“คุณแม่ว่าไงนะคะ นี่คุณแม่ให้พี่กรรกับพี่ณีเอาเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่บ้านในฐานะลูกบุญธรรมงั้นหรือคะ ภัคกับยายภาไม่เห็นด้วยนะคะ ลูกเสือลูกตะเข้เอามาเลี้ยงไว้จะแว้งกัดทีหลังหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”
ภัคคินีลูกสาวคนกลางของคุณพร้อมกล่าว เมื่อเข้ามาเยี่ยมแม่หลังจากเพิ่งแต่งงานและออกเรือนไปไม่กี่ปี และมีทายาทเป็นลูกสาวอายุได้สามขวบกว่าๆ และก็ได้ยินเรื่องของพี่ชายจากปากของแม่
“ภาก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกันค่ะคุณแม่ ภาไม่ถูกชะตากับเด็กนั่นยังไงไม่รู้นะคะ คอยดูนะภาจะไม่พูดกับพี่กรรและพี่ณีเลยคอยดูสิ”
ภาวินีลูกสาวคนเล็กสมทบภัคคินีผู้พี่ ซึ่งเป็นน้องคนถัดมากจากกรรชัย และก็แต่งงานตามหลังพี่สาวและออกเรือนไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ และก็มีทายาทเป็นลูกสาว อายุสองขวบกว่าๆ เช่นกันกับพี่สาว
“ยายภา ยายภัค นี่! อย่าพูดดังไปนะพี่เขาได้ยินจะเสียกำลังใจนะ เราสองคนก็รู้นี่ ว่าพี่เขากำลังเสียใจเรื่องลูกสาวของเขา และอีกอย่างอีกไม่กี่วันเจ้าปลายก็จะต้องไปเรียนเมืองนอกแล้ว ยัยขิมก็จะได้เป็นเพื่อนของพี่เค้าไงล่ะ”
คุณพร้อมอธิบายให้ลูกสาวฟัง และไม่อยากให้พูดเสียงดังไป เพราะไม่อยากให้ใครได้ยินเข้า แล้วจะถึงหูลูกชายและลูกสะใภ้ ถึงแม้บ้านคุณพร้อมและบ้านกรรชัยจะอยู่คนละหลัง และอยู่ห่างกันพอสมควร แต่ก็ปลูกอยู่ในเนื้อที่เดียวกัน ซึ่งบ้านหลังนี้สามีคุณพร้อมเป็นคนสร้างขึ้นมาเพราะอยากจะอยู่แบบเรียบๆ ง่ายๆ
ก็เลยสร้างแบบเล็กๆ เป็น 2 ชั้น สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เป็นบ้านทรงไทยเก่าซึ่งมีระเบียงด้านข้างติดกับบึงน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยดอกบัวชนิดต่างๆ ส่วนด้านข้างอีกฟากก็เป็นที่ปลูกพืชผักสวนครัวและดอกมะลิ เพราะยามว่างเธอจะร้อยพวงมาลัยไปถวายพระ ซึ่งเป็นกิจกรรมผู้มีอายุ และมีอันจะกินเอาไว้ทำแก้เหงา
เธอและสามีก็จะอยู่บ้านหลังนี้มากกว่าจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นเรือนหอของทั้งสองมาเมื่อครั้งที่แต่งงานกันใหม่ๆ อีกทั้งสามีเธอก็สิ้นใจในเรือนไทยหลังนี้ด้วย เหตุนี้เธอจึงรักและชอบบ้านหลังนี้มาก พร้อมทั้งลูกๆ ก็เคยอาศัยบ้านหลังนี้เป็นครั้งคราว
แต่เมื่อกรรชัยแต่งงานบวกกับที่เธอเสียสามีไปในเวลาที่ไม่ห่างกันมาก เธอก็เลยยกให้กรรชัยและพรรณีตกแต่งใหม่เพื่อเป็นเรือนหอและเป็นที่รับรองแขกด้วย
“กำลังปรึกษาอะไรกันหรือจ้ะสาวๆ” เสียงกรรชัยแว่วเข้ามาในบ้านหลังน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก
“ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่กำลังคุยกับน้องเรื่องยัยขิมของลูกน่ะ”
คุณพร้อมรีบชิงบอกและก็เดินเข้ามาหยิกแขนภาวินีเอาไว้ก่อนที่จะพูดอะไรที่ไม่ค่อยจะเข้าหูพี่ชายเท่าไหร่
