยทำให้เขานึกสงสารเทียมหทัยไม่ได้! เพราะเธอไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
“ก็คนมันรักเข้าไปแล้วนี่หว่า จริงมั้ยครับคุณขิม”
ธรรทรส่งสายตาหวานเยิ้มไปทางเทียมหทัยซึ่งกำลังง่วนกับการปิ้งๆ ย่างๆ อย่างขวยเขินกับคำบอกรักต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา
“อะไรคะ ขิมไม่รู้เรื่องนะใครรักใครกันคะ” เธอออกอาการอาย
“อ้าว! พูดอย่างนี้สงสัยต้องการพยานรู้เห็นแน่ๆ เลย งั้นมานี่เลย” เขาพูดพลางเดินเข้ามากอดด้านหลังเธอและหอมเข้าที่แก้มฟอดใหญ่
“อุ๊ย! ปล่อยค่ะ ดูสิอายคุณธรรกับคุณแก้วบ้างสิคะ”
“ไม่ต้องอายหรอกครับเราไม่เห็นอะไรนะแก้วนะ” อลงกรณ์แกล้งกลับ
“ว้า! สงสัยขิมจะโดนรุมใช่มั้ยคะ”
“โถ! ใครจะกล้ารุมคะคุณขิม แก้วว่าน่ารักออกค่ะ ดูคุณสองคนสิคะ หน้าตาสดใสมากๆ เลย นี่แล่ะน้าเขาเรียกว่าคนกำลังมีความรัก โลกทั้งใบมักจะสดใส”
“งั้นโลกของเราก็ด้วยใช่มั้ยจ้ะ”
อลงกรณ์พูดพลางเดินมากอดดวงแก้วบ้าง ทำให้ทั้งสี่คนหัวเราะด้วยความสุขพร้อมๆ กัน