“เหรอครับ ผมมาตามคุณแม่กับสองสาวไปทานข้าวครับ วันนี้ณีเขาตั้งโต๊ะที่ในสวนครับ” กรรชัยบอกด้วยอาการตื่นเต้นในที
“ทำไมตั้งในสวนล่ะจ้ะ”
คุณพร้อมถามด้วยความสงสัย เพราะพฤติกรรมแบบนี้ครอบครัวของเธอจะทำเฉพาะกรณีพิเศษๆ เท่านั้น และมันก็ไม่มีกรณีพิเศษแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ที่ลูกคนเล็กของกรรชัยจากไป
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ พอดีวันนี้มากันหลายคนเฉพาะบ้านยายภายายภัคก็ปาเข้าไปตั้งหกคนแล้วนะครับคุณแม่ และผมก็อยากจะให้ทุกๆ คนได้พบและรู้จักยัยขิมอีกครั้งครับ จะได้สนิทกันเร็วๆ ” เขาอธิบาย
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เอ้าว่าไงจ้ะสองสาวจะไปมั้ย แต่แม่ไม่รอแล้วนะ แม่หิวจนตาลายอยู่แล้ว ปะกรรพาแม่ไปเถอะ ใครมาช้าหมดก่อนไม่รู้ด้วยนะ”
คุณพร้อมแหย่ลูกๆ พร้อมทั้งออกเดินนำหน้าโดยมีกรรชัยคอยประคองเดินตรงไปที่สนามหญ้า
“พี่ณีนี่เก่งนะคะ แปรงโฉมเด็กนี่ได้เร็วจริงๆ เลย ภาเห็นคุณแม่บอกว่าวันแรกที่ไปรับมาจากสถานสงเคราห์น่ะ หน้าตาเหมือนเด็กขอทานไม่มีผิดเลย แต่ดูวันนี้สิคะ เป็นคนละคนเลยค่ะ”
ภาวินีเอ่ยขึ้นในที่สุดขณะทุกคนกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารบนโต๊ะ โดยหนูน้อยที่ถูกพูดถึงนั่งร่วมโต๊ะถัดจากพี่ชายกำมะลอซึ่งดูจะไม่ค่อยปลื้มที่ได้น้องสาวคนใหม่ พอๆ กับอาภัคและอาภาของเขาเท่าไหร่
“คุณภาชมหรือว่าประชดพี่คะ แต่เอาเถอะพี่จะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน แต่จริงๆ แล้วนะพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายหรอกจ้ะ ส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือคุณอรเค้า รายนั้นเขาถนัดเรื่องนี้”
พรรณีอ้างถึงบังอรแม่บ้านใหญ่ ด้วยอาการที่เธอประทับใจไม่น้อย เพราะบังอรอยู่บ้านนี้มานานตั้งแต่สมัยที่เธอแต่งงานและได้คลอดปลายออกมาบังอรก็เป็นคนเลี้ยงมาตั้งแต่นั้น และบังอรก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังในเรื่องนี้เลย
“อ๋อ! คุณแม่บ้านของพี่ณีนี่เอง แล้วพี่ณีคิดจะให้แม่บังอรเลี้ยงเด็กคนนี้ให้เหมือนกันตาปลายเลยหรือเปล่าคะ แต่ภาว่าคงไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ แค่มีข้าวให้กิน มีโรงเรียนให้เข้า มีห้องส่วนตัวให้อยู่ไม่ต้องอยู่รวมกันเหมือนอยู่ที่เก่าก็ดีถมไปแล้วล่ะ จริงมั้ยพี่ภัค” ภาวินีพูดพร้อมทั้งหาคนสมทบโดยหันไปหาภัคคินี
“พี่ก็ว่างั้นล่ะ หรือว่าไงคะพี่กรร” พูดพลางหันไปหาคำตอบจากพี่ชาย
“พี่ก็คงจะเลี้ยงเขาให้เหมือนกับลูกแท้ๆ ของพี่แล่ะนะ เพราะพี่ตั้งใจไว้อย่างนี้ และพี่กับณีเค้าเราต่างก็มีความรู้สึกรักแกเหมือนลูกแท้ๆ ของพี่คนหนึ่ง ภากับภัคดูดีๆ สิว่าแกมีลักษณะที่เหมือนกับยัยขิมของพี่ขนาดไหน แต่ที่เห็นเงียบๆ ก็คงเพราะแกยังไม่คุ้นกับเราเท่านั้นเอง” กรรชัยพูดพลางหันไปมองเด็กน้อยด้วยแววตาที่เอ็นดู